บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
764
2 นาที
22 กรกฎาคม 2567
Lost Decade 10 ปีที่หายไป ไทยเหมือนเดิม
 

ช่วงหลาย 10 ปีก่อน ไทยเคยเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ แต่ปัจจุบันสู้ต่างประเทศอย่างเวียดนามไม่ได้ เพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลย เดิมๆ มาตลอด บวกกับประชากรวัยสูงอายุของไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สู้กับต่างประเทศที่มีคนวัยทำงานมากกว่า อีกทั้งกำลังซื้อจากประชากรไทยลดลงอีก  
 
ในช่วงปี 1980-1990 ทั่วโลกให้คำนิยามเศรษฐกิจประเทศไทยว่าเป็น "เสือตัวที่ 5 ของเอเชีย" ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว พอมาเจอวิกฤตต้มยำกุ้งปี 1997 คำนิยามดังกล่าวก็กลายเป็นอดีต ยากที่จะกลับมาหอมหวนได้เหมือนเดิม 
 
หากย้อนไปในช่วงปี 2006-2015 เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตช้ากว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งมาก อีกทั้งยังโตช้ากว่าหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนเสียอีก อาจเรียกได้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วง Lost Decade หรือ ทศวรรษที่สูญหายไป 
 
 
แม้ในวันนี้จะมาถึงปี 2024 เกือบครบอีกหนึ่งทศวรรษ 2016-2025 เศรษฐกิจไทยยังเหมือนเดิม หรืออาจจะตกต่ำลงไปมากกว่านี้ก็ได้ แม้ว่าระบาดโควิดจะคลี่คลาย หากเป็นแบบนี้ก็จะเข้า 2 ทศวรรษที่หายไปเลย 
 
ยิ่งมาดูภาพรวมของการส่งออกของไทยก็ลดลง เพราะไทยผลิตสินค้าที่ต่างประเทศต้องการน้อย บวกกับการบริโภคภายในประเทศก็ลดลงด้วย ประชาชนไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย แม้กระทรวงการคลังคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2024 จะขยายตัวร้อยละ 2.4 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.9 ต่อปี แต่ยังถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก 
 
รายงานจากสภาอุตสาหกรรมฯ ผลกระทบที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจในตอนนี้ ตั้งแต่ 5 เดือนแรก ม.ค. - พ.ค. 2024 มีโรงงานปิดกิจการไปแล้ว 567 แห่ง เฉลี่ย 113 โรงงานต่อเดือน มีแรงงานตกงานกว่า 15,000 คน อุตสาหกรรมที่ปิดกิจการมากที่สุด คือ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก กลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ และกลุ่มอุตสาหกรรมโลหะ 
 
 
คาดว่าปี 2568 มีบริษัทขนาดใหญ่แบกรับภาระไม่ไหว ปิดตัวอีกหลายราย ยังไม่รวมธุรกิจร้านอาหารที่แบกรับต้นทุนไม่ไหว จำใจต้องปิดกิจการไปจำนวนมากในช่วงปี 2023-2024 
 
สาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจไทยอ่อนแอลง หลายคนมองว่ามาจากปัญหาการเมือง ทั้งการรัฐประหาร การทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่จริงๆ การที่ศักยภาพเศรษฐกิจไทยต่ำลงมาจากปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจของไทยด้วย 
 
KKP Research ประเมิน GDP ไทยเหลือ 2 % 
 
KKP Research โดยธนาคารเกียรตินาคินภัทร รายงานข้อมูลว่า ย้อนกลับไปในรอบ 3 ทศวรรษ เวลาไทยเจอกับวิกฤตทีไรทำให้เศรษฐกิจไทยต้องหดตัวรุนแรง แนวโน้มการเติบโตต่ำลงทุกครั้งด้วย จากข้อมูลตั้งแต่ปี 1997 เศรษฐกิจไทยเติบโตลดลงจาก 7% ก่อนหน้า เหลือเพียง 5% ต่อมาในปี 2008 เจอวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เศรษฐกิจเติบโตลดลงเหลือ 3% มาปี 2019 เจอวิกฤตโควิดเติบโตเหลือ 2% 
 
ปัจจัยกำหนดศักยภาพเศรษฐกิจไทย

1.แรงงาน 
 

เป็นหนึ่งในปัจจัยการผลิตที่เป็นแรงฉุดศักยภาพเศรษฐกิจให้ต่ำลง ถ้าแรงงานลดลงจะทำให้ศักยภาพการเติบโต GDP ลดลงประมาณ 0.5 จุดต่อปีจนถึงปี 2030 และลดลง 0.8 จุดต่อปีในทศวรรษที่ 2040 ทำให้ศักยภาพ GDP ไทยเหลือต่ำเพียง 2% ต่อปี หากทุนสะสมและผลิตภาพเท่าเดิม แต่ถ้าหากหดตัวลดลง จะทำให้ GDP ต่ำลงไปถึง 1.3%
 
ไทยยังเข้าสู่สังคมสูงวัยอายุราวๆ 20% ทำให้กำลังแรงงาน 15-60 ปีลดลง โดยประชากรวัยทำงานไทยได้ผ่านจุดสูงไปแล้วตั้งแต่ปี 2012 จะหดตัวอย่างต่อเนื่องปีละ 0.7 จาก 70% จนเหลือสัดส่วนเพียง 60% ของประชากรทั้งหมดในปี 2030 ประชากรวัยเด็กลดลงปีละ 1.8% จนถึงปี 2030 สวนทางกับคนสูงอายุที่เพิ่มจาก 10% ในปี 2012 เป็น 20% ในปี 2030
 
เมื่อคนวัยทำงานและเด็กลดลง แต่ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย คือ กำลังซื้อในประเทศลดลงเรื่อยๆ เมื่อไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบจำพวกรถยนต์ สินค้าฟุ่มเฟือย แต่สินค้าด้านสุขภาพและความงามจะเติบโตมากขึ้น ผลกระทบอีกส่วน คือ ผลิตภาพแรงงานลดลง 

2. การสะสมทุน 

ลดลงตั้งแต่หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง จากแต่ก่อนมีการสะสมทุนปีละ 6.6% ต่อปี ลดลงเหลือ 2.1% ตั้งแต่ปี 2012 อีกทั้งยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้ภาคเอกชน ธนาคารปล่อยสินเชื่อยากขึ้น ทำให้โอกาสขยายการลงทุนในเศรษฐกิจโดยรวมลดลง 

3. เทคโนโลยี 
 

ช่วยให้แรงงานและทุนสามารถผลิตได้มากขึ้น เทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้แรงงาน 1 คนสามารถผลิตสินค้าได้มากขึ้น หรือมี Productivity มากขึ้น 
 
ปัจจัยทำ Productivity ไทยลดลง 
  1. การเพิ่มสัดส่วนภาคบริการที่มีผลิตภาพต่ำกว่าภาคอุตสาหกรรม
  2. คุณภาพการศึกษาที่ส่งผลต่อคุณภาพแรงงาน
  3. ขาดการลงทุนทั้งภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศ 
ปฏิรูป 4 ด้านยกระดับ GDP ไทยกลับมา
  1. เพิ่มผลิตภาพดึงดูดแรงงานทักษะสูง
  2. เปิดเสรีภาคบริการ เพิ่มการแข่งขันภาคบริการที่มีมูลค่าสูง 
  3. เพิ่มผลิตภาพภาคการเกษตร
  4. ปฏิรูปภาคการคลัง จัดการปัญหาภาระทางการคลัง
จะเห็นได้ว่า แม้การระบาดโควิดแม้จะคลี่คลายไปแล้ว แต่เศรษฐกิจทั่วโลกยังถดถอย อัตราเงินเฟ้อสูง ค่าครองชีพแพง สินค้าวัตถุดิบขึ้นราคา ต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หลายๆ ธุรกิจปิดกิจการ ปลดพนักงานจำนวนมาก ถ้าไทยไม่ปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ ไม่แก้ปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยก็จะเหมือนเดิม 
 
แหล่งข้อมูล 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แค่ใส่ใจ ใช้ให้เป็น Data-Driven Marketing อาวุธล..
2,382
ผู้กำกับ งานหด...สู่ครีเอเตอร์ TikTok ปั้นคอนเทน..
2,218
เศรษฐกิจไร้สัญญาณฟื้น! ทุบธุรกิจไทย เจ๊งแล้ว เจ๊..
1,294
จ่ายเท่าไหร่ ถ้านำสินค้าเข้าไปขายใน 7-Eleven
1,088
ร้านอาหารไทย หมดแรง กำลังซื้อหด ต้นทุนสูง ปิดตัว..
1,046
พลิกโฉม! 5 เทคนิค ทำธุรกิจแนวญี่ปุ่น ไม่เคยบอกใคร
953
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด