ทันทีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 ให้ "เศรษฐา ทวีสิน" พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แวดวงการเมืองก็ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ต่อจากนี้ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะมีผลกระทบอะไรกับเศรษฐกิจไทยบ้าง รวมถึงเรื่องเงินดิจิทัลที่ยังไม่แน่ชัดว่าจากนี้จะมีผลกระทบแค่ไหน แต่ที่แน่ๆว่าชื่อของอดีตนายก เศรษฐา ทวีสิน ได้ฮิตติดโซเชี่ยลขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกันนี้เราได้รวบรวมเป็น 10 เรื่องจริงเอามาฝากให้รับทราบกันมากยิ่งขึ้น

 

 

ภาพจาก https://bit.ly/3WIalmC

เราทราบกันดีว่า “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นที่รู้จักในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ในด้านชีวิตครอบครัวได้สมรสกับ"หมออ้อม" หรือ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน เป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มีบุตรด้วยกัน 3 คน ซึ่งแต่ละคนจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ในสาขาที่แตกต่างกันไปตามความชอบของแต่ละคน

 

2.เศรษฐา ทวีสิน ขึ้น “เทรนด์ฮิตประเทศไทย”
 

ภาพจาก www.facebook.com/Thavisin.Official

ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กระแสในโซเชี่ยลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ร้อนแรงทันที แฮชแท็ก #เศรษฐาทวีสิน และ #ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ขึ้นเทรนด์ฮิตประเทศไทย อันดับ 1 และ 2 ตามลำดับภายในแท็กดังกล่าวได้มีประชาชนเข้าแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ทั้งในประเด็นว่า ใครจะเป็นแคนดิเดต “นายกรัฐมนตรี” คนต่อไป 

 

 

ภาพจาก www.facebook.com/Thavisin.Official

การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้เศรษฐา ทวีสินสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะในอดีตที่ผ่านมามีการยื่นร้องเรียนคุณสมบัตินายกฯ ไปยังศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว 5 คน ผลการร้องเรียนที่ผ่านมามี 3 ครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่านายกฯ ขาดคุณสมบัติ ซึ่งสองครั้งดังกล่าวเป็นนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกับครั้งนี้

 

 

ภาพจาก www.facebook.com/Thavisin.Official

เศรษฐา ทวีสิน ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อ22 สิงหาคม 2566 และได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หลังรัฐสภาต้องโหวตเลือกนายกฯกันถึงรอบที่ 3 โดยเขาได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบ 482 เสียง จากจำนวนสมาชิกที่ลงคะแนนทั้งหมด 728 คน ก่อนที่จะถูกตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญให้พ้นจากตำแหน่ง นับรวมเวลาที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือ 358 วัน

 

4.ไปต่างประเทศทุบสถิติโลก 6 เดือน 15 ประเทศ
 

ภาพจาก https://bit.ly/3X4eAdD

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในช่วงที่เศรษฐา ทวีสินดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือการเดินสายไปต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาสู่ประเทศไทย โดยมีการเก็บสถิติไว้อย่างน่าสนใจว่า ในช่วงเวลาประมาณ 6 เดือน นายกเศรษฐาในขณะนั้นเดินทางไปกว่า 15 ประเทศ เช่นอเมริกา , ฮ่องกง , สิงคโปร์ , ออสเตรเลีย , เยอรมนี , ฝรั่งเศส , สวิสเซอร์แลนด์ , ญี่ปุ่น เป็นต้น คิดเป็น 30% ของเวลาในการทำงาน

 

6.จ่ายเงินส่วนตัว 7.5 ล้านซื้อรถยนต์ประจำตำแหน่งคันใหม่
 

ภาพจาก https://bit.ly/3X5CEg3

แม้นายกรัฐมนตรีจะมีรถประจำตำแหน่งอยู่แล้วแต่ด้วยสรีระที่สูงใหญ่ทำให้เศรษฐา ทวีสิน ตัดสินใจจ่ายเงินส่วนตัวกว่า 7.5 ล้านบาทนจัดซื้อรถยนต์ประจำตำแหน่งใหม่ โดยเป็นรถยนต์ Lexus LM 350h Executive ขนาด 4 ที่นั่งมีคุณสมบัติพิเศษคือ ห้องโดยสารระดับ First Class Cabin Lounge ถอดแบบมาจากที่นั่งเครื่องบินโดยสารชั้น First Class พร้อมผนังกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวด้วย

 

 

ภาพจาก www.facebook.com/Thavisin.Official

ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแม้จะยังไม่ครบปีแต่ก็มีผลงานที่ชัดเจนในหลายด้านได้แก่

8.ขึ้นปกนิตยสาร TIME ฉบับวันที่ 25 มีนาคม 2024
 

ภาพจาก https://www.facebook.com/time

ในช่วงหนึ่ง เศรษฐา ทวีสิน ได้มีโอกาสปรากฎตัวบนหน้าปก นิตยสารไทม์ (TIME) ฉบับวันที่ 25 มีนาคม 2024 พร้อมพาดหัวว่าภาษาอังกฤษที่แปลเป็นไทยได้ว่า "เซลส์แมน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย พร้อมเปิดกว้างทางธุรกิจ นอกจากนี้คุณเศรษฐา ทวีสินยังให้สัมภาษณ์ในอีกหลายแง่มุมที่น่าสนใจอีกด้วย

 

9.มองเรื่อง “การยึดอำนาจ” เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง
 

ภาพจาก www.facebook.com/Thavisin.Official

สิ่งที่จุดประกายให้เศรษฐา สนใจการเมืองเกิดขึ้นนับตั้งแต่การรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเศรษฐาเห็นว่าการยึดอำนาจเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและรับไม่ได้ บวกกับปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นสะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยที่ตนเองต้องการมีส่วนร่วมในการแก้ไข

 

10.จับตาผลงานที่ยัง “ค้างคา” ในยุคนายกเศรษฐา ทวีสิน
 

ภาพจาก www.facebook.com/Thavisin.Official

แม้จะมีหลายโครงการที่สำเร็จแล้วแต่ก็มีอีกหลายโครงการเช่นกันที่เชื่อว่าจะมีผลกระทบไม่มากก็น้อยเช่น

มีคำพูดที่น่าสนใจที่คุณเศรษฐา ทวีสินเคยกล่าวว่า “ผมไม่ได้อยากเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะอยากมีตำแหน่งว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง” ถึงแม้ตอนนี้บทบาทในตำแหน่งนี้จะต้องยุติไป ก็ต้องมาดูว่าก้าวต่อไปของการเมืองไทยจะออกมาหน้าตาแบบไหน ถ้ามัวแต่เล่นเกมส์การเมืองกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ เห็นทีความเสียหายจะไม่ได้อยู่ที่ใครนอกจากประชาชนคนไทยผู้มีสิทธิในประชาธิปไตยแค่นามธรรมเท่านั้น

 

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)