บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
274
2 นาที
7 ตุลาคม 2567
7-Eleven เปิด “สแกน จ่าย” จะมีรายได้มากขึ้นแค่ไหน?
 

อย่างที่ทราบว่าตอนนี้ 7-Eleven ได้เปิดใช้บริการใหม่คือให้ลูกค้าสามารถ “สแกนจ่าย” เรียกว่าเป็นบริการสดๆร้อนๆ ที่ออกมาภายหลังจากที่รัฐบาลแจกเงินหมื่นให้กับกลุ่มคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 12.40 ล้านราย และคนพิการจำนวน 2.15 ล้านราย รวมแล้วประมาณ 14.5 ล้านราย หากไปดูเม็ดเงินจากเฟสแรกนี้พบว่ามีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 145,552.40 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าบริการใหม่นี้คืออีกหนึ่งแรงดึงดูดที่อยากให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการใน 7-Eleven มากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
 
และถึงแม้ว่าระบบใหม่นี้จะเป็นการนำร่องที่ทดลองเปิดให้บริการใน 232 สาขาทั่วประเทศ แต่ก็คาดว่าจะพัฒนาต่อเนื่องให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในอนาคตอันใกล้ 
 
ด้านภาพรวมผลการดำเนินงานของเซเว่นอีเลฟเว่น ภายใต้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน) สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 มีร้านสะดวกซื้อเซเว่น 7-Eleven ให้บริการทั่วประเทศกว่า 14,845 สาขา เฉพาะไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ได้เปิดร้านใหม่ประมาณ 124 สาขา และหากไปดูข้อมูลแยกย่อยจะพบว่า
 
  • ยอดขายประมาณ 86,656 บาทต่อสาขาต่อวัน หรือรวมทุกสาขาทำเงินเฉลี่ยกว่า 1,286 ล้านบาทต่อวัน 
  • จำนวนลูกค้าประมาณ 1,007 คนต่อสาขาต่อวัน หรือรวมทุกสาขา ลูกค้ามากกว่า 14.94 ล้านคนต่อวัน
  • ลูกค้ามียอดการซื้อสินค้าต่อบิลประมาณ 85 บาทต่อคนต่อครั้ง
  • สัดส่วนยอดขายมาจาก กลุ่มสินค้าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน 23.7% ส่วนที่เหลือมาจากกลุ่มอาหาร เครื่องปรุง และเครื่องดื่ม 76.3%
ซึ่งมีข้อมูลน่าสนใจจากผลสำรวจของ SCB EIC พบว่า ผู้ที่ได้รับเงินหมื่นในเฟสแรกนี้จะใช้เงิน 38.2% กับสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 55,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
  • ร้านสะดวกซื้อ Modern Trade: 33,300 ล้านบาท 
  • ร้านค้า Traditional Trade: 16,600 ล้านบาท 
  • Super/Hypermarket: 5,500 ล้านบาท
ในกลุ่ม Modern Trade เชื่อว่า 7-Eleven จะได้ประโยชน์สูงสุด โดยคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 23,800 ล้านบาท เนื่องจากมีสาขามากถึง 14,854 สาขา หรือ 71% ของ Modern Trade ทั้งประเทศ นอกจากนี้ หากรวมยอดขายที่ CPAXTT จะได้รับจากโครงการนี้ คาดว่า CPALL จะมียอดขายเพิ่มเติมถึง 42,100 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาสัดส่วนการถือหุ้นใน CPAXTT ที่ 34.9%*จะเทียบได้ว่า CPALL จะได้รับเงินราว 30,200 ล้านบาท

 
ส่งผลให้คาดการณ์ยอดขายและกำไรสุทธิของ CPALL ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 จะมียอดขาย285,023 ล้านบาท
 
(+21.9% จากปีก่อน) และมีกำไรสุทธิ: 14,621 ล้านบาท (+115.1% จากปีก่อน) ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขการเติบโตที่สูงมาก และอย่าลืมว่า โครงการเงินหมื่นที่ว่านี้ยังไม่จบแค่ในเฟสแรกเท่านั้น ในปี 2568 คาดว่าจะมีการแจกเงินหมื่นในเฟสที่ 2 ให้กับประชาชนที่เหลืออีกกว่า 26 ล้านคน 
 
หากดูกันที่จำนวนเงินในเฟส 2 นั้นอาจจะสูงกว่าเฟสแรกเพราะตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นการแจกคนละ 5,000 หรือว่า 10,000 บาท แต่ที่แน่ๆคือจะเป็นรูปแบบเงินดิจิทัล ผลพวงจากเรื่องเดียวกันนี้คือเม็ดเงินจากโครงการนี้ทั้งหมดรวมกว่า 450,000 ล้านบาท ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจแล้วละว่าจะใช้ไอเดียไหนในการดึงเม็ดเงินเหล่านี้มาสู่ธุรกิจตัวเองได้มากที่สุด

เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ 7-Eleven ที่รุกเร็วเรื่องนี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีคนถามกันมานานว่าเมื่อไหร่จะเปิดให้สแกนจ่ายได้สักที เรียกว่ามาได้ถูกที่ถูกเวลาและนี่คือเกมธุรกิจที่เราควรต้องศึกษา งานนี้ใครเร็วกว่าก็ได้เปรียบกันไป
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ทำไมธุรกิจจีนบุกไทย แบบเอาเป็นเอาตาย!
837
แฉ จริงมั๊ย? ลงทุนเงินสด ดีกว่า กู้เงิน
695
ยังวิกฤต! โรงงาน-ธุรกิจ แห่ปิดกิจการครึ่งปีแรกเด..
582
เทคนิคสร้างตัวตน ขายของให้ปัง ยอดขายพุ่ง ใน TikT..
535
จริงมั๊ย! ธุรกิจไหนลงทุนต่ำ ทำเงินน้อย มักเจ๊งเร็ว
510
รู้ก่อนเจ๊ง! จุดคุ้มทุน รู้ให้จริง หาให้ได้
472
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด