บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
605
2 นาที
7 ตุลาคม 2567
7-Eleven เปิด “สแกน จ่าย” จะมีรายได้มากขึ้นแค่ไหน?
 

อย่างที่ทราบว่าตอนนี้ 7-Eleven ได้เปิดใช้บริการใหม่คือให้ลูกค้าสามารถ “สแกนจ่าย” เรียกว่าเป็นบริการสดๆร้อนๆ ที่ออกมาภายหลังจากที่รัฐบาลแจกเงินหมื่นให้กับกลุ่มคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 12.40 ล้านราย และคนพิการจำนวน 2.15 ล้านราย รวมแล้วประมาณ 14.5 ล้านราย หากไปดูเม็ดเงินจากเฟสแรกนี้พบว่ามีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 145,552.40 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าบริการใหม่นี้คืออีกหนึ่งแรงดึงดูดที่อยากให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการใน 7-Eleven มากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
 
และถึงแม้ว่าระบบใหม่นี้จะเป็นการนำร่องที่ทดลองเปิดให้บริการใน 232 สาขาทั่วประเทศ แต่ก็คาดว่าจะพัฒนาต่อเนื่องให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในอนาคตอันใกล้ 
 
ด้านภาพรวมผลการดำเนินงานของเซเว่นอีเลฟเว่น ภายใต้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน) สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 มีร้านสะดวกซื้อเซเว่น 7-Eleven ให้บริการทั่วประเทศกว่า 14,845 สาขา เฉพาะไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ได้เปิดร้านใหม่ประมาณ 124 สาขา และหากไปดูข้อมูลแยกย่อยจะพบว่า
 
  • ยอดขายประมาณ 86,656 บาทต่อสาขาต่อวัน หรือรวมทุกสาขาทำเงินเฉลี่ยกว่า 1,286 ล้านบาทต่อวัน 
  • จำนวนลูกค้าประมาณ 1,007 คนต่อสาขาต่อวัน หรือรวมทุกสาขา ลูกค้ามากกว่า 14.94 ล้านคนต่อวัน
  • ลูกค้ามียอดการซื้อสินค้าต่อบิลประมาณ 85 บาทต่อคนต่อครั้ง
  • สัดส่วนยอดขายมาจาก กลุ่มสินค้าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน 23.7% ส่วนที่เหลือมาจากกลุ่มอาหาร เครื่องปรุง และเครื่องดื่ม 76.3%
ซึ่งมีข้อมูลน่าสนใจจากผลสำรวจของ SCB EIC พบว่า ผู้ที่ได้รับเงินหมื่นในเฟสแรกนี้จะใช้เงิน 38.2% กับสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 55,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
  • ร้านสะดวกซื้อ Modern Trade: 33,300 ล้านบาท 
  • ร้านค้า Traditional Trade: 16,600 ล้านบาท 
  • Super/Hypermarket: 5,500 ล้านบาท
ในกลุ่ม Modern Trade เชื่อว่า 7-Eleven จะได้ประโยชน์สูงสุด โดยคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 23,800 ล้านบาท เนื่องจากมีสาขามากถึง 14,854 สาขา หรือ 71% ของ Modern Trade ทั้งประเทศ นอกจากนี้ หากรวมยอดขายที่ CPAXTT จะได้รับจากโครงการนี้ คาดว่า CPALL จะมียอดขายเพิ่มเติมถึง 42,100 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาสัดส่วนการถือหุ้นใน CPAXTT ที่ 34.9%*จะเทียบได้ว่า CPALL จะได้รับเงินราว 30,200 ล้านบาท

 
ส่งผลให้คาดการณ์ยอดขายและกำไรสุทธิของ CPALL ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 จะมียอดขาย285,023 ล้านบาท
 
(+21.9% จากปีก่อน) และมีกำไรสุทธิ: 14,621 ล้านบาท (+115.1% จากปีก่อน) ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขการเติบโตที่สูงมาก และอย่าลืมว่า โครงการเงินหมื่นที่ว่านี้ยังไม่จบแค่ในเฟสแรกเท่านั้น ในปี 2568 คาดว่าจะมีการแจกเงินหมื่นในเฟสที่ 2 ให้กับประชาชนที่เหลืออีกกว่า 26 ล้านคน 
 
หากดูกันที่จำนวนเงินในเฟส 2 นั้นอาจจะสูงกว่าเฟสแรกเพราะตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นการแจกคนละ 5,000 หรือว่า 10,000 บาท แต่ที่แน่ๆคือจะเป็นรูปแบบเงินดิจิทัล ผลพวงจากเรื่องเดียวกันนี้คือเม็ดเงินจากโครงการนี้ทั้งหมดรวมกว่า 450,000 ล้านบาท ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจแล้วละว่าจะใช้ไอเดียไหนในการดึงเม็ดเงินเหล่านี้มาสู่ธุรกิจตัวเองได้มากที่สุด

เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ 7-Eleven ที่รุกเร็วเรื่องนี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีคนถามกันมานานว่าเมื่อไหร่จะเปิดให้สแกนจ่ายได้สักที เรียกว่ามาได้ถูกที่ถูกเวลาและนี่คือเกมธุรกิจที่เราควรต้องศึกษา งานนี้ใครเร็วกว่าก็ได้เปรียบกันไป
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
612
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
490
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
427
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
394
ปี 2025 ธุรกิจยิ่งทำยิ่งจม! Preemptive Adaptatio..
385
เพิ่มวิวไลฟ์สด ให้ยอดขายพุ่ง! ดันแฟรนไชส์ของคุณใ..
378
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด