ทิศทางการลงทุนในมาเลเซีย

ข้อมูล The World Investment Report (WIR) 2013 ซึ่งเป็นรายงานประจำปีของ UNCTAD  ที่รวบรวมข้อมูลและสถิติ รวมทั้งการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางการลงทุนของโลกและการพัฒนาวิสาหกิจ

ในการประกอบการพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นวิธีการเพิ่มผลกำไรและการลดความเสี่ยงด้านการลงทุนที่เกี่ยวกับห่วงโซ่มูลค่าระดับโลก (Global Value Chain – GVC) อันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโต ทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ระบุว่า

- มูลค่าการลงทุนโลกโดยรวมลดลง ซึ่งสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจโลกในปี ค.ศ. 2012 ที่อยู่ในสภาวะถดถอย

- ทิศทางการลงทุนโลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกลุ่มเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วไปสู่กลุ่มเศรษฐกิจกำลังพัฒนา โดยในปี ค.ศ. 2011 ซึ่งการลงทุนโลกมีมูลค่ารวม 1,651.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พบว่าการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ในกลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้วมีมูลค่า 820 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในกลุ่มเศรษฐกิจกำลังพัฒนา มูลค่า 735.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาในปี ค.ศ.2012 การลงทุนโลกซึ่งมีมูลค่ารวม 1,350.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ FDI อยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้วมูลค่า 560.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ลดลง 31.6%) หรือเท่ากับ 42% ของการลงทุนโลก และอยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจกำลังพัฒนา มูลค่า 702.8 ดอลล่าร์สหรัฐ (ลดลง 4.4%) หรือเท่ากับ 52% ของการลงทุนโลก

- ประเทศที่มีการลงทุนจากต่างประเทศสูงสุด 10 อันดับแรกในปี ค.ศ. 2012 ได้แก่ (1) สหรัฐฯ  (2) จีน (3) ฮ่องกง (4) บราซิล (5) หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (6) สหราชอาณาจักร (7) ออสเตรเลีย (8) สิงคโปร์  (9) รัสเซีย และ (10) แคนาดา

- มูลค่า FDI ในมาเลเซียมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนี้

• ปี ค.ศ. 2008 มูลค่า 28,795 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
• ปี ค.ศ. 2009 มูลค่า 22,985 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
• ปี ค.ศ. 2010 มูลค่า 30,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
• ปี ค.ศ. 2011 มูลค่า 32,919 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
• ปี ค.ศ. 2012 มูลค่า 33,192 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน (ไทยเป็นอันดับ 4 ของอาเซียน)
   

- มูลค่า FDI ที่สูงขึ้นของมาเลเซียในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 สะท้อนถึงความสำเร็จ   ของการดำเนินโครงการ/กิจกรรม ภายใต้นโยบาย New Economic Model (NEM) ของรัฐบาลมาเลเซีย

โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2013 การลงทุนมีมูลค่าเท่ากับ 38,516 ล้านริงกิต หรือเท่ากับ 24% ของเป้าหมายการลงทุนในปี ค.ศ. 2013 (160.3 พันล้านริงกิต) ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมภาคการผลิต ซึ่งกำลังอยู่ในช่วง  การเปลี่ยนแปลงจาก low value sectors ไปสู่ high knowledge / high value-added / high technology   ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างและพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพื่อสร้างโอกาสในการยกระดับสู่ high-income employment ในสาขาต่างๆ

- ในปี ค.ศ. 2012 GVC Performance ของมาเลเซียติดอันดับที่ 7 ของโลก และอันอับที่ 3 ของ กลุ่มเศรษฐกิจกำลังพัฒนา โดย value added exports ของมาเลเซียมีมูลค่าเท่ากับ 68% ของการส่งออกทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยส่งเสริมกิจกรรม GVC ในมาเลเซียหลายประการ เช่น

1. Consistent quality and on-time delivery
2. Competitive cost of high technology products
3. Language skills
4. Trainable and educated workforce
5. Strong government support
6. IP protection, laws and regulations
7. Investors protections, rule of law
8. Ease of doing business และ
9. Developed infrastructure, transport and logistics

อ้างอิงจาก thaibizmalay