บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์
553
2 นาที
20 พฤษภาคม 2568
ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการลงทุนแฟรนไชส์ คุ้มค่าแค่ไหน?
 

ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity cost) อธิบายให้เข้าใจง่ายคือ ต้นทุนที่ไม่ได้จ่ายเป็นเงินจริง แต่เป็นค่าเสียโอกาสที่ จะใช้ปัจจัยนั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งการคำนวณหาต้นทุนค่าเสียโอกาสนั้นส่วนใหญ่จะทำได้ยาก เพราะเป็นการคำนวณจากการคาดคะเนเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
 
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน เช่น ถ้าเรามีเงินอยู่ 100,000 บาท และมีทางเลือกอยู่ 3 ทางคือ
  1. นำเงินไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี = 1,500 บาท/ปี (ไม่มีความเสี่ยง แต่ผลตอบแทนน้อย)
  2. นำเงินไปปล่อยกู้ ดอกเบี้ย 2% ต่อเดือน = 24,000 บาท/ปี (ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนมาก)
  3. นำเงินไปซื้อทองคำ ได้ประมาณ 2 บาท เพื่อไว้เก็งกำไร (ความเสี่ยงสูงถ้าราคาทองปรับลง)
จะเห็นว่าเรามีเงิน100,000 แต่มีทางเลือกหลายทางว่าจะเอาเงินไปทำอะไร และไม่ว่าเราตัดสินใจนำเงินไปใช้ในทางไหน เท่ากับว่าเราจะมีต้นทุนค่าเสียโอกาสในทางที่เราไม่ได้เลือก ซึ่งการตัดสินใจก็มีอีกหลายองค์ประกอบเป็นปัจจัยให้ร่วมพิจารณา 
 
 
ในการลงทุนแฟรนไชส์ก็เช่นกันเท่ากับว่าเราจะมีต้นทุนค่าเสียโอกาสเช่นกัน แต่ทำไมถึงกล้าพูดได้ว่าการลงทุนในแฟรนไชส์คือการจ่ายต้นทุนค่าเสียโอกาสที่คุ้มค่ามากที่สุด ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าการลงทุนในแฟรนไชส์มีข้อดีอะไรบ้าง
  • สามารถเริ่มต้นได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาเริ่มจากศูนย์
  • ได้การสนับสนุนจากทางแบรนด์
  • ไม่ต้องสร้างแบรนด์เอง ไม่ต้องสร้างฐานลูกค้า ต่อยอดได้ทันที
  • มีอุปกรณ์+วัตถุดิบ +การสอนสูตร 
  • การวางระบบบริหารจัดการให้เปิดร้านได้อย่างมืออาชีพ
  • การสนับสนุนด้านการตลาดและการพัฒนาสินค้าใหม่
ถ้าพิจารณาในแง่ของ “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” สมมุติว่าเรามีเงิน 1 ล้านบาท พิจารณาว่าระหว่างสร้างแบรนด์เองกับซื้อแฟรนไชส์อะไรมีค่าต้นทุนเสียโอกาสที่จะมากกว่ากัน

 
แผนที่ 1 เปิดร้านเอง ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ ทุกอย่างต้องทำเอง คิดสูตร จัดร้านแต่งร้าน สร้างฐานลูกค้า ทำการตลาด แต่มีข้อดีที่รายได้จะเป็นของเราแบบ 100% เต็ม ไม่ต้องจ่ายค่าการตลาดใดๆให้แฟรนไชส์
 
แผนที่ 2 เปิดร้านแฟรนไชส์ เลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมกับเงินทุนที่มี ได้ระบบบริหารจัดการ อุปกรณ์+วัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน มีแบรนด์ มีฐานลูกค้าให้พร้อม แต่ที่เราต้องจ่ายคือค่าธรรมเนียมเช่นค่าส่วนแบ่งยอดขาย ค่ารอยัลตี้ฟรีส์ เป็นต้น 
 
ถ้าเราเลือกแฟรนไชส์ค่าเสียโอกาสคือเราไม่มีโอกาสในการสร้างแบรนด์ได้เอง ต้องทำตามระบบของแฟรนไชส์อย่างเคร่งครัด รายได้ก็ต้องหักจ่ายให้กับแฟรนไชส์ตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน ทีนี้ก็ต้องมาพิจารณาในเรื่องความเสี่ยงว่าหากเรามีเงินจำนวน 1 ล้านนี้เราจะเสี่ยงลงทุนแบบไหนให้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนอาจเสี่ยงที่จะเปิดร้านเอง เขาก็จะมีค่าเสียโอกาสที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากแฟรนไชส์ แต่ได้แบรนด์ของตัวเอง เป็นต้น 
 
เหนือสิ่งอื่นใดก็ตาม รายละเอียดที่คนนำมาเป็นเกณฑ์ตัดสินใจมากที่สุด คือ “รายได้” หากเปิดร้านเอง ในทำเลที่ขายดี สินค้ามีคุณภาพลูกค้าให้การยอมรับ การเติบโตอาจจะช้า แต่อาจจะดีในระยะยาว รายได้ต่อเดือนเฉลี่ยแล้วน่าพอใจ ก็อาจจะขยายเป็นสาขาที่ 2 ที่ 3 หรืออาจจะขายเป็นแฟรนไชส์ตัวเองในอนาคต

 
หรือถ้าพิจารณาแล้วว่าไม่อยากเสี่ยง การลงแฟรนไชส์มีความมั่นคงมากกว่าไม่ต้องสร้างฐานลูกค้า ไม่ต้องสร้างแบรนด์เอง แต่การจะเลือกแบรนด์แฟรนไชส์ใดก็ต้องดูว่าสร้างยอดขายได้ดีแค่ไหน โอกาสคืนทุนมากน้อยอย่างไร 
 
ดังนั้นคำว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสมันขึ้นอยู่กับว่าเราจะตัดสินใจแบบไหน ซึ่งทุกแฟรนไชส์ก่อนเราเลือกลงทุนเขาก็จะมีข้อมูลให้พิจารณาทั้งเคสแย่สุด , มาตรฐาน และกรณีที่ดีที่สุด ส่วนใหญ่มีการอ้างอิงตัวเลขให้เราเห็นภาพชัดเจนเพื่อให้เราใช้ประกอบการตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายได้
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
866
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
608
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
530
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
497
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
484
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
463
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด