บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
260
2 นาที
10 พฤศจิกายน 2568
“Economies of Scale” สร้างธุรกิจรวยไว! ต้นทุนน้อย แต่ขายเยอะ
 

ในเบื้องต้นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าโดยทั่วไปธุรกิจจะมีต้นทุนหลัก ๆ 2 แบบคือ
  1. ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost)  คือ ต้นทุนที่ไม่ว่าจะผลิตมากหรือน้อย ก็ยังต้องจ่ายเท่าเดิม เช่น ค่าจ้างพนักงานประจำหน้าสาขา, ค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน, ค่าเช่าหน้าร้านสาขาต่าง ๆ ต้นทุนพวกนี้ ไม่ว่าธุรกิจเราจะขายดีหรือไม่ดี ยังต้องจ่ายเท่าเดิม
  2. ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คือต้นทุนที่ผันแปรไป ตามจำนวนการผลิตที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง เช่น ค่าต้นทุนสินค้า 
ยิ่งขายมากก็ยิ่งต้องผลิตหรือสั่งผลิตมากตาม, ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม ที่เมื่อขายสินค้าได้มากขึ้น ก็ต้องเสียส่วนแบ่งให้แพลตฟอร์มมากขึ้น
 
สัมพันธ์กับหลักการตลาดที่เรียกว่า “Economies of Scale” หมายถึงการที่ต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ลดลงเมื่อปริมาณการผลิตหรือการให้บริการเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจากการกระจายต้นทุนคงที่ (Fixed Costs) ไปสู่หน่วยผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น อธิบายให้เห็นภาพจากตัวอย่างง่ายๆ คือ
 

ภาพจาก https://elements.envato.com
 
สมมติว่าเปิดโรงงานผลิตเสื้อยืด โดยมีต้นทุนดังนี้
 
ต้นทุนคงที่ : ค่าเช่าโรงงาน 100,000 บาทต่อเดือน, ค่าเครื่องจักร (คิดค่าเสื่อม) 50,000 บาทต่อเดือน 
 
รวม 150,000 บาท
 
ต้นทุนผันแปร: วัตถุดิบและค่าแรงงาน 100 บาทต่อตัว
 
กรณีที่ 1: ผลิต 1,000 ตัว
  • ต้นทุนคงที่: 150,000 บาท
  • ต้นทุนผันแปร: 1,000 ตัว × 100 บาท = 100,000 บาท
  • ต้นทุนรวม: 150,000 + 100,000 = 250,000 บาท
  • ต้นทุนต่อตัว: 250,000 ÷ 1,000 = 250 บาทต่อตัว
 
ภาพจาก https://elements.envato.com
กรณีที่ 2: ผลิต 10,000 ตัว
  • ต้นทุนคงที่: 150,000 บาท (เท่าเดิม)
  • ต้นทุนผันแปร: 10,000 ตัว × 100 บาท = 1,000,000 บาท
  • ต้นทุนรวม: 150,000 + 1,000,000 = 1,150,000 บาท
  • ต้นทุนต่อตัว: 1,150,000 ÷ 10,000 = 115 บาทต่อตัว
จะเห็นว่าต้นทุนต่อตัวลดลงจาก 250 บาท เหลือ 115 บาท เมื่อผลิตมากขึ้นถึง 10 เท่า นี่คือพลังของ Economies of Scale! ที่ยังส่งผลดีต่อธุรกิจในอีกหลายด้านเช่น
  1. ธุรกิจได้กำไรสูงขึ้น เพราะต้นทุนต่อหน่วยลดลง กำไรต่อชิ้นเพิ่มขึ้น
  2. กำหนดราคาขายแข่งขันในตลาดได้ เพราะสามารถตั้งราคาต่ำเพื่อดึงดูดลูกค้า
  3. เพิ่มโอกาสในการขยายส่วนแบ่งการตลาด เพราะธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำสามารถครองตลาดได้ง่าย
  4. เปิดโอกาสในการลงทุนนวัตกรรมใหม่  เพราะมีเงินทุนมากพอเพื่อพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่
ธุรกิจที่ใช้ Economies of Scale ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ในประเทศไทย มีหลายแบรนด์ชั้นนำที่ประยุกต์ใช้หลักการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหารทะเลที่ต้องการการผลิตจำนวนมากและการกระจายสินค้าทั่วประเทศ

1. Thai Beverage (ThaiBev)
 

ภาพจาก www.thaibev.com

บริษัทใช้ Economies of Scale โดยการขยายโรงงานผลิตและแบ่งปันทรัพยากรระหว่างบริษัทในเครือ ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ช่วยให้ margins (กำไรขั้นต้น) เพิ่มขึ้น สามารถต้นทุนต่อหน่วยลดลงประมาณ 5-10% จากการกระจายต้นทุนคงที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สินค้าของ Thai Beverage มีศักยภาพแข่งขันในตลาดได้สูง บริษัทมีรายได้รวมกว่า 200,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
 
2. Thai Union Group
 
ภาพจาก www.thaiunion.com

เป็นผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทใช้ Economies of Scale โดยผสมผสานธุรกิจ branded (ขายปลายทาง) กับ OEM (ผลิตให้แบรนด์อื่น) ทำให้ใช้กำลังการผลิตเต็มที่และกระจายความเสี่ยง ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง 15-20% จากการซื้อวัตถุดิบจำนวนมากและการใช้เทคโนโลยีแปรรูปอัตโนมัติ ทำให้ margins มั่นคงกว่า คู่แข่งที่ทำธุรกิจแค่ด้านเดียว ช่วยให้บริษัทครองตลาดอาหารทะเลแช่แข็งในยุโรปและเอเชีย โดยมีรายได้รวมกว่า 140,000 ล้านบาทต่อปี
 
3. CP Group
 
ภาพจาก www.cpgroupglobal.com

เป็นยักษ์ใหญ่ด้านเกษตรและอาหาร บริษัทใช้ Economies of Scale จาก vertical integration ควบคุมตั้งแต่ฟาร์มจนถึงร้านค้า ทำให้ลดต้นทุนทั้งห่วงโซ่อุปทาน และโรงงานขนาดใหญ่ที่กระจาย fixed costs  เช่น ค่าเครื่องจักร  ทำให้ราคาสินค้า CP ถูกกว่าคู่แข่ง 10-15% ในขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15-20% มีผลสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ CP ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ โดยใช้ scale เพื่อเจรจาสัญญากับซัพพลายเออร์ขนาดใหญ่ ส่งผลให้รายได้รวมกว่า 1.5 ล้านล้านบาทต่อปี และเติบโตยั่งยืนแม้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ
 
อย่างไรก็ดีในทางตรงกันข้ามหากธุรกิจบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพมากพอจาก Economies of Scale อาจกลายเป็น Diseconomies of Scale คือสถานการณ์ที่ต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ของการผลิตหรือการให้บริการ เพิ่มขึ้น เมื่อธุรกิจขยายขนาดการดำเนินงานเกินจุดที่เหมาะสม แทนที่จะประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) กลับเกิดความไร้ประสิทธิภาพ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น ปรากฏการณ์นี้มักเกิดเมื่อองค์กรใหญ่เกินไปจนจัดการได้ยาก และนำมาซึ่งยอดขายที่ลดลงได้เช่นกัน
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
อวสาน E-commerce ไทย? ต่างชาติรุกหนัก ตลาดไทยกำล..
834
เศรษฐกิจยังทรุด! 9 แบรนด์ดังไทย-เทศ “ปิดกิจการ-ล..
501
จิตวิทยาตั้งราคา! Psychological Pricing ทำให้ลูก..
438
อวสานร้านอาหาร! คนทำทยอยเซ้ง คนเจ๊งทยอยขาย
426
โชว์รูมรถ ปี68 ปิดเกือบ 100 หายนะเศรษกิจไทย
424
เทคนิคร้านอาหารเพิ่มกำไรธุรกิจ 18% สู้กลับยุคแข่..
420
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด