บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
264
2 นาที
4 ธันวาคม 2568
คนไทยยุค “Sandwich Generation” ขยันแค่ไหน ก็ยังจน!
 

คำสอนที่เราได้ยินกันบ่อยๆ คือ “เกิดเป็นคนต้องขยันทำมาหากิน” “อยากรวยต้องขยัน” แต่เมื่อบริบทสังคมเปลี่ยนไป
 
ทุกวันนี้เราก็ยังต้องขยันแต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก คือ “ทำเท่าไหร่ก็ยังไม่รวย” หรือถ้าไม่ขยันไม่ทำอะไรก็จะยิ่งจนมากขึ้น
 
ถ้าไปดูความแตกต่างจากอดีตว่าขยันทำไมรวย แต่ตอนนี้ทำเท่าไหร่ก็ไม่รวย มีหลายปัจจัยได้แก่
  • ในอดีต GDP ไทยเติบโตเฉลี่ย 7-10% ต่อปี มีนักต่างชาติเข้ามาลงทุนในหลายอุตสาหกรรม คนขยันที่ทำงานมีโอกาสสะสมเงินทุนและรวยได้ง่าย
  • ปัจจุบัน GDP ไทยเติบโตเฉลี่ยเพียง 1.8 – 2.5% ต่อปี แถมการแข่งขันสูง การลงทุนจากต่างชาติลดลงมากกว่า 11% โอกาสสร้างความมั่นคงจากงานประจำก็ลดลงตามไป
  • ในอดีต เช่นปี 2530 ราคาบ้านในกรุงเทพฯ เฉลี่ย 1-2 ล้านบาท เทียบรายได้เฉลี่ยครัวเรือน 10,000 – 15,000 บาท 
  • ต่อเดือน ในขณะนั้น คนขยันจะเก็บเงินซื้อบ้านได้ภายใน 5-10 ปี
  • ปัจจุบัน ราคาบ้านในกรุงเทพฯ เฉลี่ย 5-10 ล้านบาท รายได้เฉลี่ยครัวเรือน 29,502 ต่อเดือนอัตราเงินเฟ้อด้านอาหารและสุขภาพสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ย 0.4% รายได้จากการทำงานหนักจึงถูกบั่นทอนมากขึ้นไม่พอให้ใช้จ่ายต่อเดือน
  • ในอดีต หนี้ครัวเรือนคนไทยประมาณ 20 – 30% ของ GDP คนขยันมีโอกาสเก็บออมได้สูง
  • ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนคนไทยพุ่งสูงเกือบ 90% ครัวเรือนมีหนี้เฉลี่ย 197,255 บาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้บริโภคและหนี้บ้าน คนขยันต้องทำงานเพื่อจ่ายดอกเบี้ยทำให้ไม่เหลือเงินเพื่อสร้างความมั่นคงได้
Sandwich Generation ความจริงของสังคมปัจจุบัน
 

ภาพจาก https://app.envato.com

ในสังคมไทยที่ก้าวสู่ "สังคมสูงวัย" อย่างเต็มตัว คำว่า “Sandwich Generation” หมายถึงกลุ่มคนที่ถูกบีบจากสองด้าน คือ ต้องดูแลผู้สูงอายุ (บน) และลูกหลาน (ล่าง) ในขณะที่ตัวเองกำลังอยู่ในวัยทำงานที่ต้องหาเงินเลี้ยงชีพ อาจเรียกว่าเป็น “เดอะแบก” คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อยู่ในวัย 40-50 ปี ที่ต้องแบกรับภาระดูแลทั้งพ่อแม่ผู้สูงอายุและลูกๆ ที่กำลังเติบโต ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าดูแลสุขภาพ และการศึกษา ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เติบโตช้า อัตราเงินเฟ้อที่กัดกินรายได้ และหนี้สินที่พอกพูน 
 
ไม่ว่าจะขยันทำงานหนักแค่ไหน รายได้ที่ได้มาก็แทบไม่พอหมุนเวียนใช้จ่าย จนหลายคนต้องยืมเงินมาปิดบัญชีเก่า สร้างวงจรแห่งความจนที่ยากจะหลุดพ้น และถ้าดูตัวเลขจากการสำรวจ พบว่ามนุษย์เงินเดือนไทยมี 12.5 ล้านคน คิดเป็น 30% ของแรงงานทั้งหมด
  • 82%  มีหนี้ส่วนบุคคล / บัตรเครดิต / รถ / บ้าน
  • 77% เงินออมน้อยกว่า 10% ของรายได้
  • 70% เงินสำรองฉุกเฉินไม่พอใช้ภายใน 6 เดือน
  • 49% มีหนี้สะสม
  • 65% เลือกจ่ายหนี้แบบขั้นต่ำ เสี่ยงเป็นหนี้ไม่สิ้นสุด
  • 32% มีรายได้แบบ “เดือนชนเดือน” หรือไม่พอใช้ใน 1 เดือน
  • 16% มีรายจ่ายมากกว่ารายได้อย่างชัดเจนในทุกเดือน
หนี้สินพอกพูน “ขยัน” แต่ก็ยัง “จน” ติดกับดักดอกเบี้ย
 

ภาพจาก https://app.envato.com

ปัญหาหลักที่ทำให้ Sandwich Generation "จนทั้งที่ขยัน" คือหนี้สินที่ไม่เคยหมด ถ้าดูตัวเลขพบว่า ครัวเรือนไทยมีหนี้สินเฉลี่ย 197,255 บาทต่อครัวเรือน กว่า 77.7% เป็นหนี้ใช้ในครัวเรือน เช่น หนี้บ้าน , หนี้บริโภค , หนี้การศึกษา 
 
ในไตรมาส 1 ปี 2568 มีคนไทยกว่า 5.4 ล้านคนติดหนี้เรื้อรัง ที่เกิดจากพฤติกรรมชอบจ่ายขั้นต่ำ-ผิดนัดชำระด้วย และน่าตกใจกว่า คือถึงจะเป็นคนที่สามารถ‘จ่ายไหว แต่กว่า 65% ก็ยังเลือกจ่ายขั้นต่ำ ทำให้เสี่ยงต่อการสะสมดอกเบี้ยสูงไปเรื่อยๆ และสานต่อวงจรหนี้ไม่สิ้นสุด
 
คำว่าชีวิตหนี้มันจึงเป็นความจริงที่ต้องยอมรับซ้ำร้ายจากฐานข้อมูลเครดิตบูโรที่มีลูกหนี้ 27 ล้านคน ระบุว่ามีคนไทยแค่ 25% หรือราว 4.7 ล้านคนเท่านั้นที่มีสุขภาพการเงินในระดับดี พอที่จะยื่นกู้ได้ ขณะที่อีก 75% หรือราว 14.4 ล้านคน ไม่ได้อยู่ในจุดที่มีสุขภาพการเงินดีพอจะกู้เพิ่มได้อีกแล้ว

คนเงินเดือนหลักแสน กว่า 32% ก็ยัง “เดือนชนเดือน”
 

ภาพจาก https://app.envato.com

บางคนบอกว่าเพราะเงินเดือนน้อยก็เลยต้องเจอปัญหา “เดือนชนเดือน” หรือ “ใช้จ่ายไม่พอเดือน” แต่มีผลสำรวจที่น่าสนใจระบุว่าแม้แต่คนที่มีเงินเดือนเกิน 100,000 บาทต่อเดือน ประมาณ 32% ยังใช้ชีวิตแบบ ‘เดือนชนเดือน’ ไม่เหลือเงินเก็บ และหนักยิ่งกว่าเพราะในกลุ่มนี้ประมาณ 16% มีรายจ่ายมากกว่ารายได้ แปลว่า กลุ่มเงินเดือนเกินแสนบาท เหลือคนที่มีรายได้มากกว่ารายจ่ายอยู่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น 
 
สถิตินี้สะท้อนว่าความไม่มั่นคงทางการเงินสามารถเกิดขึ้นได้กับคนในทุกระดับรายได้ ในมุมหนึ่งก็อาจเกิดจากขาดการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีวินัยทางการเงินที่ดีมากพอ ผสมผสานกับปัญหาของ Sandwich Generation ยิ่งเป็นตัวเร่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ใครก็ไม่อยากจะพบเจอแบบนี้
 
บทสรุปของเรื่องนี้สะท้อนความจริงให้เห็นชัดเจนว่า สมัยก่อน ความขยันนำไปสู่ความรวยได้เพราะเศรษฐกิจเติบโตเร็ว ค่าครองชีพต่ำ หนี้ไม่เยอะ และโอกาสเปิดกว้าง แต่สมัยนี้ เศรษฐกิจชะลอ หนี้ท่วม ค่าครองชีพสูง ความเหลื่อมล้ำเพิ่ม และภาระครอบครัวหนักจากสังคมสูงวัย 
 
ทำให้ความขยันเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีนโยบายสนับสนุน เช่น สวัสดิการสุขภาพครอบคลุม การลดหนี้ครัวเรือน และการสร้างงานที่มั่นคง รวมถึงทักษะด้านวางแผนการเงินและการลงทุนของตัวบุคคล เพื่อให้ "ความขยัน" กลายเป็น "ความรวย" ได้เหมือนในอดีต

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
544
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
468
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
414
ปี 2025 ธุรกิจยิ่งทำยิ่งจม! Preemptive Adaptatio..
361
เพิ่มวิวไลฟ์สด ให้ยอดขายพุ่ง! ดันแฟรนไชส์ของคุณใ..
359
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
356
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด