บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
271
3 นาที
25 ธันวาคม 2568
13 กฎเงียบ ที่เศรษฐีพันล้านใช้ แต่ไม่เคยพูด


ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว ลองมาคุยเรื่อง “เงินทองและความร่ำรวย” เผื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้ฮึดสู้ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ไม่ค่อยดีนักและคาดว่าปีหน้า 2569 จะหนักยิ่งกว่า แต่ถ้ามองในกลุ่มของคนที่ร่ำรวย เรื่อง “วิธีคิด” อาจเป็นอีกสิ่งที่แตกต่างและเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรวยในขณะที่เราทำงานเท่าไหร่ก็ยังไม่รวยได้สักที
 
เปรียบเทียบตัวเลข กลุ่มคนรวยมีมากแค่ไหนในโลกใบนี้
 
การเปรียบเทียบจำนวนคนรวยที่สุดในโลกกับประชากรส่วนใหญ่เผยให้เห็นถึง ความเหลื่อมล้ำทางความมั่งคั่ง (Wealth Inequality) ที่ชัดเจน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ดังนี้
 
1. กลุ่มเศรษฐีพันล้าน (Billionaires)
 

ภาพจาก https://app.envato.com

มีทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ข้อมูลจาก Hurun Global Rich List 2024 ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลหลักในการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลก ระบุว่ามีเศรษฐีพันล้านประมาณ 3,276 คน คิดเป็น 0.00004% ของประชากรโลกที่มีประมาณ 8,100 ล้านคน แต่ที่น่าสนใจคือความมั่งคั่งของคนกลุ่มนี้สามารถเปรียบเทียบกับ GDP ของประเทศเล็ก ๆ ได้เลยทีเดียว

2.กลุ่มเศรษฐีเงินล้าน (Millionaires)
 
มีทรัพย์สินประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 36 ล้านบาทขึ้นไป ข้อมูลอ้างอิงจาก Global Wealth Report ระบุว่ากลุ่มนี้มีอยู่ประมาณ 56.1 ล้านคน หรือคิดเป็น 1.1% ของประชากรโลก ซึ่งแม้ดูว่ากลุ่มนี้จะมีเยอะระดับหลายสิบล้านคนแต่ก็ยังถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับคนส่วนใหญ่ทั่วโลก
 
3.กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ยังไม่รวย
 
ถ้าไล่ตามระดับทรัพย์สินก็มีตั้งแต่กลุ่มบน - กลาง - ล่าง โดยคนส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มล่างจำนวนกว่า 2,900 ล้านคนหรือคิดเป็น 40% ของประชากรโลก
 
** ตัวเลขเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างอันเนื่องมาจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา**
 
13 กฎเงียบที่ “เศรษฐีพันล้านใช้” แต่ไม่เคยบอก
 
เศรษฐีพันล้านจำนวนมากไม่ได้รวยขึ้นมาด้วยโชคหรือแค่การทำงานหนัก แต่เกิดจากพื้นฐานแนวคิดที่เป็นตัวผลักดันให้ดำเนินชีวิตไปตามรูปแบบที่ต้องการเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุด โดยมี 13 ข้อที่น่าสนใจคือ
 
1. "สร้างก่อนใช้" (Build First, Spend Later)
 

ภาพจาก https://app.envato.com


คือการเอาเงินไปสร้างสิ่งที่ทำให้ “เงินงอกเงย” ก่อน แล้วค่อยเอาเงินที่งอกนั้นมาใช้จ่าย ต่างจากคนทั่วไปที่ได้เงินเดือน มาซื้อของไม่จำเป็น แล้วเงินหมดไป ไม่มีอะไรกลับมา แต่วิธิสร้างก่อนใช้คือการเอาเงินเดือนไปลงทุนหุ้น สะสมเพื่อให้งอกเงย หรืออย่าง Jeff Bezos ที่ช่วงแรกนำเงินทั้งหมดที่ได้ไปพัฒนาธุรกิจโดยแทบไม่นำกำไรมาใช้เพื่อหวังผลในการเติบโตแบบระยะยาว
 
2. “เงินชอบความเงียบ” (Money Loves Silence)
 
คนที่มั่งคั่งจริง ๆ มักจะไม่โอ้อวด แต่เลือก สร้างตัวแบบเงียบ ๆ ให้เงินทำงานแทนตัวเอง เหมือนอย่าง Mark Zuckerberg แม้จะมีทรัพย์สินหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ใช้รถยนต์ธรรมดาและอาศัยอยู่ในบ้านที่ไม่หรูหราเมื่อเทียบกับฐานะ เงินที่หามาได้คงไว้ในหุ้นบริษัท ซึ่งมูลค่าเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่จะถูกดึงออกมาใช้เพื่อซื้อความหรูหรา
 
3.เป็นหนี้เพื่อสร้าง ไม่ใช่เพื่อบริโภค
 

ภาพจาก https://app.envato.com

นักธุรกิจส่วนใหญ่ใช้การกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อซื้อสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์, ซื้อกิจการอื่น เช่นการกู้ยืมเงิน 100 ล้านเพื่อซื้ออาคารที่นำมาพัฒนาต่อและเพิ่มมูลค่าเป็น 200 ล้าน เป็นรูปแบบของการสร้างหนี้เพื่อความมั่นคง ไม่ใช่การสร้างหนี้เพื่อซื้อสินค้าที่มูลค่าลดลงเรื่อยๆ 
 
4.เรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่นเป็นการลงทุน (Invest in Others' Mistakes)
 
คนที่มีเงินระดับมหาเศรษฐีเข้าใจว่าการเรียนรู้ด้วยตัวเองนั้นต้องใช้เวลาและมีราคาแพง จึงใช้เวลาศึกษาความผิดพลาด ของคนอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด และก้าวไปข้างหน้าได้เร็วกว่าคนอื่น เหมือนที่ Jeff Bezos ชมแนวคิดที่ว่า "เราเรียนรู้จากความล้มเหลว" แต่ความล้มเหลวที่ดีที่สุดคือความล้มเหลวที่เราไม่จำเป็นต้องทำซ้ำด้วยตัวเอง
 
5.ซื้อเวลาและความเข้าใจ (Buy Time and Understanding)
 

ภาพจาก https://app.envato.com

เมื่อมีเงินมากพอ สิ่งที่ซื้อไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย แต่คือ เวลา ด้วยการจ้างผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญ และบริการที่จะช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลาทำกิจกรรมที่ไม่สร้างมูลค่า เช่น การทำงานบ้านหรืองานธุรการ ดังเช่นที่เศรษฐีระดับโลกใช้เงินจำนวนมากในการจ้าง ทีมที่ปรึกษาด้านภาษี และ ผู้จัดการ เพื่อให้ดูแลในงานทั่วไป จะได้มีเวลาไปสร้างความมั่งคั่งในเส้นทางอื่นได้มากขึ้น
 
6.การลงทุนคือการควบคุมอารมณ์ (Master Your Financial Emotions)
 
เศรษฐีพันล้านจะรักษาวินัยอย่างเคร่งครัดและไม่ยอมให้อารมณ์มาชี้นำการตัดสินใจ กล้าได้กล้าเสียในขณะที่คนอื่นอาจจะกลัว ยกตัวอย่างในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ที่ตลาดหุ้นตกต่ำอย่างหนัก วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งในราคาถูก เนื่องจากความกลัวที่เข้าครอบงำนักลงทุนคนอื่น ซึ่งการตัดสินใจนี้สร้างผลตอบแทนมหาศาลในภายหลัง
 
7.สร้างรายได้แบบที่ไม่ต้องทำงานทุกวัน (Develop Silent, Passive Income)
 

ภาพจาก https://app.envato.com

โดยจะให้ความสำคัญกับการสร้างแหล่งรายได้ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องใช้เวลาทำงานแลกเปลี่ยนโดยตรง (Passive Income) เช่น ค่าเช่าจากอสังหาริมทรัพย์, เงินปันผลจากหุ้น, ดอกเบี้ยจากพันธบัตร ยกตัวอย่าง Bill Gates หลังออกจาก Microsoft ก็ได้ก่อตั้ง Cascade Investment ซึ่งเป็นบริษัทที่ลงทุนในพอร์ตหลากหลาย เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น และพันธบัตร เพื่อสร้างรายได้แบบ Passive ที่มั่นคงนอกเหนือจากหุ้น Microsoft ที่มี
 
8.การเจรจาต่อรองคือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด (Negotiation is a Core Asset)
 
คนรวยระดับมหาเศรษฐีแต่เวลาเจรจาธุรกิจจะไม่ตัดสินใจลงทุนในราคาที่คู่ค้ากำหนด ทั้งหมดต้องผ่านการ เจรจาต่อรอง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อธุรกิจ การทำสัญญา หรือแม้แต่การซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพราะมองว่า เงินที่ประหยัดได้จากการเจรจาคือผลกำไร เหมือน Donald Trump ที่ก่อนจะมาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐ ในช่วงหนึ่งเคยเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และมักใช้ทักษะการเจรจาต่อรองในการซื้อที่ดินและบริษัทในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
 
9.การลงทุนในตัวเองต้องมาก่อนการลงทุนในตลาด
 

ภาพจาก https://app.envato.com

สังเกตได้ว่าคนระดับมหาเศรษฐีส่วนใหญ่มักจะลงทุนในความรู้ ทักษะ เพื่อเพิ่มความสามารถ+ความรู้ให้มากยิ่งขึ้น เพราะเชื่อว่าตัวเองคือสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดและเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ยกตัวอย่าง Elon Musk ได้ชื่อว่าเป็นนักอ่านตั้งแต่เด็ก และยังคงใช้เวลาในการเรียนรู้และทำความเข้าใจด้านฟิสิกส์ วิศวกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นพื้นฐานที่ทำให้สร้างบริษัทอย่าง SpaceX และ Tesla ได้
 
10.อย่าฟังแค่ “นักพูด” แต่โฟกัสคนที่ทำ “สำเร็จจริง”
 
หลายครั้งที่เราอยากรวยก็ฟังจากบรรดา นักพูด ที่มักจะมีคำพูดสวยหรู แต่ในทางปฏิบัติอาจไม่ได้ราบรื่นเช่นนั้นเสมอไป คนที่จะประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีได้ควรเลือกมองว่า คนที่สำเร็จจริงๆ เขาทำยังไง จากนั้นก็ศึกษาวิธีคิด แนวทางในการปฏิบัติ เพื่อให้ตัวเองสามารถก้าวไปบนเส้นทางที่จะประสบความสำเร็จได้
 
11.เลือกโฟกัสแค่สิ่งเดียว (One Focus, Big Future)
 

ภาพจาก https://app.envato.com

ความรวยไม่ได้มาจากการวิ่งตามทุกเทรนด์ แต่มาจากการโฟกัส เพียงสิ่งเดียว การกระจายเงินไปในสินทรัพย์หลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยง เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในการ ปกป้อง ความมั่งคั่งที่สร้างขึ้นมาแล้ว แต่ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ใช้ สร้าง ความมั่งคั่ง เหมือนที่ Warren Buffett ชอบการลงทุนเน้นไปที่บริษัทคุณภาพซึ่งมีจำนวนน้อยแต่ Buffett เชื่อว่าการเชี่ยวชาญทางใดทางหนึ่งคือการสร้างความมั่นคงได้ดีที่สุด
 
12.เงินคือเกม (Master the Money Game)
 
เศรษฐีพันล้านไม่ได้มองว่าเงินคือเป้าหมาย แต่เป็น เครื่องมือในการไต่เต้าเพื่อไปให้ถึงจุดหมายสูงสุดดังนั้น ถ้าเอาอารมณ์มาเล่นกับเงิน เราจะแพ้เสมอแต่ถ้าเล่นด้วย เหตุผล เราจะได้เปรียบในการทำธุรกิจ ซึ่ง Warren Buffett คือผู้ที่ใช้ชีวิตตามหลักการนี้อย่างชัดเจนที่สุด โดยมองการลงทุนเป็นเกมที่ต้องใช้สติปัญญา ความอดทน และความเข้าใจเป็นสำคัญ Buffett ไม่สนใจการเก็งกำไรระยะสั้น และจะซื้อเฉพาะเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่คำนวณไว้เท่านั้น
 
13.คนรอบข้างจะพาให้ “ประสบความสำเร็จ” (The Right Circle, The Circle That Helps You Grow)
 

ภาพจาก https://app.envato.com

ความสำเร็จมหาศาลไม่ได้มาจากความสามารถของคนคนเดียว แต่มาจาก เครือข่ายและกลุ่มคนรอบข้าง ที่มีมาตรฐานและวิสัยทัศน์ที่เทียบเท่าหรือเหนือกว่า เหมือนที่ Charlie Munger ได้เปลี่ยนวิธีคิดด้านการลงทุนของ Buffett จากเดิมที่เน้นซื้อ บริษัทที่แย่ในราคาถูก มาเป็นการเน้นซื้อ บริษัทที่ยอดเยี่ยมในราคาที่เหมาะสม ซึ่งถือว่า Munger ช่วยให้ Buffett มีมุมมองและแนวคิดที่แตกต่างนำไปไปสู่กลยุทธ์ที่สร้างผลตอบแทนได้สูงยิ่งขึ้น
 
วิธีการคิดของเศรษฐีเหล่านี้บางคนอาจย้อนแยงว่าก็เค้าประสบความสำเร็จแล้ว คิดอะไรก็ถูก ทำอะไรก็ไม่ผิด ยังไงเค้าก็รวย ถ้าล้มก็อยู่บนฟูกไม่ได้มาเจ็บตัว แต่สิ่งที่เราอยากจะนำเสนอแท้จริงคือแนวคิดว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงรวย ในตอนนี้เราเองแม้ยังไม่รวยแต่ถ้าเราเริ่มทลายกำแพงในใจ อย่าติดอยู่กับกรอบเดิมๆ 
 
อย่าคิดแต่ว่าทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เราไม่มีทุน ไม่มีเงิน ไม่มีเวลา ทุกอย่างล้วนเป็นข้ออ้าง เราทุกคนสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ดีกว่า เราอาจไม่มีต้นทุนเหมือนคนอื่น แต่เราสามารถเริ่มในแบบที่เป็นตัวเรา ในแบบที่เหมาะสมกับตัวเราได้ สร้างจากจุดเล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายให้ใหญ่ และ “ความคิด” ก็คือด่านแรกที่เราต้องพัฒนาเพื่อจะได้เป็นตัวกระตุ้นและดึงเราไปสู่จุดที่สูงขึ้นได้
 
#กฎเงียบ #วิธีการคิดของเศรษฐี #เศรษฐีพันล้าน #เงินคือเกม #สร้างก่อนใช้

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
641
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
586
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
534
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
478
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
462
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
455
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด