บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ไอเดียธุรกิจ
4.6K
2 นาที
3 พฤษภาคม 2559
เหลือเชื่อ! แบรนด์ใหญ่ๆ ล้วนโตมาจาก นามบัตรใบเล็กๆ


หลายสิ่งที่เรามองข้าม บางอย่างหลายคนมองดูว่าไม่จำเป็น แต่ความจริงสิ่งของทางธุรกิจบางอย่างเป็นเหมือนโอกาสสร้างสรรค์ที่มีความพิเศษแอบซ่อนในความธรรมดา จนผู้ลงทุนมองข้ามโดยคิดว่าล้าสมัยและไม่จำเป็น
 
สิ่งที่เราพูดถึงคือ “นามบัตร” (Business Card) ว่ากันว่านี่คือสิ่งแรกที่ลูกค้าจะประเมินศักยภาพทางธุรกิจของเราได้ หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าแค่กระดาษแผ่นเล็กๆ จะมีพลังที่ยิ่งใหญ่ได้มากขนาดนั้น
 
www.ThaiFranchiseCenter.com ให้ความสำคัญกับทุกอย่างในเชิงธุรกิจ เรื่องของนามบัตรเองก็มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจ มีพลังอะไรซ่อนอยู่บ้างในนามบัตร และนามบัตรที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร เรื่องที่ดูเหมือนเล็กๆแต่ถ้าคิดจะทำธุรกิจที่ยิ่งใหญ่เราก็ควรใส่ใจให้ทุกเรื่องสำคัญอย่างเท่าเทียมกันหมด
 
หลายคนบอกว่านามบัตรคือเรื่องไร้ประโยชน์ บางคนปรามาสว่าเป็นแค่กระดาษที่พร้อมจะถูกทิ้งลงขยะได้ทุกเมื่อ แต่นั่นคือสิ่งที่ผิดพลาดและบอกได้เลยว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จบางครั้งก็เริ่มจากนามบัตรใบเล็กแค่นี้เท่านั้น
 
1.เป็นใบเบิกทางสู่ความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต

คุณอาจคิดว่า การเจรจาทางธุรกิจในยุคปัจจุบัน สามารถคุยกันผ่านโทรศัพท์ หรือโซเชียลมีเดีย ได้หมดแล้ว แต่จริงๆ แล้วในกรณีที่เราไม่รู้จักอีกฝ่ายแบบสนิทสนม การพูดคุยกันผ่านทางโซเชียลมีเดียนั้นเป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรกของการติดต่อเท่านั้น

การลงทุน จะเริ่มเกิดขึ้นได้จริงๆ ก็ต่อเมื่อคุณได้เจราจาธุรกิจกันต่อหน้า สบตากัน ดูกริยาท่าทางของคู่สนทนา และท้ายสุดควรจบลงด้วยขั้นตอนสำคัญ คือการแลกนามบัตร โดยในนามบัตรจะมีข้อมูลที่ทำให้เราติดต่อกับอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น
 
นามบัตร จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพ ชนิดที่ อีเมลล์ เสิร์ชเอนจิน (search engine) และระบบดิจิตอลอื่นๆ ไม่สามารถเทียบได้

ดังนั้น อย่าลืมพกติดตัวเอาไว้ เวลาไปนั่งรอเครื่องบิน ประชุมเครือข่าย งานสัมมนาต่างๆ เราอาจได้พบกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจอีกมากมาย เพียงเข้าทักทายเพื่อทำความรู้จัก และขอแลกนามบัตรไว้ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร
 
2. นามบัตร คือ First Impression ของแบรนด์
 
นามบัตร เป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าจะเอาไว้ใส่แค่ชื่อ เบอร์โทร และอีเมล์ ลองนึกภาพง่ายๆ ก็เหมือนกับเวลาที่เราเห็นใครซักคนที่ดูดี มีเสน่ห์ ชวนให้จดจำไปได้อีกนานแสนนาน ซึ่งถ้าเราออกแบบให้ดี มีความน่าสนใจ ย่อมสร้างความประทับใจและสร้างการจดจำแบรนด์ให้กับคู่สนทนาได้ไม่ยาก

ทั้งนี้การออกแบบนามบัตรให้น่าสนใจมีหลายวิธี อาจเปลี่ยนจากกระดาษเป็นเหล็กบางๆ (Metal Business Card) หรือออกแบบให้มีความโมเดิร์น ทันสมัย หรือมีความเฉพาะตัวตามแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์
 
3. นามบัตรที่สร้างสรรค์ มีโอกาสได้ไปอวดโฉมกับคนอื่นๆ ต่อ

แม้นามบัตรจะเป็นกระดาษแผ่นเล็ก แต่คุณต้องไม่ลืมว่า คุณกำลังฝากชื่อเสียงของแบรนด์เอาไว้บนกระดาษแผ่นเล็กๆ แผ่นนั้น ถ้าวันหนึ่งคุณให้นามบัตรนักธุรกิจชื่อดัง แล้วเขาเกิดเห็นว่ามันสวย และเอาไปอวดให้คนอื่นๆ ดูต่อ ย่อมเกิดผลดีกับ
 
แบรนด์ของคุณอย่างแน่นอน ยิ่งถ้ามีใครได้นามบัตรของคุณ และไปแชร์ตามโซเชียลมีเดียว่า นี่คือนามบัตรที่สวยงาม มีความคิดสร้างสรรค์ แบรนด์ของคุณก็จะกลายเป็นที่รู้จักไปอย่างรวดเร็ว
 
4. นามบัตรแสดงให้เห็นถึงความพร้อม
 
เคยเห็นใครเขียนที่อยู่ติดต่อทางธุรกิจลงบนกระดาษทิชชู่ หรือผ้าเช็ดปากตามงานค็อกเทลไหม หรือบางทีอยากใช้โทรศัพท์บันทึกเบอร์โทรคู่สนทนา แบตเตอรี่เจ้ากรรมก็ดันหมดซะได้ นามบัตรก็ไม่มี นั่นแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพของคุณ
 
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ เช่น หากวันหนึ่งคุณเจรจาธุรกิจกับคนสองคนพร้อมกัน คนหนึ่งค้นกระเป๋าหาปากกาและกระดาษเพื่อมาจดเบอร์โทร

ส่วนอีกคนยื่นนามบัตรให้คุณได้ทันที กับความประทับใจแรกพบนี้ ถามว่าคุณอยากจะทำธุรกิจกับคู่สนทนาคนไหนมากกว่ากันดังนั้น พยายามทำตัวให้พร้อมเอาไว้ เพื่อให้คู่สนทนาเห็นว่าคุณมีความเป็นมืออาชีพสำหรับการทำธุรกิจ
 
สิ่งที่ควรมีอย่างชัดเจนบนนามบัตรเพื่อการติดต่อธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

1.ชื่อ - นามสกุล ต้องชัดเจน

ชื่อและนามสกุลถือเป็นส่วนสำคัญอันดับแรกสุดของนามบัตร ไม่ควรสะกดตัวอักษรผิด เพราะการสะกดผิดแม้แต่ตัวเดียวก็ทำให้ความหมายของชื่อและการอ่านออกเสียงเปลี่ยนไปได้ และควรจะมีทั้งภาษาไทยและอังกฤษวางอยู่อย่างโดดเด่นและสามารถสังเกตได้ง่าย
 
2.ตำแหน่งหน้าที่
 
ส่วนประกอบสำคัญรองลงมาจาก ชื่อ-นามสกุล เพราะจะเป็นส่วนที่บ่งบอกถึงตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าของนามบัตรใบนั้นโดยตรงเพื่อเป็นการสะดวกในการติดต่องาน
 
3.ที่อยู่บริษัทและช่องทางการติดต่อ

ต้องระบุชื่อที่อยู่ของบริษัทลงไปอย่างชัดเจนว่าบริษัทชื่ออะไรตั้งอยู่เลขที่เท่าไหร่ จังหวัดอะไร รหัสไปรษณีย์รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของทางบริษัท และที่สำคัญคือเบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมลล์ รวมถึงทวิตเตอร์และช่องทางการสื่อสารอื่นๆที่เจ้าของบัตรมีเพื่อความสะดวกมากในการติดต่อมากขึ้น
 
4.โลโก้บริษัท
 
โลโก้บริษัทต้องมีขนาดที่ใหญ่โตและโดดเด่นมากที่สุดในนามบัตร โดยมีสีสันตามโลโก้จริงทั้งหมดและต้องตั้งอยู่ในที่ที่โดดเด่น
 
การออกแบบนามบัตรที่ผิดพลาดอาจทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ ก่อนออกแบบนามบัตรจึงควรพิจารณาถึงอายุ เพศ ความรู้สึกของกลุ่มลูกค้าที่จะได้รับนามบัตรจากเรา หากแบบนามบัตรตอบโจทย์ตรงกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้เกิดการติดต่อกลับ ด้วยพลังงานที่ดึงดูด

ดังนั้นเราต้องรู้ว่านามบัตรของเราทำเพื่ออะไร เพื่อโปรโมทสินค้า แนะนำตัวเอง หรือเพื่อสร้างแบรนด์ให้คนรู้จัก ความหมายที่ต่างกันก็ทำให้รูปแบบของนามบัตรแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน
 
สำหรับผู้ที่สนใจอยากมีนามบัตร (Business Card) แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นการทำอย่างไรให้ได้นามบัตรที่ถูกต้องและถูกใจสามารถเข้ามาทำนามบัตรฟรีได้ที่นี่ครับ http://goo.gl/Uv88WH 
 
ขอบคุณข้อมูลจาก https://goo.gl/FQ2azT 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
512
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
431
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
414
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
412
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด