หลายครั้งที่เราอาจมองเห็นช่องทางการตลาดจำนวนมากแต่ด้วยความสับสนปนโลเลทำให้คิดไม่ออกว่าสุดท้ายแล้วช่องทางเพียงเล็กน้อยที่ว่านั้นจะสามารถนำมาขยายผลทางธุรกิจได้อย่างไร

 

www.ThaiFranchiseCenter.com  มี 4 วิธีแห่งการเรียนรู้ที่พร้อมทำให้ทุกคนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองได้ใช้ความสามารถวิเคราะห์โอกาสที่มองเห็นเพื่อสร้างรูปแบบธุรกิจได้แบบที่ตัวเองต้องการ ตามหลักทฤษฏีที่เรานำเสนอนี้เป็นแก่นของธุรกิจหลายอย่างที่เติบโตขึ้นมาเพราะการมองเห็นโอกาสที่แม้จะน้อยนิดแต่ก็มีค่ามหาศาลทางการตลาดทีเดียว

 

4 หลักเกณฑ์วิเคราะห์ตลาด เพื่อสร้างธุรกิจ SMEsให้ยิ่งใหญ่
 

1.มีตลาดที่ใหญ่พอ
 

นั้นหมายถึงก่อนจะทำผลิตภัณฑ์หรือสร้างธุรกิจใดๆก็ตามต้องมีการประเมินตลาดก่อนลงสนามจริงทุกครั้งคนส่วนใหญ่ที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจมักคิดว่า อยากทำธุรกิจก็หาอะไรมาขาย ทำๆไปก่อน เปิดร้านไปก่อน เดี๋ยวลูกค้าคงวิ่งมาหาเองหรือมีความคิดว่า “เรามีของใหม่มาขาย ยังไม่เคยมีใครขายมาก่อน มีความแตกต่างจะต้องสำเร็จแน่นอน” ซึ่งบางครั้งความจริงที่ตามมาก็ไม่ได้เหมือนตามใจคิดทุกครั้งไป

 

 สิ่งที่ข้ามขั้นตอนไปนั้นคือการประเมินขนาดตลาด ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยมักคาดคะเนไปเองล่วงหน้าวิธีการที่ดีกว่าถ้าไม่อยากทำเองก็ใช้ทุนเพิ่มขึ้นเพื่อจ้างบริษัทวิจัยการตลาด หรือการหยั่งเชิงปล่อยสินค้าและบริการเบื้องต้นลงในอินเทอร์เน็ต ขั้นตอนแรกนี้แม้จะดูว่ายุ่งยากแต่ก็ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญต่อการทำธุรกิจมากทีเดียว

ผลจากข้อแรกถ้าผ่านด้วยดีก็ต้องมองหาโอกาสในด่านที่ 2 คือช่องว่างทางการตลาดที่พอเหมาะกับธุรกิจที่เราจะทำ ผู้ประกอบการหลายคนอาจเคยสงสัยว่าตัวเองทำของดี ขายของที่ดูสวยงาม แต่ทำไมผลที่ได้กลับไม่เป็นไปตามคาด นั้นเพราะว่าเราอาจไม่ใช่รายเดียวที่เป็นทางเลือกของลูกค้า

 

สิ่งที่ต้องทำคือ สำรวจว่าตลาดนี้ มีคู่แข่งเข้ามาเล่นมากน้อยแค่ไหน ยังมีที่ว่างสำหรับเราหรือเปล่า คู่แข่งรายใหม่จะเข้ามาได้ยากง่ายแค่ไหน รวมถึงการประเมินคู่แข่งคร่าวๆด้วย หลายช่องทางที่ทำได้เช่น เช่น สำรวจเว็บไซต์ หน้าร้านของคู่แข่ง มีคนเข้าร้านคึกคักหรือไม่ มีสิ่งไหนที่คู่แข่งไม่มีแต่ตลาดต้องการและเราน่าจะตอบโจทย์ตรงนี้ได้  จากนั้นก็เก็บข้อมูลให้มากพอ วิเคราะห์รายละเอียดได้ เพื่อให้การลงนั้นคุ้มค่ามากที่สุด

 

ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ดีย่อมต้องควบคู่กับการสื่อสารที่ชัดเจนสู่กลุ่มเป้าหมายด้วยมีธุรกิจมากมายที่สินค้าดีมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แต่กลับตกม้าตายเพราะการสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายนั้นทำได้ไม่ดีพอ หรือไม่ก็สื่อสารผิดกลุ่ม ดังนั้น เมื่อรู้ว่ามีตลาดและตลาดยังมีที่ว่างสำหรับเราอยู่ ก็ได้เวลาพิจารณาว่า เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธีและ เงินทุนที่เหมาะสมหรือไม่  

 

เช่นถ้าคิดจะทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารจากผักออร์แกนิคแต่ไม่สามารถสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายออกมาได้ว่า อาหารจากผักออร์แกนิคของเราดีต่อลูกค้าอย่างไร และทำไมผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าเรา ก็ย่อมทำให้ลูกค้าไม่เข้าใจ ไม่กล้าตัดสินใจสุดท้ายก็กระทบกับธุรกิจที่เราทำโดยตรงนั่นเองสิ่งที่เราทำได้ในขั้นตอนนี้มีหลายอย่างทั้งการโฆษณาผ่านนิตยสาร สื่อออนไลน์ ฯลฯ แต่ก็ต้องดูด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคืออะไรจะได้เลือกสื่อให้ถูกต้องเพื่อเข้าถึงลูกค้าที่แท้จริงได้และไม่เป็นการเสียงบประมาณแบบสูญเปล่าด้วย

 

ธุรกิจที่สำเร็จคือต้องมีกำไร ไม่ใช่แค่ยอดขายเพียงอย่างเดียว และถึงแม้จะดูว่าเป็นแค่เรื่องทั่วไปที่ใครก็รู้แต่รู้หรือไม่ว่าส่วนใหญ่กับพะวงกับการทำยอดขายโดยที่ละเลยตัวเลขด้านอื่นๆไปจนหมด เพราะในเมื่อกำไร เท่ากับ รายได้ลบรายจ่าย สิ่งที่เราต้องวิเคราะห์จึงแบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ คือ รายได้ และค่าใช้จ่ายนั่นเอง

 

ตัวแปรสำคัญในเรื่องนี้มีหลายอย่างทั้งการเรื่องโครงสร้างตลาดที่อาจทำให้ไม่สามารถตั้งราคาสินค้าได้อย่างเหมาะสม หรือในตลาดมีสินค้าประเภทเดียวกันมากไป ก็เป็นผลให้มีกำไรน้อยสวนทางกับค่าใช้จ่ายที่ต้องมีเป็นทุนเดิมหลักการข้อนี้ละเอียดอ่อนมากนักธุรกิจ SMEs ต้องไม่ประมาทและดูรายจ่ายพร้อมรายได้ให้สมดุลเพื่อวางแผนสร้างธุรกิจให้อยู่ได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

 

และนี่คือหลักการวิเคราะห์การตลาดแบบคร่าวๆแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จต่างเคยผ่านและทำได้อย่างสมบูรณ์แบบหากนักธุรกิจSMEsรุ่นใหม่ทั้งหลายต้องการเดินตามเส้นทางนี้ทฤษฏีเหล่านี้มีประโยชน์มากศึกษาไว้ได้ใช้ประโยชน์แน่นอน

 

เรียบเรียงโดย ThaiFranchiseCenter.com