มีคำกล่าวที่ว่าถ้าเรามองจากยอดไม้เราจะรู้สึกว่าสูงมาก แต่ถ้าเรามองจากข้างล่างจะพบว่ายอดไม้นั้นอยู่ใกล้แต่หลายคนก็ปีนไปไม่ถึง คำกล่าวนี้เปรียบได้กับการลงทุนทางธุรกิจบางครั้งเรามองว่าเป็นเรื่องไม่ยากแค่ซื้อมาขายไปทำโปรโมชั่นดีๆพูดจาเพราะๆแค่นี้ธุรกิจก็บินสูงได้แล้ว

แต่แท้ที่จริงในความง่ายยังมีความยากอีกมากมายรออยู่ ขนาดคนที่มีประสบการณ์มากพอยังล้มเหลวได้ไม่เป็นท่าดังนั้นหากคิดจะทำธุรกิจต้องคิดให้มากและลงมือทำให้มากกว่าที่คิดอีกด้วย

 

และเมื่อพูดถึงการต่อสู้จากจุดเริ่มที่เป็นศูนย์จนก้าวขึ้นสู่ทำเนียบเศรษฐีระดับโลก www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่าคงไม่มีตัวอย่างไหนชัดเจนไปกว่า “ลีกาชิง” จากเด็กชายธรรมดาที่ต้องหลีกหนีภัยสงครามมาอาศัยอยู่ในฮ่องกง พ่อแม่คือคนธรรมดาไม่มีเงินทุนแม้แต่จะให้เรียนแต่วันนี้เขาคือผู้ชายที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในเกาะฮ่องกงเลยทีเดียว

Li Kashing หรือในภาษาจีนเรียกว่า ลีเจียเฉิง MR. Li เกิดมาในครอบครัวชาวซัวเถาในปี ค.ศ.1940 เมื่อทหารญี่ปุ่นบุกมาที่ประเทศจีน พ่อแม่ของ Li Kashing จึงพาครอบครัวอพยพมาอยู่ที่ฮ่องกง

หลังจากใช้ชีวิตในฮ่องกงได้เพียง 2 ปีบิดาของลีกาชิงก็ได้เสียชีวิตทำให้ MR. Li ต้องรับภาระดูแลน้องชายน้องสาวด้วยการออกจากโรงเรียนแล้วมาหางานทำเลี้ยงครอบครัว และธุรกิจแรกที่เขาเริ่มทำนั้นคือบริษัทผลิตของเล่นพลาสติกโดยเขาทำงานหนักถึงวันละ 16 – 20 ชั่วโมง
 

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้น ของ มหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งสุดแห่งฮ่องกงที่ปัจจุบันทรัพย์สินมูลค่ากว่า 16,000 ล้านเหรียญ มีอาณาจักรธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม สถานีโทรทัศน์ ท่าเรือขนส่ง บริการอินเตอร์เน็ต อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

5 แนวทาง สร้างธุรกิจสไตล์ ลี กาชิง
 

ปัจจุบันการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต้องเริ่มจากการศึกษารูปแบบของนักธุรกิจที่ทำสำเร็จแล้ว เหมือนกับเป็นสูตรลับที่นักลงทุนหน้าใหม่ไม่ต้องลองผิดลองถูก โดยเฉพาะต้นแบบที่มาจากรากหญ้าปรัชญาการสร้างธุรกิจเหล่านี้ล้วนแต่เป็นบทเรียนที่มีค่ามหาศาลเช่นเดียวกับวิธีสร้างธุรกิจทั้ง 5 ประการของลีกาชิงที่เราจะนำเสนอให้ได้ทราบกันในวันนี้

จุดแข็งที่สุดที่ ลี กาชิง แนะนำในการธุรกิจ คือ วิสัยทัศน์ต้องชัดเจน เพราะ การมองเห็นอนาคต จะทำให้เราคิดตลอดเวลาเพื่อหาทางทำให้วิสัยทัศน์นั้นเป็นจริง ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เรากระตือรือร้น ดึงพลังกายพลังใจออกมาใช้อย่างเต็มที่ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราสนใจเรียนรู้สิ่งรอบตัวตลอดเวลา ทำให้มีข้อมูลมาก หูไว ตาไว ตัดสินใจไว กล้าเสี่ยง

ทั้งนี้ยังทำให้รู้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก คาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าได้ดี สามารถตั้งรับได้ทันเมื่อเกิดวิกฤต และรุกได้ทันทีเมื่อเห็นโอกาสที่ผ่านเข้ามาเพียงแว๊บเดียว

 

2. จงเป็นนักขายที่ดี
 

ลี กาชิง กล่าวไว้ว่า เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เริ่มจากการเป็นนักขายที่ดีทั้งนั้น เพราะคุณสมบัตินี้ ทำให้เรามีไหวพริบ รู้จักตลาด รู้ว่าสินค่าอะไรขายได้ สินค้าอะไรขายไม่ได้ สามารถดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับตลาด ผลิต ค้นหาสินค้ามาจำหน่ายหรือบริการได้ตรงกับความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง

อีกทั้งยังทำให้เรารู้จังหวะสร้างกำไรจากธุรกิจอย่างงดงาม และที่สุดของการเป็นนักขายที่ดี คือ เราสามารถขายความฝันและวิสัยทัศน์ ให้กับนักลงทุนที่อยากเป็นหุ้นส่วนกับเราได้อีกด้วย

ความยากลำบากในการทำธุรกิจเป็นสิ่งที่มีอยู่เสมอ เราจะต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนไหนไม่เคยแก้ปัญหา ทุกคนล้วนผ่านความยากลำบากมาด้วยกันทั้งนั้น เมื่อตัดสินใจสร้างธุรกิจ เราต้องมุ่งมั่นทำวิสัยทัศน์ให้เป็นจริง ลงมือทำงานทุกวันด้วยความขยัน เมื่อเจออุปสรรคปัญหาไม่ท้อแท้ หรือยอมแพ้ง่าย

ต้องอดทนแก้ปัญหาให้ได้ ทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ ไม่คดโกง และคบหากับทุกคนด้วยความจริงใจ สิ่งเหล่านี้เป็นคุณค่าที่ดีงามของชีวิต จะทำให้เราเป็นที่คนน่ายกย่อง และเป็นที่ไว้วางใจของทุกคนที่เราต้องการติดต่อทางธุรกิจด้วย

4. เป็นนักบริหารการเงินที่ดี 
 

หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจคือการบริหารเงิน หากมีเงินแล้วบริหารไม่ได้ ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ธุรกิจก็ไม่สามารถอยู่ได้แน่นอน ดังนั้นลี กาชิง จึงให้ความสำคัญกับการบริหารเงินเป็นอย่างมากและได้เสนอแผน 5 ปีที่จะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นด้วยวิธีการบริหารเงิน โดยแบ่งออกเป็น  5  ส่วนดังนี้

การลงทุนในทรัพย์สินจะสร้างรายได้ให้เราอย่างมหาศาล แต่นั่นก็หมายถึงเราต้องเข้าไปลงทุนในทรัพย์สินนั้นให้ถูกจังหวะ เคล็ดลับที่ลี กาชิง แนะนำ คือ เก็บสะสมเงินในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น แล้วมาลงทุนในช่วงเศรษฐกิจขาลง จะทำให้เราได้ทรัพย์สินในราคาถูกและความเสี่ยงต่ำ และต้องปล่อยขายในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด จะทำให้เราสร้างกำไรได้อย่างงดงามเป็นอย่างยิ่ง

 

หลายสิ่งที่ลีกาชิงแนะนำอาจจะเป็นเพียงแค่ทฤษฏีที่ไร้ค่าหากเราไม่นำสิ่งเหล่านั้นไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ ตัวอย่างของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสิ่งที่เราควรมองไม่ใช่เงินทองที่เขามี

แต่ควรดูวิธีที่เขาใช้สร้างฐานะซึ่งกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้คงไม่ใช่เรื่องยากและจำเป็นต้องใช้เวลามากแต่เขาเหล่านั้นก็ทำให้เป็นจริงได้ เมื่อเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ วิธีการก็มี รูปแบบก็ชัดเจน อยู่ที่ตัวเราจะเลือกทำหรืออ่านผ่านๆ จุดแตกต่างของคนรวยกับคนธรรมดาแตกต่างกันแค่วิธีคิดเท่านั้น