ใครที่ไม่รู้ว่าธุรกิจไหนดีธุรกิจไหนน่าสนใจชนิดที่ไม่ต้องลงทุนมากแต่ผลตอบแทนคุ้มค่า ขอบอกว่าธุรกิจออกแบบภายในนั้นเป็นตัวเลือกที่หลายคนมองข้ามไปเพราะดูว่านี่คืองานที่เป็นความสามารถเฉพาะด้าน แต่เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับใครก็ตามที่มีความสามารถด้านนี้เริ่มต้นธุรกิจตัวเองได้อย่างดีแบบไม่ต้องลงทุนมากเลยทีเดียว

 

www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าอนาคตของอาชีพนี้มีทิศทางที่สดใสและสามารถเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตได้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญที่จะทำให้อาชีพนี้สำเร็จได้ดีและเร็วขึ้นคือประสบการณ์รวมถึงการพัฒนาทักษะของตัวเองให้โดดเด่นสะดุดตาจากบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการดีไซน์เหล่านี้

 

ผสมผสานความคิด และความรู้ทางด้านการออกแบบ การผลิต การตลาด และศิลปะเข้าด้วยกัน เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ ออกแบบตกแต่งภายในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น พื้นที่ภายในอาคาร ที่อยู่อาศัย อาคารสาธารณะ พื้นที่ภายในยานยนต์ประเภทต่าง ๆ เช่น เครื่องบิน  รถโดยสาร เรือ หรือพื้นที่แสดงสินค้า / จัดนิทรรศการอื่น ๆ

รวมถึงการจัดตู้หรือกระจกแสดงสินค้าของร้านค้า ห้างสรรพสินค้าขนาดต่าง ๆ โดยสามารถจัดวางผังเขียนแบบ รวมถึงกำหนดรายละเอียดส่วนประกอบต่าง ๆ เพื่อการก่อสร้างที่สมบูรณ์ และควบคุมดูแลช่างตกแต่งภายในให้ทำหน้าที่ได้ถูกต้อง

 

ผู้ออกแบบจะทำการตกแต่งภายในสถานที่อยู่อาศัยหรือสถานที่ทำงาน โดยทำงานตามขั้นตอน  และกำหนดเวลาชิ้นผลงานต่างๆ ร่วมกับ ผู้ว่าจ้าง

ประเทศไทยอาจจะมองว่าอาชีพนักออกแบบภายในยังไม่เฟื่องฟูมากนักแต่ในต่างประเทศอาชีพนี้มีความสำคัญมากและไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบบริษัทที่ใหญ่โตส่วนใหญ่จะใช้การทำงานแบบCo-Partner คือเมื่อรับงานจากลูกค้าได้ธีมของงานก็จะมองหาอุปกรณ์จากบริษัทและจะแยกย่อยจ้างทำเป็นส่วนๆกันไป

ถือเป็นธุรกิจที่ทำให้เติบโตพร้อมกันในหลายภาคส่วนโดย นักออกแบบในต่างประเทศนั้นหากทำเป็นอาชีพจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง เช่นในสหรัฐอเมริกาต้องผ่านการสอบที่กำหนดโดยสภาแห่งชาติของการออกแบบตกแต่งภายในวุฒิการศึกษา (NCIDQ) เป็นต้น

 

และรายได้เฉลี่ยของธุรกิจแนวนี้ถ้าเป็นนักศึกษาจบใหม่มีรายได้เบื้องต้นประมาณ 15,000 – 20,000 ปอนด์/เดือน และเงินจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามประสบการณ์ที่มีในประเทศอังกฤษนั้นอาชีพนักออกแบบถือว่าทำรายได้ดีเป็นอันดับสองแม้จะต้องเรียนในสายนี้ไม่น้อยกว่า 5 ปีก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการรับงานในรูปแบบเป็นจ็อบเป็นเคสซึ่งก็อยู่ที่การบริหารต้นทุนของนักออกแบบเองว่าจะทำให้ได้กำไรในแต่ละงานมากน้อยแค่ไหน

 

ทั้งนี้การจะต่อยอดเอาความรู้ด้านนี้มาเป็นธุรกิจตัวเองได้แบบที่ใช้ต้นทุนน้อยที่สุดคือการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทต่างๆในการรับงานเป็นจ็อบเป็นเคสซึ่งถ้าเราผลงานดีก็จะมีบริษัทว่าจ้างเราทำงานมากขึ้นซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสามารถที่จะบอกได้ว่าเราเป็นนักออกแบบอิสระที่ดีแค่ไหน ทุกอย่างอยู่ที่ผลงานเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น

 

ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/FPBBGF