เราเชื่อว่าถ้าพูดถึงเมนูยามเช้า ขนมจีบ ซาลาเปา คงเป็นเมนูหาทานง่ายที่ใครๆก็บอกว่านอกจากจะอิ่มอร่อยได้ทนนานราคาจำหน่ายส่วนใหญ่ก็คุ้มค่า เฉพาะอย่างยิ่งซาลาเปาที่มีรสชาติดีๆ นั้นสามารถบอกถึงความตั้งใจของคนทำได้อย่างดีว่าผ่านกระบวนการคัดสรรตั้งแต่วัตถุดิบ มาจนถึงขั้นตอนการทำที่พิถีพิถันจนได้ซาลาเปาที่ทำให้ทานเมื่อไหร่ก็ติดใจอยากทานต่อเนื่องกันไปทุกวันแบบไม่มีเบื่อ
 

 

 

แม้ในปัจจุบันธุรกิจการจำหน่ายซาลาเปาจะมีให้เห็นแทบทุกพื้นที่แต่ในความจริงแล้วสูตรการทำของแต่ละแบรนด์นั้นก็แตกต่างกันสิ่งที่จะทำให้สินค้าได้เปรียบคือความลงตัวของส่วนผสมต่างๆที่ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้จากการทำในระยะสั้นๆหากแต่ยิ่งคลุกคลีในธุรกิจนี้นานเท่าไหร่โอกาสที่จะได้สัมผัสกับซาลาเปาสูตรโบราณที่รสชาติเรียกว่าถอดแบบจากตำนานก็มีมากและจะกลายเป็นเรื่องราวของสินค้าที่น่าสนใจทำให้ธุรกิจซาลาเปานั้นเป็นที่นิยมของคนทั่วไปได้อย่างรวดเร็วด้วย
 

เช่นเดียวกับหนึ่งในตำนานความอร่อยที่ www.ThaiFranchiseCenter.com ภูมิใจนำเสนอกับระยะเวลาเกือบ 100 ปีในแวดวงธุรกิจนี้ทำให้ “เปาเหล่ากง” เป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์น่าสนใจที่ใครเคยได้กินซาลาเปาแบรนด์นี้รับรองว่าต้องอยากร่วมลงทุนด้วยแน่นอน

 

 

เรื่องนี้ต้องย้อนกันไปตั้งแต่สมัย พ.ศ. 2464 ในยุคที่ เหล่ากง เหลี่ยงเพียว แซ่คู ที่อาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ดินแดนที่มีชื่อเสียงด้านติ่มซำมานานนับศตวรรษ จากนั้นเหล่ากงได้ตัดสินใจขึ้นเรือสำเภาจากเมืองจีนเดินทางมายังประเทศไทย

โดยเริ่มต้นการทำมาหากินที่ชลบุรี อาศัยวิชาความรู้ทำซาลาเปาออกจำหน่ายโดยเป็นการหาบขายและมีซาลาเปาในยุคนั้น 2 รสชาติ คือไส้หมูและไส้ถั่วดำ รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ทุกคนติดใจนั้นคือแป้งที่นุ่มเมื่อกินแล้วไม่ติดฟัน ซึ่งเทคนิคการทำที่สำคัญคือไม่ใช่การปั้นสดแต่ต้องปั้นแป้งทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่า 8 ชม.และต้องรู้เทคนิคในการอบการนึ่งเป็นอย่างดีจึงจะได้ซาลาเปาที่รสชาติอร่อยแบบสุดๆ
 

 

การสืบทอดต่อกิจการในยุคต่อมานั้นจากเหล่ากง ก็มาถึง ก๋งกิมอู แซ่คู และส่งต่อเป็นมรดกมาถึงคุณ แววตา ทัศนศรที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาการทำซาลาเปาสูตรโบราณแต่ทว่าปัจจัยด้านแรงงานเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การทำซาลาเปานี้ต้องหยุดชะงักในช่วงหนึ่งทั้งที่ความต้องการของลูกค้าเองก็มีจำนวนมาก

 

 

คุณศุภวิชญ์ ทัศนศร ลูกชายของคุณแววตา ทัศนศร ถือเป็นรุ่นที่ 4 ที่ได้รับสืบทอดกิจการทำซาลาเปานี้และเมื่อคุณศุภวิชญ์จบการศึกษาก็มีความตั้งใจที่จะเริ่มต้นการทำธุรกิจซาลาเปาของเหล่ากงให้ฟื้นคืนมาอีกครั้งเนื่องจากมองเห็นจุดเด่นทางการตลาดที่ดีกว่าจึงเริ่มเดินหน้าในการผลิตซาลาเปาสูตรโบราณด้วยคนยุคใหม่ ในช่วงแรกนั้นใช้ชื่อแบรนด์ว่า “ซาลาเปาคุณแวว” แต่มาภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เปาเหล่ากง” จึงได้ตั้งชื่อเป็น "เปา เหล่า กง" เพื่อให้เกียรติแก่เหล่ากงผู้คิดค้นและเริ่มต้นการทำซาลาเปานี้ในยุคแรก
 

วิธีการทำในตอนนั้นยังอาศัยแรงงานในครอบครัวเป็นหลักไม่มีเครื่องจักรในการผลิต สามารถทำซาลาเปาออกจำหน่ายได้ประมาณ 200 ลูกต่อวัน โดยเปิดตลาดไปตามจุดที่คนพลุกพล่านเพื่อให้คนได้รู้จักสินค้าและเป็นการสะสมประสบการณ์ในการทำพร้อมรับคำติชมจากลูกค้านำมาพัฒนาต่อยอดสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้นด้วย

 

 

และเมื่อสูตรการทำนั้นเริ่มลงตัว เป็นรสชาติที่คนทั่วไปสนใจแล้ว สิ่งสำคัญคือพัฒนาเรื่องการลงทุนให้แข็งแกร่งมากขึ้นซึ่งก็มีสองวิธีการสำคัญที่ทำให้แบรนด์เปาเหล่ากงกลายเป็นซาลาเปาที่ใครๆก็รู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเริ่มจากการนำเอาสินค้าเข้าร่วมการประกวดสินค้าOTOP ของบางละมุงชลบุรีและได้รับเลือกให้เป็นสินค้า OTOP ของบางละมุง

นั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้แบรนด์เปาเหล่ากงเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นมีความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น การพัฒนาขั้นต่อไปคือเสริมศักยภาพการผลิตให้แข็งแกร่งเพื่อนำเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ คุณศุภวิชญ์เลือกเข้ารับการอบรมกับกรมพัฒนาธุรกิจและการค้ากระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องการทำแฟรนไชส์ที่ถูกต้องตามหลักการ
 

และเมื่อได้แนวทางที่ชัดเจนแล้วจึงได้เริ่มวางระบบแฟรนไชส์ของเปาเหล่ากงให้มั่นคงทั้งในแง่ของวัตถุดิบ สูตรการผลิต ขั้นตอนการทำ เพื่อให้เกิดเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งกับตัวเองและผู้ที่สนใจจำนวนมาก

 

ปัจจุบันเปาเหล่ากงถือเป็นอุตสาหกรรมครอบครัวขนาดเล็กที่มีเครื่องจักรเข้ามาช่วยในการผลิตให้มีมาตรฐานมากขึ้นโดยมีกำลังการผลิตสูงสุด 10,000 ลูกต่อวันใช้คนงาน 7-8 คนมาช่วยในการผลิต ทั้งนี้เปาเหล่ากงยังเป็นซาลาเปาที่ได้รับรองมาตรฐานจาก อย. และมาตรฐานอาหาร จากกระทรวงอุตสาหกรรม รวมถึงยังเป็น OTOP ระดับ 5 ดาวของชลบุรีอีกด้วย

 

 

ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการที่สินค้าอย่างซาลาเปาจะกลายมาเป็นสินค้าชั้นนำระดับจังหวัดและกลายเป็นแฟรนไชส์ที่ทำรายได้อย่างดีให้กับผู้ลงทุนนั้นเพราะวิธีการสร้างและประสบการณ์มีส่วนสำคัญมากและหากพูดถึงเปาเหล่ากงแล้วมีจุดเด่นน่าสนใจด้วยกัน 5 ประการคือ

 

เปาเหล่ากงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเพราะวัตถุดิบที่ดีจะนำมาสู่การผลิตสินค้าที่ดีได้ วัตถุดิบของเปาเหล่ากงที่บอกว่าคัดสรรพิเศษนั้นก็คือคัดสรรพิเศษจริงๆ อย่างเช่นหมูที่ใช้ในการทำก็มาจากหมูเกรด A ไม่ใช่หมูทั่วไปที่เน้นแต่ปริมาณเพียงอย่างเดียว หรืออย่างพริกไทยที่ต้องไปซื้อกันถึงจันทรบุรีเนื่องจากเป็นพื้นที่ได้ชื่อว่ามีพริกไทยที่มีความหอมโดดเด่นมากที่สุดไม่ใช่พริกไทยราคาถูกแบบท้องตลาดทั่วไป

รวมถึงการทำไส้ครีมของซาลาเปาเองก็มีการเลือกใช้นมไม่ต่ำกว่า 5 ชนิดในการผสมเป็นไส้ครีมขึ้นมาและนมแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างในเรื่องรสชาติ ความหอม ความมัน ที่แตกต่างกันด้วย รวมถึงเรื่องแป้งที่ต้องเน้นให้ทำออกมาแล้วมีความนุ่มกินแล้วไม่ติดฟันอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเปาเหล่ากงมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น

 

 

จากการทำซาลาเปาในยุคแรกมีเพียงไส้หมูกับไส้ถั่วดำเท่านั้น และเมื่อเวลาผ่านไปบวกกับการพัฒนารูปแบบธุรกิจที่แข็งแกร่งมากขึ้นปัจจุบันเปาเหล่ากงมีสินค้าที่น่าสนใจมากมายในส่วนของซาลาเปา 5 ไส้ ได้แก่ หมูสับ, หมูแดง, ถั่วดำ, เผือกแปะก๊วย และครีมลาวา

สำหรับครีมลาวามีให้เลือกทั้งหมด 3 ครีม คือ ลาวาคัสตาร์ดไข่เค็ม, ลาวาช็อกโกแลต และลาวาแฮมชีส นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังมีหมั่นโถวเป็นสินค้าประกอบ ได้แก่ หมั่นโถวขาหมู, หมั่นโถวแกงเผ็ดเป็ดย่าง หมั่นโถวขาว และหมั่นโถวฟักทอง นอกจากนี้ก็จะมีขนมจีบหมู, ปู และกุ้งด้วย

 

3.เป็นสินค้าที่มี story
 

เราไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้และถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่น่าสนใจและทำให้เปาเหล่ากงโดดเด่นแตกต่างเป็นอย่างมาก ยิ่งการนำเสนอในเรื่องความเป็นมาที่ยาวนานเกือบ 100 ปีจากยุคแรกของเหล่ากงที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาบุกเบิกธุรกิจนี้ในเมืองไทยผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านการคิดค้นและสูตรการทำซาลาเปาแบบต่างๆจนประสบความสำเร็จในปัจจุบัน

ทำให้สินค้าที่แม้จะเป็นแค่ซาลาเปาแต่ดูมีมิติที่น่าสนใจใครที่ได้กินซาลาเปาของเปาเหล่ากงก็เหมือนได้กินซาลาเปาในยุค 100 ปีก่อนที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์สูตรการทำที่ไม่แตกต่างและพัฒนาให้ดีขึ้นในยุคปัจจุบัน

 

สินค้าในลักษณะของการขายแฟรนไชส์ส่วนใหญ่เราจะเห็นว่ามีจำนวนไม่น้อยที่คิดเองทำเองและขายเองนั้นคือการไม่ได้ผ่านการอบรมที่ถูกต้องตามหลักการของการทำแฟรนไชส์ที่ดี

ซึ่งก่อนหน้านี้เปาเหล่ากงก็มีลำดับขั้นตอนของการทำตลาดอย่างเป็นขั้นตอนโดยเริ่มจากนำซาลาเปาสูตรโบราณที่หยุดชะงักไปมาปัดฝุ่นใหม่สร้างตลาดใหม่ให้คนเริ่มยอมรับและค่อยก้าวเข้าไปสู่ระดับตำบลจนประสบความสำเร็จก็ก้าวไปสู่การทำระบบแฟรนไชส์และเข้ารับการอบรมที่ถูกต้องจนมีการพัฒนาที่ดีอย่างต่อเนื่องและสามารถขยายสาขาได้อย่างแข็งแกร่งมีสาขากว่า 6 แห่งในตอนนี้

 

5.เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งตามมาตรฐาน
 

หากจะวัดกันว่าแฟรนไชส์ไหนมีความแข็งแกร่งเปาเหล่ากงก็โดดเด่นในเรื่องนี้ได้เช่นกันเพราะวิธีการทำแฟรนไชส์ของเปาเหล่ากงนั้นถูกต้องตามหลักมาตรฐานทุกประการกับการเก็บค่าแฟรนไชส์ที่เป็นการคัดสรรคนที่มีความตั้งใจจริงเท่านั้นให้เข้ามาร่วมลงทุน

ซึ่งราคาแฟรนไชส์ที่หลายคนอาจมองว่าสูงแต่เมื่อมองดูผลตอบแทนที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นการดูแลทั้งในเรื่องอุปกรณ์การขายที่มีคุณภาพ แหล่งทำเลที่ตั้งร้าน วัตถุดิบที่มีคุณภาพ วิธีการทำที่เป็นแบบเฉพาะให้ผู้ลงทุนนำไปต่อยอดการทำได้ทันที  จึงถือเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่สามารถยกมาเป็นกรณีศึกษาให้กับผู้ที่สนใจในการทำธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

 

 

ลำดับขั้นของการลงทุนสำหรับคนที่สนใจในการทำธุรกิจกับเปาเหล่ากง สิ่งแรกที่ต้องมีคือ ใจรักในอาชีพและต้องการทำงานจริงๆไม่ใช่แค่คิดจะลงทุนทิ้งไว้แล้วปล่อยให้กิจการเติบโตไปเอง เพราะการทำซาลาเปานั้นไม่ต่างจากการเลี้ยงเด็กคือต้องมีเวลาอยู่กับงาน เอาใจใส่ทุกขั้นตอน

แม้จะมีคู่มือและเทคนิคในการที่มอบให้แต่เจ้าของก็ต้องคอนโทรลลูกน้องให้ทำตามเทคนิคเหล่านั้นได้ ขั้นตอนการทำซาลาเปาที่ผิดพลาดอาจทำให้ได้ซาลาเปาที่ไม่มีคุณภาพ นั้นหมายถึงผลเสียที่ผู้ลงทุนจะได้รับเอง

ในฐานะของแฟรนไชส์ซอแล้วต้องการให้ทุกคนที่ลงทุนในธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จอย่างเท่าเทียมจึงขอให้คนที่ตั้งใจและอยากทำจริงๆเท่านั้นได้มาเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์เปาเหล่ากง

ซึ่งในด้านการลงทุนมีแพคเกจเลือกลงทุน 2 แบบ คือ การลงทุนแบบ แพคเกจ A 99,000 บาท ที่นอกจากอุปกรณ์ในการเปิดร้านและการทำซาลาเปาแบบครบวงจรยังได้สินค้าพร้อมขายอีกหลายรายการเช่นหมั่นโถว 30 ลูก, หมั่นโถวฟักทอง 30 ลูก, ซาลาเปา 750 ลูก, ขนมจีบหมู 300 ลูก, ขนมจีบปู 300 ลูก และขนมจีบกุ้ง 300 ลูก ส่วนอีกหนึ่งแพคเกจคือ ราคา 69,000 บาทที่มาพร้อมอุปกรณ์การขายและการทำซาลาเปาแต่ไม่มีสินค้าพร้อมขาย

 

แฟรนไชส์เปาเหล่ากงได้จับมือเป็นพันธมิตรการค้ากับทางปั๊มบางจาก โดยผู้ที่สนใจในการลงทุนสามารถมองหาทำเลในปั๊มบางจากได้ทุกแห่งจากนั้นก็ส่งข้อมูลสถานที่ตั้งของปั๊มบางจากที่ท่านสนใจมาที่เปาเหล่ากงซึ่งทางแฟรนไชส์จะทำการติดต่อกับสำนักงานใหญ่ของปั๊มบางจากในเรื่องการขอสิทธิ์การวางจำหน่ายสินค้า

หากในปั๊มนั้นมีศักยภาพเพียงพอและไม่ติดปัญหาใดๆสามารถพร้อมให้ผู้ลงทุนขายได้ ก็จะแจ้งให้ทราบทันที แต่ในกรณีที่ปั๊มบางจากสาขานั้นติดปัญหาบางประการเช่นมีพื้นที่ไม่พอ ก็อาจต้องหาพื้นที่ค้าขายแห่งใหม่

ซึ่งนอกเหนือจากในปั๊มบางจากแล้วพื้นที่ทั่วไปก็สามารถนำเสนอเข้ามาให้พิจารณาได้หากวิเคราะห์แล้วว่าน่าสนใจและเป็นทำเลที่ดีในการขายก็พร้อมปล่อยสาขาให้ผู้ลงทุนได้ไปบริหารจัดการต่อในทันที ทั้งนี้แฟรนไชส์เปาเหล่ากงที่ต้องเน้นในเรื่องพื้นที่เป็นสำคัญเพราะอยากให้เงินที่ลงทุนไปนั้นคุ้มค่าไม่เสียประโยชน์ในภายหลังซึ่งดีด้วยกันทั้งแฟรนไชส์ซอและผู้ลงทุนเองด้วย

 

พร้อมกันนี้ทางแฟรนไชส์เปาเหล่ากงยังได้ฝากข้อคิดสำหรับการลงทุนที่น่าสนใจโดยปัจจุบันเปาเหล่ากงมีสาขาแฟรนไชส์ 6 แห่งและตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 10 แห่งภายในปี 2560

แต่ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือขอคนลงทุนที่ใจรักและปรารถนาดีกับการทำธุรกิจการตั้งขอค่าแฟรนไชส์ที่ค่อนข้างสูงในความรู้สึกของใครต่อใครเพื่อให้คัดคนที่สนใจและอยากทำจริงๆเท่านั้นเข้ามาร่วมงาน ซึ่งแบรนด์ของเปาเหล่ากงนั้นมีความพิเศษที่มีมานานและในอนาคตก็อยากรักษาสิ่งที่พิเศษนี้ไว้ให้เป็นธุรกิจที่ดีและมีอนาคตที่มั่นคงของผู้ลงทุนทุกคนยิ่งขึ้น

 

ที่อยู่  :  54/76 หมู่11 ซอยโรงเรียนสาธิตอุดมศึกษา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150

LINE : cc333cc

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)