กระแสของตลาดออนไลน์เริ่มโด่งดังในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มที่จะพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับมีผู้เล่นที่เข้ามาในแวดวงนี้มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการแข่งขันด้านการตลาดที่มากขึ้นชนิดที่ใครไม่แข็งแกร่งพองานนี้ก็ต้องถอยไป

ทั้งนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มองเห็นถึงทิศทางของธุรกิจนี้ที่ยังโตได้อีกมากเพียงแต่คนสนใจในการทำธุรกิจต้องมีประสบการณ์ที่มากพอซึ่งพูดถึงเรื่องนี้ชื่อของ TARAD.com ก็ชัดเจนขึ้นมากับการเป็นธุรกิจแรกๆในตลาด e-Commerce เมืองไทยที่จากวันนั้นถึงวันนี้ TARAD.com ยังยืนอยู่ในวงการได้อย่างแข็งแกร่งพร้อมการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาด e-Commerce อย่างสมบูรณ์แบบ

 

TARAD.com ถือเป็น E-Marketplace  ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ของประเทศไทย โดยมีสินค้าหลายล้านรายการ จากหลากหมวดหมู่สินค้า มีการซื้อขายเกิดขึ้นทุกๆ นาที ทำให้คนไทยและคนทั่วโลกสามารถซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายกับร้านค้านับแสนๆ แห่งทั่วประเทศไทย

โดยสามารถชำระเงินผ่านทางเว็บไซต์ได้ทันที พร้อมการการันตีสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ ซึ่งจะช่วยทำให้คนไทยสามารถซื้อสินค้าจากท้องถิ่นอื่นๆ ได้ง่ายและสะดวก โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลๆ เพื่อไปซื้อสินค้า 

TARAD.com  เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2544 ก่อตั้งโดยคุณป้อม ภาวุธ  พงษ์วิทยภานุ ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นหากเราจำกันได้กับช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 เว็บไซต์แรกที่เปิดตัวยังไม่ใช่ TARAD.com ทันที

แต่เป็นชื่อของ ThaiSecondhand.com ที่เป็นเว็บไซต์ประกาศซื้อ-ขายสินค้า (Classifieds) ที่ได้รับความสนใจมากแต่จากวิกฤติเศรษฐกิจทำให้รูปแบบของธุรกิจก็จำต้องเปลี่ยนไปและกลายมาเป็น TARAD.com   ในปี 2544 ที่มีรูปแบบของการเป็นตลาดนัดของการซื้อขายมากขึ้น

จากจุดเริ่มต้นที่มีฐานร้านค้าแค่หลักพันปัจจุบัน TARAD.com  มีผู้เปิดหน้าร้านผ่านทางเว็บไซต์มากกว่า 270,000 ราย และมีสินค้าไม่ต่ำกว่า 4,000,000 รายการ และมีการเติบโตขยายไปสู่ธุรกิจอื่นอีกด้วย

ทั้งนี้เส้นทางของ TARAD.com  ก่อนจะมาถึงจุดนี้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อยโดยเฉพาะกับช่วงที่ตลาดออนไลน์เริ่มจะคึกคักมีการเข้ามาของแบรนด์ออนไลน์มากมายไม่ว่าจะเป็น Ensogo, Coupon , Lazada

รวมถึงมีการซื้อหุ้นของนักลงทุนจากต่างประเทศเช่นที่เราได้ยินข่าวของ Rakuten จากญี่ปุ่นได้ซื้อหุ้นของ TARAD.com  ไปกว่า 67% เมื่อปี 2009 และภายหลังจากที่ Rakuten ถอนตัวจากธุรกิจนี้คุณป้อมก็เข้ามาซื้อหุ้นของ TARAD.com จนสามารถพัฒนาธุรกิจเติบโตสู้กับคู่แข่งในยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

รูปแบบการใช้บริการของ TARAD.com  

ภายใต้แนวคิดการทำธุรกิจ e-Commerce แบบครบวงจรแบ่งการบริการออกเป็น 4 ส่วนสำคัญคือ

1. ระบบตลาดดอทคอม 

คือแพลตฟอร์ม การค้าขายผ่านทางออนไลน์โดยเป็นระบบที่ใช้งานได้ง่ายผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง โดยเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทยมากกว่า 15 ปี ทำให้ผู้ประกอบการสามารถขยายธุรกิจของตนไปได้ทั่วโลก

2. ระบบการรับชำระเงินออนไลน์ 

สามารถรับชำระเงินทั้งแบบออนไลน์ อย่างบัตรเครดิต ,เดบิต, Paypal, Paysbuy และออฟไลน์ผ่านตู้ATM ,เคาร์เตอร์เซอร์วิส หรือแม้แต่การชำระเงินผ่านทางโทรศัพท์มือถือ (mPay) ก็สามารถทำได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อสามารถชำระเงินมายังร้านค้าได้อย่างง่ายและสะดวก

เพื่อให้ผู้ลงทุนในตลาดดอทคอมทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น จึงมีระบบนี้ในการวิจัย หาข้อมูลสินค้าน่าสนใจ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มานำเสนอ ทำให้มีคนสนใจเข้ามายัง TARAD.com หลายสิบล้านคนในแต่ละเดือน และอีกทั้งยังมี ที่ปรึกษาส่วนตัว (E-Commerce Consultant) ที่จะคอยให้คำแนะนำในการทำให้ธุรกิจของผู้ประกอบการสามารถประสบความสำเร็จได้

4. ให้ความรู้ด้านการค้าออนไลน์ 

เน้นที่การอบรมและสัมมนาในการเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ โดยที่ผ่านมีหลายหลักสูตรที่เปิดสอนและมีคนจำนวนมากให้ความสนใจเข้าร่วมอบรมในแต่ละคอร์สซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่ตลาดดอทคอมจัดให้กับลูกค้าแบบครบวงจร

กลยุทธ์ของ TARAD.com เน้นการเข้าถึงและให้ความร่วมมือพัฒนา
e-Commerce เมืองไทย

เป็นเวลาเกือบ 20 ปีที่ TARAD.com เป็นช่องทางในการสร้างรายได้ที่ดีให้กับคนที่อยากมีช่องทางการจำหน่ายสินค้า ภาพรวมของ TARAD.com ก็มีความชัดเจนและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการเข้าถึงทุกองค์กรและมุ่งส่งเสริมให้ความช่วยเหลือทุกภาคส่วนในการผลักดันวงการ e-Commerce เมืองไทยให้เติบโต

ยกตัวอย่างเช่น ร่วมมือกับ สยาม เอาท์เลต ในการหนุนโลจิสติกส์ผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลก , การร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยในการเปิดบริการ K SME Premium Mall , การร่วมมือกับ AIS เพื่อแจกฟรี SMS Alert , การร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในการเปิดบริการ ระบบคำนวณค่าขนส่งอัตโนมัติ เป็นต้น

ภาพรวมของตลาด e-Commerce ในมุมมองของคุณป้อม ยังเห็นทิศทางการเติบโตในวงการนี้ได้อีกมาก หากวัดจากจำนวนประชากรกว่า 70 ล้านคนที่ระบบของอินเทอร์เน็ตยังเข้าถึงได้ไม่เต็มที่ หากเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชากรได้มากขึ้น นั้นหมายถึงมูลค่าการซื้อขาย e-Commerce จะเติบโตได้อีกมากซึ่งก็เป็นหน้าที่สำคัญของธุรกิจตลาดออนไลน์ที่จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อมั่นและอยากเข้ามาใช้บริการมากขึ้น

 

ด้วยความโดดเด่นและความสามารถด้าน Internet E-Commerce & E-Marketing และ E-Business มากกว่า 15 ปี จนได้รับฉายาว่า “ไอคอนวงการอินเทอร์เน็ตไทย”

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)