5 วิธีทำงานให้กลายเป็นมืออาชีพ
 

สิ่งที่สำคัญกว่าการมีงานทำคือทำงานอย่างไรให้เป็นมืออาชีพ ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ทำงานให้จบวันๆไป รอให้ถึงสิ้นเดือนเพื่อรับเงิน จะดีกว่าหากเราเปลี่ยนความคิดและลองมาพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นมืออาชีพในตำแหน่งที่เราทำมากขึ้น

ไม่ว่าเราจะทำงานอะไร เป็นคนขับรถ เป็นพนักงานทำความสะอาด เป็นวิศวกร เราก็สามารถเป็นมืออาชีพในแต่ละสาขาตำแหน่งของเราได้ลองมาดูวิธีการสร้างมืออาชีพที่ www.ThaiFranchiseCenter.com นำมาฝากทุกคนให้ลองอ่านเพื่อปรับเปลี่ยนตัวเองให้มีคุณภาพมากขึ้น

 

1.มืออาชีพต้องไม่เกี่ยงงาน 
 

เห็นได้ชัดเจนว่าตรรกะการทำงานคนยุคนี้จะทำแค่ที่เป็นหน้าที่ของตน คิดว่าบริษัทจ้างเรามาแค่ตำแหน่งนี้ อะไรที่ไม่เกี่ยวไม่ใช่เรื่องตัวเองจะไม่มีทางทำให้เกินเงินเดือนที่จ้างเด็ดขาด ยิ่งบางทีบริษัทต้องการให้เราไปทำงานข้างนอก บางทีต้องตื่นเช้า บางทีต้องทำงานล่วงเวลา ความไม่เป็นมืออาชีพจะปฏิเสธทุกอย่างที่พูดมานี้ทั้งหมด  

 

ในมุมกลับกันบางครั้งการทำงานที่มากขึ้นนอกเหนือจากหน้าที่ที่ได้รับนั้นหมายความว่าเจ้านายเองเขาก็ไว้ใจที่ต้องการใช้เราและเห็นเรามีความสามารถ อีกทั้งการได้ลองทำงานในส่วนอื่นที่ไม่ใช่หน้าที่ก็จะช่วยเพิ่มโลกทรรศน์ในการทำงาน เพิ่มประสบการณ์ที่ดี ซึ่งมีความสำคัญไปถึงอนาคตตัวเองด้วย

 

2.จัดสรรเวลาอย่างมีคุณภาพ
 

เวลาเป็นสิ่งมีค่าในการทำงานส่วนใหญ่เรามีเวลาทำงานประมาณ 8 ชั่วโมงเท่าๆกัน แต่บางคนเป็นมืออาชีพสามารถทำงานเสร็จอย่างมีคุณภาพได้หลายอย่าง ในขณะบางคนทำงานเสร็จเพียงไม่กี่อย่างและก็ไม่มีกำหนดว่างานที่เหลือจะเสร็จเมื่อไหร่ นั้นคือความไม่เป็นมืออาชีพ

ถ้าเรารู้จักจัดสรรและวางแผนการทำงานอย่างเหมาะสม เราจะทำงานทุกอย่างเสร็จตามเวลาที่กำหนด แม้บางครั้งงานจะเยอะจะล้นมือ ดูเหมือนจะทำไม่ทัน แต่เชื่อเถอะว่าการจัดสรรเวลาที่ดีช่วยเราเรื่องนี้ได้อย่างมาก

3.ซื่อสัตย์ ขยัน และรอบคอบ

ทุกองค์กรจะมีแผนกแบ่งแยกหน้าที่ในการรับผิดชอบ พนักงานทุกคนก็มีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป บางคนได้งานที่ง่ายบางคนได้งานที่ยาก สิ่งสำคัญคือไม่ว่าเราจะได้หน้าที่ใดก็ตาม ให้ทำมันอย่างเต็มที่ และซื่อตรงกับงานให้มากที่สุด

พยายามทำงานให้ผิดพลาดน้อยที่สุดหรือถ้าไม่มีเลยจะดีมาก เช่นบางคนทำงานด้านบัญชี เราต้องแม่นเรื่องตัวเลข จุดทศนิยม หรือถ้าเราเป็นวิศวกร การออกแบบก็ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ ความปลอดภัย ที่สำคัญอะไรที่เป็นความลับของบริษัท หรือเพื่อนร่วมงานก็ไม่ควรเอาไปเผยแพร่ให้คนนอกรับทราบ

4.รู้จักรับฟังความคิดเห็นของคนรอบข้าง
 

ไม่ว่าเราจะเป็นคนเก่งที่มีทักษะในการทำงานมากแค่ไหน เราก็ควรทำตัวให้เป็นพหูสูตรคือผู้ฟังที่ดี คือฟังให้น้อยกว่าพูด ซึ่งการรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้างไม่ใช่เรื่องเสียหาย ตรงกันข้ามจะเป็นผลดีต่อการทำงานที่บางครั้งเราสามารถเอาแนวคิดที่เราอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อน ปรับใช้กับการทำงานของเราได้ 

รวมถึงบางครั้งการทำงานที่ผิดพลาดเราก็ต้องยอมรับในคำตักเตือนของผู้อื่น อย่าพยายามทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วที่ไม่สนใจฟังเสียงใคร ซึ่งการเป็นผู้ฟังที่ดีหากเรามีเรื่องนี้อย่างสมเหตุสมผลจะทำให้เรากลายเป็นคนที่มีประสิทธิภาพ และทำให้เราดูโดดเด่นในสายตาคนอื่นได้แบบไม่รู้ตัว

 

การเรียนรู้ไม่จำกัดที่อายุ หรือว่าตำแหน่ง ตรงกันข้ามคนเราสามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆ ได้ตลอดเวลา ยิ่งในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันมีสูงทั้งภายในองค์กร และจากคู่แข่งภายนอก  การที่เราเป็นพนักงานกินเงินเดือน ตื่นเช้าทำงาน เย็นกลับบ้านหากเราไม่คิดขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมชีวิตเราก็จะย่ำอยู่กับที่ไม่มีคุณภาพที่ดีขึ้นมาได้ 

แน่นอนว่าการทำงานเราอาจเหนื่อยจนรู้สึกไม่อยากทำอะไร แต่ถ้าเราลองพยายามและลำบากในช่วงเริ่มต้น เช่นการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม  การเรียนรู้ระบบคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม  ฯลฯ ทุกสิ่งที่เราเรียนจะช่วยพัฒนาตัวเราในภายภาคหน้าที่อาจมีผลต่อหน้าที่การงานที่สูงและได้เงินเดือนที่ดีขึ้นด้วย

 

ซึ่งหลักการและทฤษฏีเหล่านี้ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่บางคนก็รู้กันดีอยู่แล้วเพียงแต่ว่าใครจะทำสิ่งเหล่านี้ได้ดีกว่ากัน ในยุคที่การแข่งขันมีสูงหากเราไม่มีการพัฒนาตัวเองให้ดี ไม่ทำตัวเองให้เป็นมืออาชีพในการทำงาน

คลื่นรุ่นหลังก็เตรียมที่จะมาทดแทนเราได้ในอนาคต เราควรคิดว่าจะทำอย่างไรที่ยิ่งแก่ ยิ่งเก๋า ยิ่งแก่บริษัทยิ่งอยากรักษา หากเราทำตัวได้ดีมีคุณภาพถึงระดับนั้นก็เรียกว่าเราเป็นมืออาชีพได้อย่างเต็มตัวแล้ว

 

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่  goo.gl/Io5k2S