หลายคนคิดอยากมีธุรกิจแต่ติดที่คำว่า “ไม่มีเงิน” หรือบางทีเงินก็พอมีแต่มาติดอีกทีที่คำว่า “คู่แข่งเยอะ” จนแล้วจนรอด ธุรกิจที่อยากทำก็ไม่เกิด เพราะมัวแต่ “กลัว” และไม่กล้า “เสี่ยง”

www.ThaiFranchiseCenter.com อยากเห็นความฝันในทุกการลงทุนของทุกคนนั้นเกิดขึ้นจริง ถ้าเราเชื่อมั่นว่า “ทำได้” มันก็จะ “ทำได้” เป็นพลังบวกที่เราควรมีอันอับแรก

 

ถ้ายังมองไม่เห็นภาพว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงได้อย่างไร จดหมายข่าวฉบับนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ “วอท อะเชค คาเฟ่” ธุรกิจเครื่องดื่มชานมไข่มุกที่เติบโตมาจากเงินทุนเริ่มต้นแค่ 30,000 บาท ยึดเอาหน้าบ้านตัวเองเป็นทำเลในการเปิดร้านครั้งแรก จนวันนี้ “วอท อะเชค คาเฟ่” เติบโตในระบบแฟรนไชส์มีสาขากว่า 23 แห่ง รายได้ของแต่ละสาขาเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า200,000 – 400,000 บาท/เดือน

มีกำไรสุทธิของสาขาแฟรนไชส์ต่อเดือนประมาณ 50,000 – 100,000 บาท ไม่ใช่แค่นี้ คุณวทัญญู  พิชญานุกูล (คุณโอม) เจ้าของแบรนด์ “วอท อะเชค คาเฟ่” ยังต่อยอดการลงทุนสร้างอีกหนึ่งธุรกิจขึ้นมาคือ World Wide Coffee ที่จำหน่ายอุปกรณ์การเปิดร้านกาแฟ และอยู่เบื้องหลังร้านความสำเร็จของร้านกาแฟกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ นี่คือความสุดยอดที่น่าสนใจ และน่าสนใจยิ่งกว่าเมื่อจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนี้ “เริ่มจากคนไม่รู้ และไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน” 

 

ไม่มีคำว่าธุรกิจปราบเซียน “ถ้าตั้งใจทำซ้ำๆ และลงมือทำจริงๆ”
 

ถ้ามองว่าธุรกิจเครื่องดื่มอย่างชานมไข่มุกคือ “ธุรกิจปราบเซียน” แต่คุณโอม กลับมองว่าทุกธุรกิจมีโอกาสเพียงแต่ว่าเราจะตั้งใจทำแค่ไหน จุดเริ่มต้นของ “วอท อะเชค คาเฟ่” ไม่ได้สวยหรู คุณโอมเล่าว่า หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิตในปี 2554  ก็มองเห็นว่าฐานะทางบ้านเริ่มมีปัญหาในฐานะที่เป็นลูกชายก็อยากช่วยเหลือพ่อแม่ ตัดสินใจกลับบ้านมีเงินติดตัวมา 30,000 บาท เป้าหมายคือธุรกิจทำสักอย่าง และเลือก “เครื่องดื่มชานมไข่มุก” ทั้งที่ตอนนั้นไม่มีประสบการณ์ทำธุรกิจมาก่อน ไม่รู้จักวิธีการทำชานมไข่มุก ไม่รู้จักการทำตลาด คือไม่รู้อะไรเลย รู้อย่างเดียวคือ “ต้องทำให้สำเร็จ”

 

เริ่มต้นจากการศึกษาจากศูนย์ใช้เวลากว่า 5-6 เดือน ในการฝึกทำเมนูชานมไข่มุก โดยเฉพาะการต้มไข่มุกให้ได้คุณภาพที่กว่าจะได้อย่างที่ตั้งใจคุณโอมบอกว่าต้มไข่มุกทิ้งไปเป็น 100 หม้อ เมื่อทดลองจนมั่นใจตัดสินใจเริ่มเปิดร้านยึดเอาทำเล

 

หน้าบ้านตัวเอง ใช้เงินทุนเริ่มต้นคือ 30,000 บาท ซื้ออุปกรณ์อย่างเครื่อซีลฝาราคาประมาณ 12,000 และพวกอุปกรณ์ทั่วไปเบ็ดเสร็จอีกประมาณ 10,000 กว่าบาท ได้ร้านชานมไข่มุกของตัวเองที่มีแค่โต๊ะพับหนึ่งตัว ไวนิลธรรมดาๆ เปิดขายช่วงแรกขายได้เฉลี่ยวันละ 8-10 แก้วราคาแก้วละ 25 บาท รายได้ต่อวันประมาณ 200 บาท 

 

ยังไม่ท้อ! 3 เดือนต่อมายอดขายกระเตื้องมาหน่อยเป็นวันละ 60-70 แก้ว แต่ที่ตั้งใจไว้คืออยากขายได้สักวันละ 100 แก้ว ซึ่งกว่าจะถึงเป้าที่ตั้งใจก็ใช้เวลากว่า 6 เดือนที่เริ่มมียอดขาย 100 แก้วมาถึงตรงนั้นมีรายได้เฉลี่ยที่วันละประมาณ 10,000 บาท ก็เริ่มรู้สึกว่ามาถูกทาง ทั้งที่ในช่วงแรกยอมรับว่าท้อ และตั้งคำถามกับตัวเองมากมายว่า “เรามาทำอะไรแบบนี้ แบบนี้ทำแล้วดีจริงเหรอ?” แต่สิ่งที่ทำให้ “วอท อะเชค” ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากที่สุดมาได้คือ “การตั้งใจ ทำจริง ทำซ้ำๆ”

ซึ่งคุณโอมบอกว่า เราเปิดร้านทุกวัน เรารู้ดีว่าตลาดนี้คู่แข่งเยอะ และเราก็เป็นแบรนด์ใหม่คนไม่รู้จัก เราต้องให้ทุกคนรู้จักเรา บริการเราต้องดี สินค้าเราต้องมีคุณภาพ อย่างไข่มุกจะต้องสดใหม่ขาย 4 ชั่วโมงทิ้ง แล้วเอาไข่มุกที่ต้มใหม่มาขายแทน ลูกค้าที่เสียเงินให้เราเท่ากัน ก็ต้องได้รับสินค้าที่ดีเท่ากันทุกคนด้วย  และจากความพยายาม บวกความตั้งใจ ร้าน “วอท อะเชค” ที่เริ่มต้นจากทำเลหน้าบ้านธรรมดาๆ ก็เริ่มกลายเป็นแบรนด์ที่คนรู้จักมากขึ้น

 

วอท อะเชค เริ่มเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ในปี 2556 หลังจากที่ร้านต้นแบบได้พัฒนารูปแบบร้านใหม่ให้ดูน่าสนใจ มีแพคเกจเป็นของตัวเอง มีโลโก้เป็นของตัวเอง ยอดขายจากวันเดือนละ 200-300 แก้ว พอมีสาขาประมาณอาทิตย์เดียวยอดขายก็ถึง 200-300 แก้ว ถึงขนาดที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายวันละ 1,000 แก้ว ก็ยังมีกลายเป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่โด่งดังทั่วภาคใต้ และทำให้คนสนใจมาซื้อแฟรนไชส์ 

แต่สิ่งสำคัญของ วอท อะเชค ไม่ได้ต้องการขาย “เชิงปริมาณ” แต่ต้องการให้ทุกสาขาแฟรนไชส์ “มีกำไร” ดังนั้นก่อนซื้อ

 

แฟรนไชส์ต้องถามตัวเองก่อนว่า “อยากทำเพราะกระแส” หรือ “อยากทำเพราะใจรัก” ที่ วอท อะเชค เปิดโอกาสให้คนสนใจได้เข้ามาทำความรู้จักรูปแบบร้าน กระบวนการจัดการร้าน วิธีการทำเครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงเปิดเผยข้อมูลให้รู้ว่าต้นทุนต่อแก้วมีเท่าไหร่อย่างไร ให้คนสนใจได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ 

 

ซึ่งหลังจากที่ “วอท อะเชค” ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี คุณโอมมองว่าต้องการพัฒนาธุรกิจให้มีเครื่องดื่มมากขึ้นและมีความเป็นพรีเมี่ยมมากขึ้นนำไปสู่ “วอท อะเชค คาเฟ่” ที่มีเครื่องดื่มครบถ้วนทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ ตามที่ลูกค้าต้องการพร้อมขยายตลาดเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าซึ่งปัจจุบันสาขาทั้ง  23 แห่งนั้นกระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วภาคใต้ราวๆ 30% เบ็ดเสร็จรายได้ต่อสาขาประมาณ 100,000 บาท/เดือนมีกำไรสุทธิเฉลี่ย 50,000 บาท

โดยแพคเกจการลงทุนมีค่าแฟรนไชส์ 400,000 บาท ซึ่งเงินทุนเริ่มต้นทีต้องใช้ในการเปิดร้าน วอท อะเชค คาเฟ่ อยู่ที่ประมาณ 600,000-700,000 บาท โอกาสคืนทุนอยู่ที่ 6-12 เดือนขึ้นอยู่กับทำเลและปัจจัยแวดล้อมเป็นสำคัญ

 

หลังจากที่แบรนด์ “วอท อะเชค คาเฟ่” ประสบความสำเร็จอย่างดีปัจจุบันมีอีกหนึ่งธุรกิจที่ทำควบคู่กันคือ บริษัท Worldwide coffee ภายใต้แนวคิดที่ว่า “มากกว่าธุรกิจกาแฟ ที่พร้อมดูแลคุณ” โดยธุรกิจของ World Wide Coffee จะเน้นการจำหน่ายอุปกรณ์อย่างเครื่องชงกาแฟและวัสดุอุปกรณ์สำหรับการเปิดร้านกาแฟแบบครบวงจร รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาให้กับคนสนใจอยากเปิดร้านกาแฟ ได้มีเพื่อนคู่คิดที่ดีในการลงทุน ซึ่งปัจจุบัน World Wide Coffee อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านกาแฟต่างๆ มากกว่า 1,000 แห่ง ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตและต่อยอดจาก “วอท อะเชค คาเฟ่” 

 

ข้อคิดสำคัญที่เราได้เรียนรู้จาก “วอท อะเชค คาเฟ่” คือคนธรรมดาก็สามารถมีธุรกิจของตัวเองได้ อย่าคิดว่าเราไม่เก่ง อย่าคิดว่าเราไม่มีเงินทุน อย่ากลัวถ้าเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งมาก สิ่งสำคัญคือการทำซ้ำๆ ทำต่อไปไม่สำเร็จอย่าหยุด และต้องมีทัศนคติที่ดีต่องานที่ทำ มองโลกในแง่บวก ปรับเปลี่ยนวิธีการไปตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม ธุรกิจเราจึงจะอยู่รอด อย่ากลัวคำว่า “ปราบเซียน” โลกนี้ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราได้ลงมือทำจริงๆ 

 

 

E-Mail : watunyoo1987@gmail.com , bomeworldwidecoffee@gmail.com

Youtube : www.youtube.com/watch?v=N_Lg9hj-dvU 

 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

 

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)