10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! Siri 
 

เชื่อว่าหลายคนเคยคุยเล่นกับ Siri ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะจาก Apple หลายครั้งที่คุณอาจจะใช้สั่งคำสั่งง่าๆ ให้เธอทำตามอยู่บ้าง แต่อันที่จริงแล้ว Siri เป็นแอปพลิเคชั่นที่ฉลาดมาก และมีความสามารถอื่นๆ มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก อยากรู้หรือไม่ว่า Siri มีที่มาที่ไปอย่างไร วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะนำเสนอ 10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! Siri 
 

1.Siri เป็นแอปพลิเคชั่นมาพร้อม iphone 4S
 

ภาพจาก https://bit.ly/2Yx5R2F

หากกล่าวถึง Siri เชื่อว่าเหล่าสาวก Apple ต้องคุ้นเคยกันมาเป็นอย่างดี เพราะแอปฯ นี้อยู่คู่กับเรามาเป็นระยะเวลา 8 ปีแล้ว นับตั้งแต่วันที่ Steve Job เปิดตัว iPhone 4S ออกมาเมื่อปี.ค.ศ. 2011 ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างมิติใหม่แห่งวงการโทรศัพท์มือถือ ที่ผู้ใช้งานจะสามารถใช้คำสั่งเสียงสั่งการ หรือหากสงสัยอะไรก็จะเป็นเหมือนผู้ช่วยของเรา เพื่อตอบคำถามไขข้องสงสัย
 

2.Siri เกิดขึ้นจากงานวิจัยชื่อ CALO Project เมื่อปี 2003 
 

ประวัติและความเป็นมาของ Siri ต้องย้อนกลับไปปีค.ศ. 2003 มีงานวิจัยในชื่อ CALO project (Cognitive Assistant that Learns and Organizes) ซึ่งมีการร่วมมือกับหลายหน่วยงานโดยไม่หวังผลกำไรชื่อว่า SRI International และบริษัท DARPA โดยมีจุดประสงค์ คือ ต้องการสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) ให้เป็นจริงขึ้นมา
 

กระทั่งได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น Siri ออกมาเป็นผลสำเร็จ โดยมาพร้อมความสามารถอัจฉริยะ คือ ใช้ภาษาของเรา (มนุษย์) โต้ตอบกับเราอย่างเป็นธรรมชาติ (Natural Language User Interface) ซึ่งจะทำงานเสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัว (Intelligent Personal Assistant) คอยตอบคำถามให้กับเรานั่นเอง
 

 

ภาพจาก https://bit.ly/2JjjJd1

ชื่อ Siri มีพื้นฐานมาจากภาษานอร์เวย์ ให้ความหมายว่า "หญิงสาวสวยที่จะนำคุณไปสู่ชัยชนะ" (Beautiful Woman Who Leads You To Victory) ซึ่งที่มาของชื่อดังกล่าวมาจากนาย Dag Kittalaus ผู้ร่วมพัฒนาสิริขึ้นมา โดยอธิบายว่า เขานั้นเคยทำงานกับหญิงสาวรายหนึ่งนามว่า Siri และเขาก็ต้องการนำมาตั้งชื่อให้กับลูกสาว 
 

ประกอบกับโดเมนเนมในขณะนั้นก็ว่าง อีกทั้งยังเป็นชื่อที่จดจำได้ง่าย แต่สุดท้ายก็เป็นเรื่องผิดหวังไป เพราะเขานั้นดันได้ลูกชายแทน 4 ปีต่อมาได้จัดตั้งขึ้นเป็นบริษัท Siri ซึ่งตั้งชื่อตามผลิตภัณฑ์หลักของตนเองในขณะนั้น และด้วยความสามารถของมัน ที่สามารถทำงานร่วมกับฟีเจอร์ และฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้อย่างลงตัว ทำให้กลายเป็นบริษัทเนื้อหอมในระยะเวลาอันรวดเร็ว
 

4.Siri ถูก Jobs ซื้อในราคา 200 ล้านเหรียญสหรัฐ 
 

ภาพจาก https://bit.ly/2JjjJd1

หลังจากที่ Siri เนื้อหอม Jobs จึงตัดสินใจเข้าซื้อบริษัท Siri ทันที โดยการเข้าซื้อกิจการเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ปีค.ศ. 2010 ซึ่งเข้าซื้อเป็นเงินมากถึง $200 million และเขาก็ตั้งใจว่าจะนำระบบ Siri มาพัฒนาให้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของ iPhone ต่อไป
 

5.Siri เคยมีแผนจะถูกนำไปใช้ในระบบปฏิบัติการ Blackberry และแอนดรอยด์
 

ภาพจาก https://bit.ly/2LCQlAn

หลังจากที่ Dag Kittalaus พัฒนาแอปพลิเคชั่นสำเร็จ ก็ได้นำแอปพลิเคชั่น Siri ลงใน Apple Store ในเวลาต่อมา และยังมีแผนจะพัฒนาให้รองรับการใช้งานในระบบปฏิบัติการ Blackberry และแอนดรอยด์ แต่ 3 อาทิตย์ต่อมาเขา (Kittalaus) ก็ได้รับโทรศัพท์จากบริษัท Apple ว่า "Scott Forstall" ต้องการจะคุยด้วย และเขาก็ตอบตกลง
 

วันต่อมาเขาก็ขับรถไปบ้านของ "Scott Forstall" แต่กลายเป็นบ้านของ Jobs แทน และทั้งคู่ก็ใช้เวลานั่งคุยกัน 3 ชั่วโมงหน้าเตาผิง เกี่ยวกับอนาคตของบริษัทเราทั้งคู่ จ็อบส์ได้อธิบายว่า Apple และ Siri จะกลายเป็นคู่หูกันได้อย่างไร พร้อมทั้งสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ขนาดไหน และ Kittalaus เห็นว่าจ็อบส์เอาจริงกับเรื่องนี้มาก จึงตัดสินใจขายกิจการให้กับจ็อบส์ในที่สุด
 

6.Siri เคยจะถูกเปลี่ยนชื่อใหม่หลังจาก Jobs ซื้อมา 
 

Kittalaus ยังเล่าว่าเมื่อ Apple เข้าซื้อกิจการในปีค.ศ. 2010 ทาง Jobs ก็ยังไม่ถูกใจชื่อ Siri เขาจึงพยายามคิด และค้นหาชื่อที่ดีกว่านี้ แต่ก็ไม่สามารถหาชื่อได้เลย และตั้งแต่นั้นมา Siri ก็ถูกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับ iPhone และ iPad ทุกรุ่นเรื่อยมา
 

7.Siri เกิดวันเดียวกันกับการเปิดตัว iphone 4S
 

ภาพจาก https://bit.ly/2JjjJd1

สำหรับวันเกิดของ Siri ก็คือ “วันที่ 4 ตุลาคม ปีค.ศ. 2011” ซึ่งตรงกับวันที่ Apple เปิดตัว iPhone 4S ออกมา และถึงตอนนี้ก็มีอายุ 7 ปี 7 เดือนแล้ว 

8.ผู้อยู่เบื้องหลังเสียง Siri คือ Susan Bennett
 

ภาพจาก https://bit.ly/2JjjJd1

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเสียงของ Siri แบบต้นฉบับคือใคร สำนักข่าว CNN เชิญ "Susan Bennett" มาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ Siri โดยเธอบอกว่า ก่อนจะมาให้สัมภาษณ์ก็มีหลายคนบอกกับเธอว่า ทำไมเสียงของเธอช่างเหมือนกับ Siri เหลือเกิน และยิงคำถามต่างๆ ใส่ฉันเสมอเวลาที่ได้ยินฉันพูด แต่เธอระบุว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่มั่นใจว่าเสียงของ Siri นั้นคือเธอเอง
 

เพราะทาง Apple ไม่ได้ยืนยันมาว่า เธอคือเจ้าของเสียง ทว่าทาง CNN ก็เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์เสียงประสบการณ์ทำงานมากกว่า 30 ปี มาเทียบเคียง และผลสุดท้ายเธอคือเจ้าของเสียงแท้จริง 100%
 

ต่อมาเธอก็เล่าว่าจุดเริ่มต้นของ "Siri" เกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2005 บริษัท ScanSoft ต้องการหาเสียงพูดสำหรับโปรเจคชิ้นใหม่ จึงสอบถามไปยังบริษัท GM voices โดยถือเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญการตอบสนองอัตโนมัติด้วยเสียง ทาง GM voices จึงแนะนำ Bennett เพราะเธอมีผลงานที่โดดเด่น เลยเสนอชื่อให้กับ ScanSoft และการเซ็นสัญญาก็เกิดขึ้นในปีนั้นเอง
 

9.Siri สมควรที่จะถูกนำไปใช้ตั้งแต่ iphone 4 
 

สาวกมีความสงสัยว่าทาง Apple ทำไมไม่เอา Siri ลงใน iPhone 4 แต่กลับมาเปิดตัวใช้งานเป็นทางการในรุ่น 4S โดยได้มีการคลายความสงสัยจากเว็บไซต์ CNET ว่า ชิปเซ็ตของ 4S นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่น iPhone 4 เพราะชิปเซ็ต 4S มีระบบตัดเสียงรบกวนดีกว่า และ Jobs ต้องการแน่ใจว่ามันจะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ของเขาตามมาภายหลัง
 

ภาพจาก https://bit.ly/30esoCZ

การเปิดตัว iPhone 4S ครั้งนั้น ได้สร้างความผิดหวังให้กับใครหลายคนที่ตั้งตารอ โดยหวังว่าจะมีอะไรใหม่ๆ มากกว่าเดิม แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอ, ดีไซน์, หรือหน่วยประมวลผลไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่กลับกลายเป็นเซอร์ไพรส์ของรุ่นดังกล่าว ก็คือ "Siri" แอปพลิเคชั่น ที่จะเปลี่ยนโลกของการใช้โทรศัพท์มือถือไปเลย
 

ทั้งหมดเป็น 10 เรื่องจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน เกี่ยวกับ Siri แอปพลิเคชั่นอัจฉริยะที่เป็นของคู่ใจของ Apple และ iphone ตั้งแต่รุ่น 4S เป็นต้นมา ซึ่งถือเป็นแอปพลิเคชั่นที่ฉลาดมาก และมีความสามารถอื่นๆ มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก
 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document

เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php

SMEs Tips

อ้างอิงข้อมูล 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)