บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.7K
2 นาที
25 กันยายน 2562
เที่ยวช่วยชาติหรือเที่ยวทำลายชาติ
 
ตามที่ทางราชการมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้เงิน 1,000 บาทไปเที่ยว แถมได้โบนัสพิเศษอีกไม่เกิน 4,500 บาทนั้น เป็นมาตรการ “เที่ยวเพื่อชาติ” หรือ “เที่ยวทำลายชาติ” กันแน่
 
ภาพจาก แอปพลิเคชัน ถุงเงิน
 
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ได้สรุปมาตรการ “เที่ยวเพื่อชาติ” คือ “. . .รับเงิน 1,000 บาท (G-Wallet 1) แล้ว ผู้ที่ลงทะเบียนยังสามารถรับเงินคืน (Cash Back) ได้อีกด้วย. . .รัฐบาลจะชดเชยเงินคืนให้เป็นจำนวนเท่ากับ 15 เปอร์เซ็นต์ ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาทต่อคน เช่น หากใช้จ่ายเพิ่ม 1,000 บาท จะได้รับเงินคืน 150 บาท หากใช้จ่ายเพิ่ม 1,500 บาท จะได้รับเงินคืน 225 บาท และหากใช้จ่ายเพิ่ม 30,000 บาท จะได้รับเงินคืน 4,500 บาท เป็นต้น ซึ่งเป็นจำนวนเงินคืนที่สูงที่สุดที่จะได้รับ” (https://bit.ly/2kE0K29)
 
คุณชัยยศ ยงค์เจริญชัย ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย ได้เขียนรายงาน “ชิมช้อปใช้ : แจกเงินให้เที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้ตามประสงค์รัฐบาลประยุทธ์ 2/1 หรือไม่” (https://bbc.in/2mH5aGj)  คุณชัยยศได้สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องได้ความดังนี้:
 
1. นายสถิรพงศ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต และนักธุรกิจด้านการท่องเที่ยว กล่าวว่า "การท่องเที่ยวในเมืองรองน่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้มากกว่าเมืองหลัก เพราะ 1,000 บาท แทบจะทำอะไรไม่ได้เลยกับการท่องเที่ยวตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ๆ ในแต่ละภูมิภาค"
 
2. นายภพพล เกษมสันต์ ณ อยุธยา นายกกิตติมศักดิ์จากสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น ตั้งคำถามว่า เงินเที่ยว 1,000 บาท "จะกระจายถึงกลุ่มรากหญ้าได้จริงหรือ ท้ายที่สุดแล้ว เงินที่จะเกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวก็จะลงไปที่โรงแรม ร้านอาหาร หรือร้านขายของฝากใหญ่ ๆ ไปเสียหมด แล้วสรุปว่าคนที่จะได้ประโยชน์จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ก็ไม่ใช่กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจริง ๆ เสียทั้งหมด"
 
3. นายกิตติ ทิศสกุล ประธานที่ปรึกษาสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือเห็นด้วยว่าการให้เงินคนไปเที่ยวอาจไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เพราะคนที่ต้องการรายได้จากการท่องเที่ยว เพื่อนำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจริง ๆ คือคนในกลุ่มรากหญ้า "แจกเงินแบบนี้ก็ไม่ต่างกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ"

 
ภาพจาก bit.ly/2kE0K29
 
ดร.โสภณ ได้สรุปว่ามาตรการเช่นนี้แสดงถึง
  1. การจนตรอกทางปัญญาในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจึงเที่ยวแจกเงิน
  2. ผู้ได้ประโยชน์ไม่ใช่ผู้มีรายได้น้อย
  3. ผู้ที่ได้ประโยชน์เป็นผู้ที่ประกอบธุรกิจเป็นหลัก
  4. ไม่สามารถซื้อสินค้ากับร้านค้าที่ไม่มีเครื่องรูดได้ ที่มีอยู่ 1.5 แสนร้านเทียบไม่ได้กับจำนวนวิสาหกิจนับล้านๆ และการค้าขายของคนรากหญ้าเลย
  5. ทำให้โอกาสการใช้เงินเพื่อการพัฒนาประเทศลดลง เพราะนำเงินไป “แจก” แบบนี้
การสักแต่กระตุ้นตัวเลขเศรษฐกิจโดยไม่ได้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ เพียงเพื่อให้ได้ตัวเลขที่ดูดีขึ้น เป็นการแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด แสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพในการบริหารราชการด้านเศรษฐกิจ ส่งผลต่อการทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศมากกว่าจะเป็นการสร้างสรรค์
 
ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
632
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
548
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
495
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
464
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
446
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
441
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด