เนื่องจาก ปัจจุบันมีแนวโน้มว่าจะมีผู้สูงอายุที่จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่สะดวกต่อการออกไปเที่ยวข้างนอกกับลูกหลานเหมือนดังเช่นแต่ก่อน หรือมีผู้พิการหรือผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถออกไปไหนต่อไหนเองได้ตามใจชอบ ดังนั้นแล้วทางบริษัทสายการบินของญี่ปุ่นอย่าง ANA จึงได้เลือกที่จะผลิตนวัตกรรมใหม่นี้ขึ้นมา เพื่อให้คุณได้รู้สึกว่าตนเองนั้นสามารถไปเที่ยวที่อื่นได้ โดยไม่ต้องอกจากบ้าน

ภาพจาก bit.ly/2oPCLPS

 

โดย All Nippon Airways (ANA) บริษัทสายการบินของทางประเทศญี่ปุ่น ก็เปิดตัวหุ่นยนต์ปรากฏตัวทางไกลแบบเคลื่อนที่ได้ (telepresence robot) ที่มีชื่อว่า “Newme” ที่ช่วยให้เหล่าผู้คนได้มีส่วนร่วมกับสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง ซึ่งเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ถูกพัฒนาโดย OhmniLabs จาก Combined Exhibition of Advanced Technologies แห่ง Tokyo โดยเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถถ่ายทอดภาพวีดีโอความคมชัดสูงที่ทำให้ผู้ใช้งานเห็นและมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัวของหุ่นยนต์ได้

โดยเจ้าสิ่งนี้สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วสูงสุด 1.8 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 2.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้งานได้ 3 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี บนตัวหุ่นยนต์มีหน้าจอทัชสกรีนขนาด 10.1 นิ้ว ที่จะแสดงให้เห็นถึงภาพใบหน้าของบุคคลผู้ใช้งาน รวมถึงยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทคอย่าง กล้อง ไมโครโฟน และลำโพง เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ใช้ได้ควบคุมได้จากที่ระยะไกล สามารถสื่อสารและโต้ตอบกับผู้คนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมของหุ่นยนต์ที่คุณส่งไปได้ 
 

ภาพจาก  www.facebook.com/ana.avatar.vision/

 

โดยจะมีการจัดการโฆษณาให้ผู้นำเสนอในวีดีโอได้เลือกแผนที่ตำแหน่งที่ที่เธออยากจะไป ซึ่งที่แรกที่เธอเลือกนั้นคือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนั้นเอง โดยเมื่อกดคลิกเข้าไปแล้ว คุณก็จะเห็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่คุณต้องการ เธอสามารถกดปุ่มเพื่อบังคับหรือหันหน้าของหุ่นยนต์โดยจะหันไปรอบๆแบบตามอำเภอใจ จากนั้นสถานที่ต่อไปเธอก็ได้เลือกสถานที่ที่ทำชุดกิโมโนและของทำมือต่างๆมากมายที่เธอชื่นชอบและอยากจะไป

ซึ่งเธอก็ได้สื่อสารกับคนที่อยู่กับข้างนอกได้เป็นอย่างดี ราวกับว่าเธอกำลังอยู่ที่นั้นด้วยตัวเอง จากนั้นเธอก็ได้ไปพบกับช่างฝีมือ ซึ่งเขาก็ได้สาธิต และอธิบายถึงวิธีการในการผลิตแบบดั้งเดิมของเขาให้กับเธอฟัง แต่จู่ๆเธอก็นึกสงสัยว่า “วันนี้คุณย่าจะทำอะไรอยู่กันนะ?” 
 

ภาพจาก  www.facebook.com/ana.avatar.vision/

 

จากนั้นสถานที่ต่อไปของเธอจึงเลือกไปหาคุณย่าของเธอที่ไม่ได้เจอกันนาน จากนั้นเธอก็กดแผนที่ที่เธอจะไปแล้วก็ไปโผล่ที่บ้านของคุณย่า เมื่อเธอเห็นคนที่เธออยากพบเจอเธอก็กล่าวทักทายคุณย่าของเธออย่างอารมณ์ดี ย่าของเธอยิ้มกว้างให้เมื่อเห็นหน้าเธอ จากนั้นเขาก็พาเธอเข้าไป เพื่อรับประทานอาหารด้วยกัน เมื่อกินไปสักพักคุณย่าของเธอก็ได้กล่าวว่า “มันช่างดีจริงๆที่สามารถพูดคุยกับคนอื่นในขณะที่กินข้าวได้” คุณย่าหันไปยิ้มกับเธอที่อยู่บนหน้าจอ แม้หลานสาวตัวจริงจะไม่อยู่เคียงข้าง แต่แค่นี้ก็ทำให้เธอได้คลายความเหงาลงไปบ้าง จบท้ายในวีดีโอเธอก็ได้แนะนำให้ผู้คนรู้จักผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้ว่า “เจ้าสิ่งนี้จะเป็นนวัตกรรมที่จะสามารถเปิดโลกใบใหม่ให้กับคุณได้”
 

เมื่อดูจบทุกๆคนก็อาจจะมีคำถามที่อยู่ภายในใจว่า “สิ่งนี้จะเป็นไปได้จริงๆน่ะเหรอ แล้วถ้าเป็นไปได้แล้วล่ะก็ แน่ใจนะว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่ทำให้หุ่นยนต์เหล่านี้พังน่ะ พวกเขาเชื่อจริงๆน่ะเหรอว่าสิ่งที่อยู่ภายในจอภาพที่แสดงออกมานั่นคือมนุษย์จริงๆ ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่กำลังควบคุมตัวมันเอง” นอกจากนี้ยังมีคำถามที่ว่า “Newme เป็นตัวเลือกที่ดีแล้วจริงๆน่ะเหรอ”

ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่อยู่ในวีดีโอนั้น อย่างช่างฝีมือคนนั้นเขายอมให้หุ่นยนต์เข้าไปดูกรมวิธีการผลิตของเขาได้จริงๆน่ะเหรอ หรือแม้กระทั่งการที่จู่ๆก็มีหุ่นยนต์มาปรากฎตัวในบ้านของคุณย่าของเธอโดยไม่บอกกล่าวนั้น

แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณย่าของเธอที่ไม่ได้เจอหลานสาวมานานแล้ว แต่ในทางกลับกันหากดูในหลักความเป็นจริงแล้ว เป็นไปได้สูงเลยล่ะว่า เมื่อคุณย่าเห็นได้ในสภาพอย่างนี้ท่านอาจจะช็อคมากจนส่งผลต่อระบบหัวใจเต้นเร็วจนผิดปกติจนอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ อย่างไรก็ตามทางบริษัทก็ได้เล็งเห็นถึงปัญหาเหล่านี้และน้อมรับคำติชม เพื่อที่จะนำไปพัฒนาระบบนั้นต่อไปให้ดียิ่งขึ้นไปในอนาคตภายภาคหน้า 
 

ภาพจาก  www.facebook.com/ana.avatar.vision/

 

อีกทั้งเขาก็ยังได้เปิดตัวเจ้าสิ่งนี้ที่งาน นิทรรศการเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ CEATEC โดยที่บูธของ ANA ที่ศูนย์การประชุม Makuhari Messe ก็ได้ดึงดูดความสนใจจากฝูงชนสำหรับเทคโนโลยีอวาตาร์ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถควบคุมหุ่นยนต์จากระยะไกลในที่ห่างไกลได้โดยหุ่นยนต์ถ่ายทอดสิ่งที่เห็นและสัมผัสในแบบเรียลไทม์อย่างที่กล่าวมาเมื่อข้างต้น แต่จะอยู่ในรูปแบบของการสาธิตในระบบทางสายการบิน
 

 โดย Shinya Katanozaka ซีอีโอของ ANA Holdings ก็ได้พูดในงานกล่าวสุนทรพจน์ปราศรัยเอาไว้ว่า “คุณจะสามารถเดินทางไปทั่วโลกได้ทันที เมื่อผ่านหุ่นยนต์อวตารที่วางอยู่ในสถานที่ห่างไกล อีกทั้งเรายังได้เปิดโอกาสให้สำหรับคนที่ไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้ด้วยเหตุผลบางประการ เช่น ความเจ็บป่วย ความพิการทางร่างกาย รวมถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง เพื่อเอาชนะความท้าทายในการเดินทาง” เขาได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "สำหรับเราการทำให้ผู้คนเหล่านี้เชื่อมต่อกับผู้อื่นทั่วโลกนั้นมีความหมายเหมือนกับที่พวกเขาใช้เที่ยวบินของเราเอง" โดย ANA ก็วางแผนที่จะเปิดตัวหุ่นยนต์อวาตาร์อีก 1,000 ตัว ให้ใช้งานได้ภายในฤดูร้อนปี 2563 หรือช่วงกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน เพื่อรองรับผู้เข้าชมการแข่งขันกีฬาหรือไปช้อปปิ้งที่อีกฟากของโลกได้
 

ภาพจาก  www.facebook.com/ana.avatar.vision/

 

ถึงจะมีทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปบ้างก็ตามแต่ Newme ก็ยังเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้ก็ยังสามารถทำประโยชน์ให้แก่บุคคลทั่วไปได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยหรือผู้พิการที่ติดเตียงที่ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ หรือผู้สูงอายุที่อยากจะพบหน้าลูกหลานแต่ไม่สามารถออกไปพบได้ เป็นต้น และถ้าหากเจ้าสิ่งนี้ได้ถูกผลิตและนำออกมาวางจำหน่ายสู่โลกภายนอกเมื่อใดแล้วล่ะก็ แน่นอนเลยล่ะว่าจะต้องเป็นหนึ่งในนวัตกรรมของญี่ปุ่นที่ต้องถูกจับตามองอีกตัวหนึ่งอย่างแน่นอน

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 

 

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document

เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php

 

ที่มา :