บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.1K
3 นาที
30 ตุลาคม 2562
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! ฮาโลวีน


เสน่ห์ของคนไทยคือ “สนุกได้ทุกเทศกาล” ไม่ว่าจะของไทย หรือต่างชาติ เราก็สนุกได้หมด ในเดือนตุลาคมนี้ถึงคิวของ “เทศกาลฮาโลวีน” ที่แม้จะมีเพียงแค่วันเดียว (31 ตุลาคม) แต่ทุกปีก็มีความคึกคักของร้านค้า ผับบาร์ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า กับการจัดธีมฮาโลวีนในรูปแบบต่างๆ ในขณะที่เราสนุกไปกับเทศกาลแบบผีๆ แต่ www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่ามีอีกหลายเรื่องที่คุณเองก็ยังไม่รู้เกี่ยวกับเทศกาลฮาโลวีนนี้
 
1.ทำไมต้อง 31 ตุลา?

ภาพจาก  https://bit.ly/36frhpu

เชื่อกันว่าวันฮาโลวีนมีที่มาจากวันฉลองปีใหม่ของชาวเคลท์ หรือเซลท์ (Celt) ชนเผ่าพื้นเมืองในไอร์แลนด์ ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน โดยชาวเซลท์ถือกันว่าวันที่ 31 ตุลาคมเป็นวันสิ้นสุดฤดูร้อน และยังเชื่อกันอีกว่าเป็นวันที่ประตูมิติของคนและวิญญาณจะเปิดเชื่อมถึงกันเมื่อโลกของคนกับผีเชื่อมกันได้ เหล่าวิญญาณจึงพยายามเข้าสิงร่างคน จึงเกิดเป็นความเชื่อและการปฏิบัติในยุคก่อนคริสตกาลว่าจะต้องทำการเผาคนที่คิดว่าอาจจะถูกผีสิง แต่ในปัจจุบันความเชื่อเรื่องผีสางค่อยๆ เสื่อมถอยไป และได้เปลี่ยนจากการเผาคนมาเป็นเผาหุ่นแทน
 
2.แต่งตัวเป็นผีเพื่อหลอกผี
 
เนื่องจากชาวเซลท์เชื่อกันว่าวันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันที่โลกของคนเป็นและคนตายจะเชื่อมถึงกันได้ และเหล่าวิญญาณจะพากันมาหาสิงสู่ร่างคนเพื่อกลับไปมีชีวิตอีกครั้ง และเพื่อเป็นการขู่ให้พวกผีกลัวและหนีไปไม่มาสิงร่าง เหล่าคนเป็นจึงต้องแต่งตัวเป็นผีที่น่ากลัวที่สุด ปิดไฟทุกดวงในบ้านและส่งเสียงหวีดร้องโวยวายเพื่อให้ผีตัวจริงตกใจไม่มาเข้าใกล้
 
การแต่งตัวหรือปลอมตัวให้ดูเหมือนผีมากที่สุดนี้จึงเป็นที่มาของการแต่งตัวเป็นผีในวันฮาโลวีนในปัจจุบัน แต่เนื่องจากความเชื่อเรื่องผีได้ค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา การแต่งเป็นผีจึงเป็นเพียงเพื่อความสนุกสนาน ไม่ใช่เพื่อกันไม่ให้ผีมาสิงร่างเหมือนสมัยก่อน   
 
3. “Trick or Treat”
 
ภาพจาก bit.ly/34eNana

Trick or Treat หรือ หลอกหรือเลี้ยง เริ่มต้นขึ้นโดยชาวยุโรปราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยจะเป็นการไปขอขนมตามหมู่บ้าน เชื่อกันว่าหากให้ขนมมากเท่าไหร่เมื่อตายไปก็จะได้รับผลบุญมากเท่านั้น ปัจจุบันได้กลายมาเป็นการละเล่นที่เด็กๆ จะแต่งตัวเป็นผีแล้วไปเคาะประตูตามบ้าน เน้นเลือกบ้านที่มีโคมไฟฟักทอง ตุ๊กตาหุ่นฟาง

ซึ่งแต่ละบ้านก็จะเตรียมขนมหวานไว้รออยู่แล้วเมื่อเด็กๆ ไปเคาะประตูก็จะถามคนในบ้านว่า “Trick or Treat?” หากตอบ Treat จะเป็นการยอมแพ้ให้กับเด็กๆ ที่แต่งเป็นผีว่าน่ากลัว จากนั้นก็จะให้ขนมหวานกับเด็กๆ ไป แต่หากตอบ “Trick” ก็จะเป็นการท้าทายให้เด็กๆ แกล้งหลอกเป็นผี และสุดท้ายผู้ใหญ่ก็จะให้ขนมกับเด็กๆ ด้วยเช่นกัน
 
4. ขนม Soul Cake และ Corn Candy

ภาพจาก bit.ly/2JAiKUn

ในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านนิยมทำขนม Soul Cake (ขนมสำหรับวิญญาณ) เอาไว้ให้กับพวกที่เดินร้องขอขนมกลางหมู่บ้านในช่วงเทศกาลฮาโลวีน เนื่องจากความเชื่อที่ว่ายิ่งให้มากเท่าไหร่ วิญญาณบรรพบุรุษของพวกเขาก็จะยิ่งได้รับอานิสงค์มากขึ้นเท่านั้น ด้วยเทศกาลฮาโลวีนเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับฤดูการสิ้นสุดของการเก็บเกี่ยวพอดี ชาวบ้านแต่ละหลังก็จะนิยมเตรียมขนมหวานที่ทำเป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีสันเหลืองอมส้มที่เรียกว่า Corn Candy ไว้มอบให้พวกเด็กๆที่จะมา Trick or Treat อีกด้วย และเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน แต่ละบ้านนั้นอาจไม่สะดวกที่จะทำ Corn Candy งมักจะใช้ลูกอม และพวกช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆที่หาซื้อได้ง่ายแทน
 
5.ทำไมต้อง “Jack O’ Lantern”
 
ภาพจาก r29.co/31T8qNC

สำหรับที่มาที่ไปของฟักทอง “Jack O’ Lantern” นั้นมาจากเรื่องเล่าโบราณในไอร์แลนด์ที่ว่า มีชายชื่อแจ็คเป็นชาวนาที่กล้าต่อกรกับซาตานที่ชอบมาขอพืชผลจากชาวบ้านอยู่เสมอ จนวันนึงซาตานติดกับของแจ็คทำให้ไปไหนไม่ได้ แจ็คจึงได้ทีบอกให้ซาตานรับปากกับเขาว่าหากเขาตายห้ามส่งเขาไปนรกเด็ดขาด และเมื่อเขาตายซาตานก็ทำตามสัญญา

พร้อมทั้งให้แสงไฟที่มีผักกาดครอบอยู่กับแจ็คที่กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนเพื่อใช้นำทาง จากนั้นทุกคืนวันฮาโลวีนวิญญาณของแจ็คจะล่องลอยอยู่ในความมืดพร้อมแสงไฟในหัวผักกาด ต่อมาเมื่อเทศกาลฮาโลวีนได้เข้ามาในอเมริกา ชาวอเมริกันเห็นว่า “ฟักทอง” หาง่ายกว่าและผลใหญ่กว่า เหมาะกับการนำมาแกะสลักมากกว่าผักกาด จึงได้เปลี่ยนมาเป็นฟักทองจนถึงปัจจุบัน
 
6.ความหมายของสีส้ม และสีดำ

เมื่อพูดถึงวันฮาโลวีน แน่นอนว่าหลายคนจะต้องนึกถึงสีดำและสีส้ม ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของวันปล่อยผีนี้ แต่สีส้มไม่ได้หมายถึงสีของฟักทอง และสีดำไม่ได้หมายถึงเสื้อผ้าของแม่มดเท่านั้น แต่สีส้มยังหมายถึง สีแห่งความแข็งแกร่งและความอดทน ซึ่งหมายถึงสีของทุ่งนาที่พร้อมให้เก็บเกี่ยว แสดงถึงฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว ส่วนสีดำมืดมิดนั้น หมายถึง สัญลักษณ์แห่งความตายและความมืด ที่จะช่วยให้เราได้ตระหนักอยู่เสมอว่าเรายังมีชีวิตอยู่และความตายนั้นอยู่ไม่ไกล
 
7.ในเม็กซิโก มีการสร้างงานฉลองของตนเองขึ้นในชื่อว่า The Day of the Dead
 
ภาพจาก bit.ly/2MXO0P9

ไม่ใช่แค่ในโลกตะวันตกเท่านั้นที่จะสนุกและมีกิจกรรมเกี่ยวกับฮาโลวีน ในแถบละตินอเมริกาก็มีแนวคิดแบบฮาโลวีนเช่นกันโดยเฉพาะในเม็กซิโกที่มีการสร้างงานฉลองของตนเองขึ้นในชื่อว่า The Day of the Dead สันนิษฐานว่าเริ่มจากในศตวรรษที่ 16 ชาวอาณานิคมจากสเปน ได้นำเอาวัฒนธรรมของศาสนาในท้องถิ่นมารวมกันในพิธีกรรมของพวกเขา และกำหนดวันแห่งความตายไว้ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งในภายหลังยังเป็นหนึ่งในงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย
 
8.นาซา ร่วมฉลองเทศกาลฮาโลวีนด้วยรูปพระอาทิตย์สุดน่ากลัว
 
ในปี 2562 นี้ร่วมฉลองเทศกาลฮาโลวีนด้วยการเผยภาพ ดวงอาทิตย์ คล้ายตะเกียงฟักทองปีศาจ Jack O'Lantern ต้อนรับฮาโลวีน ซึ่งเป็นภาพถ่ายดวงอาทิตย์จากห้วงอวกาศ ที่มีแสงสว่างวาบเป็นช่วง ๆ จนมีลักษณะคล้ายกับตะเกียงฟักทอง Jack O'Lantern โดยภาพดังกล่าวถูกบันทึกไว้เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2557 โดยสาเหตุที่ทำให้ดวงอาทิตย์มีแสงสว่างคล้ายใบหน้าของฟักทองฮาโลวีน

สืบเนื่องจากการเคลื่อนไหวของสนามแม่เหล็กที่มีความซับซ้อนบนชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีรังสีอัลตราไวโอเลตอีก 2 ชุด ที่มีความยาวคลื่นต่างกัน จนเกิดการเผาไหม้ออกมามากกว่าจุดอื่น ๆ เกิดเป็นสีทองและเหลือง ในลักษณะที่เหมาะแก่การฉลองฮาโลวีนสุด ๆ
 
9.กิจกรรมสุดแปลกในคืนฮาโลวีน

ในคืนฮาโลวีน มีความเชื่อแปลกๆ มากมาย ที่พร้อมจะให้คนเก่งคนใจกล้าได้ลอง เช่น กิจกรรมของเด็กสาวชาวสก๊อตติช พวกเขาเชื่อว่า หากอยากเห็นหน้าสามีในอนาคตให้ตากผ้าห่มเปียกๆ ไว้หน้ากองไฟ แล้วจะมองเห็นเงาหน้าของสามีบนผ้าห่มนั้น หรืออีกหนึ่งความเชื่อ คือ ถ้ามองไปในกระจกขณะที่เดินลงบันไดในช่วงเวลาเทียงคืนพอดีของคืนฮาโลวีนก็จะได้เห็นหน้าคนรักในอนาคตชาวไอริชจะทำนายเนื้อคู่โดยการปอกเปลือกแอปเปิลให้เป็นเส้นยาวโดยไม่ขาดจากกัน แล้วโยนเปลือกนั้นข้ามไหล่ไป เปลือกแอปเปิลนั้นก็จะปรากฏเป็นตัวอักษรนำหน้าชื่อเนื้อคู่ของเราเช่นกัน
 
10.ยอดการใช้จ่ายในเทศกาลฮาโลวีนในอเมริกาสูงเกือบ 3 แสนล้านบาท
 
ภาพจาก https://bit.ly/2ovNChF

โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่เทศกาลฮาโลวีนทำให้คนออกมาจับจ่ายเป็นรองแค่เทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น ในปี 2018 ที่ผ่านมาประชากรสหรัฐกว่า 179 ล้านคนฉลองกับเทศกาลนี้อย่างเต็มที่ และมียอดการใช้สูงถึง 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (297,000 ล้านบาท) สอดคล้องกับข้อมูลจาก จากปีก่อน ข้อมูลจาก the National Retail Federation ระบุว่ายอดการใช้จ่ายช่วง Halloweenในปี 2017 ของชาวอเมริกาอยู่ที่ 9,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (300,300 ล้านบาท) ซึ่งก็ต้องมาดูยอดการใช้จ่ายในปี 2019 นี้กันอีกทีว่าตัวเลขจะสูงไปกว่าปีที่ผ่านมาหรือไม่
 
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปี ถือเป็นเวลาสำคัญของคนทำธุรกิจเพราะช่วงนี้มีกิจกรรมให้สามารถหยิบจับเอามาทำแคมแญการตลาดได้มาก หลุดจากฮาโลวีน ก็มีเทศกาลแบบไทยๆ อย่างลอยกระทง  หรือยิ่งหลุดเข้าเดือนธันวาคมก็มีสิ่งที่น่าสนใจทั้งคริสมาสต์และกิจกรรส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

แคมเปญการตลาดในช่วงนี้จึงต้องเข้มข้นเป็นพิเศษหากหวังดึงเงินจากกระเป๋าลูกค้าที่ปัจจุบันต้องยอมรับว่ารายได้ไม่ดีเท่ากับรายจ่าย และยังมองไม่เห็นทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจว่าจะชัดเจนในทางไหน คนทำธุรกิจก็ต้องอาศัยช่วงเวลาพิเศษๆ แบบนี้เพิ่มยอดขายให้กับตัวเองได้มากที่สุด
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id:
 @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
793
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
710
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
641
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
522
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
439
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
421
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด