บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
3.4K
2 นาที
11 กุมภาพันธ์ 2563
Food Delivery หมดโปรฯ ถึงเวลาลูกค้าจ่ายอาหารแพงขึ้น   
 

เราต้องยอมรับว่า กลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ผู้ให้บริการ Food Delivery ส่วนใหญ่ยอมขาดทุนในช่วงเริ่มต้น โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้า เนื่องจากการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่นถือเป็นเรื่องใหม่ของผู้บริโภคชาวไทย ผู้ให้บริการเหล่านี้จึงต้องยอมขาดทุน จัดโปรโมชั่นในเรื่องค่าจัดส่งอาหารในราคาถูก เพื่อให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรม 
 
ถือเป็นการเล่นเกมเผาเงินอัดโปรโมชั่นของผู้ให้บริการ Food Delivery โดยใช้ส่วนลดและค่าส่งราคาแสนถูก เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาใช้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมค่าส่งแต่ละครั้ง ถึงมีราคาเพียงแค่ 10-15 บาทเท่านั้น
 
จนถึงวันนี้ หลายคนอาจสังเกตได้ว่า ทำไมค่าส่งเริ่มแพงขึ้นกว่าเดิม นี่อาจเป็นสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นว่า บรรดาผู้ให้บริการ Food Delivery ทั้งหลาย เริ่มปรับกลยุทธ์ในธุรกิจ จากเกมเผาเงิน มาเป็นเกมของการเริ่มหากำไรแล้ว
 
กลยุทธ์ของผู้ให้บริการ Food Delivery ต่อไปจะเป็นอย่างไร น่าสนใจใจแค่ไหน วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลมานำเสนอให้ทราบกันครับ
 
Lineman - Grab food - Get food ดึงร้านเก็บส่วนแบ่งยอดขาย 25-30% 
 
ภาพจาก bit.ly/2SDR84o

มีข่าวรายงานออกมาว่า หลังจากธุรกิจ Food Delivery ทั้ง 3 ค่ายใหญ่  Lineman- Grab food -Get food ได้เปิดทดลองให้ผู้ประกอบการร้านอาหารสู่ระบบการสั่งอาหารผ่าน Application เมื่อกลางปี 2562 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการแข่งขันกันจัดโปรโมชั่น ลดค่าจัดส่งเพื่อช่วงชิงลูกค้า ขณะที่ร้านอาหารเองไม่ต้องจ่ายค่า Gross Profit (GP) หรือส่วนแบ่งจากการขายให้กับทาง APP  ทำให้ราคาไม่สูง จึงเป็นจุดดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาสนใจใช้บริการสั่งอาหารผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
 
แต่พอหลังจากหมดโปรโมชั่น ทั้ง 3 ค่ายได้แจ้งไปยังร้านอาหารที่เคยอยู่บนแอปพลิเคชั่น Food Delivery ให้มาลงทะเบียนเพื่อร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยร้านค้าที่เข้าร่วมจะได้สิทธิพิเศษ คือ เป็นร้านอาหารแนะนำอันดับแรกๆ มีตำแหน่งเมนูอาหารที่เห็นเด่นชัด และลูกค้าที่สั่งอาหารทางแอปพลิเคชั่น จะจัดโปรโมชั่นจัดค่าส่งอาหารให้ในราคาพิเศษ 

ภาพจาก bit.ly/2SDR84o
 
โดยไม่ต้องเสียค่าส่งตามระยะทาง แต่มีเงื่อนไขทางร้านอาหารต้องเสียค่า Gross Profit (GP) ประมาณ 25-30% หรือส่วนแบ่งจากยอดขายให้กับทาง APP Delivery จากยอดขาย และจะส่งบิลเรียกเก็บทุก ๆ สิ้นเดือน 
 
แต่ผู้ให้บริการบางส่วนอย่าง Lineman ก็ไม่ได้บังคับ หากร้านค้าใดไม่เข้าร่วมก็ไม่ได้สิทธิพิเศษดังกล่าว ลูกค้าที่สั่งอาหารก็ต้องจ่ายค่าส่งอาหารตามระยะทาง
 
ขณะที่ Grab food มีเงื่อนไขเดียวกับ Lineman คือเสียค่า Gross Profit (GP) 30% เช่นกัน แต่ลูกค้าที่สั่งอาหารจะต้องชำระผ่านทาง APP Grab food โดยตรง และจะหักส่วนแบ่ง 30% ทันที จากนั้นทาง Grab food จะโอนค่าอาหารคืนให้กับร้านค้าแบบวันต่อวัน 
 
ด้าน Get food ได้แจ้งให้ร้านอาหารที่สนใจเข้าร่วมอบรมกับโครงการ “เคล็ดลับจากร้อยสู่ล้านก้าวไปกับ Get food” ระหว่างวันที่  3-24 ธันวาคม 2562 หากร้านค้าที่ลงทะเบียนทำสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์ในช่วงวันดังกล่าว จะคิดค่า Gross Profit (GP)  เพียง 25% เท่านั้น แต่หลังจากช่วงวันดังกล่าวจะคิด 30%
 
อย่างไรก็ตาม จากการเรียกเก็บค่า GP ของทั้ง 3 แอปพลิเคชั่นนั้น ต่อไปคาดการณ์ได้ว่าทางร้านอาหารจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาอาหารแน่นอน เพราะถือเป็นค่าบริหารจัดการอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้า แต่คิดว่าคงปรับขึ้นไม่มาก เพราะเกรงจะกระทบกับทางลูกค้าหายไป แต่หากลูกค้ามาทานที่ร้านก็ยังคงขายในราคาเดิม เจ้าของร้านอาหารบางส่วนให้ข้อมูลมา  
 
ตลาด Food Delivery โตเฉียด 3 หมื่นล้าน
 
ภาพจาก bit.ly/2OLmuVA

สำหรับ Food Delivery เป็นหนึ่งตลาดที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลายค่ายมีจำนวนออเดอร์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็น Food Panda ที่เข้ามาในประเทศไทยมากว่า 7 ปี มียอดการสั่งอาหารแตะล้านออเดอร์ได้แล้ว ขณะที่ Grab food มียอดสั่งอาหารผ่าน APP สูงถึง 4 ล้านออเดอร์ ภายใน 4 เดือน เทียบกับทั้งปี 2018 ที่ผ่านมา  
 
ด้าน Line Man ที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 มีการเติบโตในแต่ละปีได้ไม่ต่ำกว่า 300%  รวมไปถึงการเข้ามาแชร์ตลาดของน้องใหม่อย่าง Get food ก็มียอดออเดอร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าตลาดในกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงถึงเกือบ 30,000 ล้านบาท
 
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจนี้มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ จากปัญหาการจราจรทำให้เสียเวลาในการเดินทาง บางร้านต้องรอคิวนาน ผู้บริโภคก็สามารถสั่งอาหารล่วงหน้าได้ สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ความจำเป็นในครอบครัว เลือกสั่งอาหารได้หลากหลาย ขณะที่ลูกค้าก็มีโอกาสในการเข้าถึงร้านอาหารใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น แม้จะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องส่งอาหาร แต่หลายๆ ค่ายก็มีโปรโมชั่นส่วนลด โดยรวมแล้วสะดวกประหยัดกว่าการเดินทางไปที่ร้านด้วยตนเอง
 
ภาพจาก bit.ly/2uAyxyg
 
เมื่อผู้ให้บริการ Food Delivery ต้องเรียกเก็บค่า Gross Profit (GP) ประมาณ 25-30% จากทางร้านค้าต่างๆ ต้องจับตามองว่าร้านอาหารจะขายราคาอาหารแพงขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ เพราะถ้าไม่ขายแพงขึ้น ก็ไม่รู้จะเอาเงินจากไหนไปจ่ายให้ผู้ให้บริการ Food Delivery ถึง 30% ของยอดขายในแต่ละเดือน ซึ่งแลกกับการจ่ายค่าการตลาดที่ App จะแนะนำร้านอันดับต้นๆ 
 
หากในธุรกิจแฟรนไชส์ก็เท่ากับว่า ร้านค้าต่างๆ (แฟรนไชส์ซี) ต้องจ่ายค่าการตลาดประมาณ 3-5% ของยอดขายต่อเดือนให้กับเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์นั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการอยู่รอดได้ 
 
คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id:
 @thaifranchise
 
 
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
อ้างอิงข้อมูล 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
422
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด