ต้องบอกว่าไวรัสโควิด-19 ไม่เพียงแต่จะสร้างผลกระทบเชิงการแพทย์และสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมให้กับทุกประเทศทั่วโลก สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันทีในยุคนี้จึงไม่ใช่แค่เพียง การแทนที่ (Disruption) แต่เป็นแนวโน้มของการเกิด ความปกติใหม่ (New normal) ซึ่งจะส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติของโลก

 

พอเรื่องเป็นแบบนี้ ทำให้เกิดกระแสความคิดหลากหลายว่า หลังจากโควิด-19 จบลง ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และเกิดเป็น “New Normal” หมายถึงพฤติกรรมของคนในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในแบบที่ไม่ย้อนกลับมาเป็นแบบเดิม

ภาพจาก Hot Magazine

 

เช่น หลายคนคิดไปไกลว่า ธุรกิจที่เกี่ยวกับออฟไลน์ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร พอหลังจบโควิด-19 จะไม่มีวันสามารถกลับไปรุ่งเรืองเหมือนเดิมได้ คนซื้อของทางออนไลน์มากขึ้น สั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่นฟู้ดต่างๆ หรือดูหนังหรือเสพความบันเทิงก็เปิด Netflix, YouTube, TikTok, ทำธุรกรรมการเงินผ่าน Mobile Banking, เรียนหนังสือแบบออนไลน์ 

 

หรือแม้แต่ New Normal ในมิติของการจัดงานแสดงสินค้า งานอีเว้นท์ต่างๆ ที่จะเคลื่อนย้ายไปอยู่บนออนไลน์ ด้วยเหตุผลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่แออัดคนพลุกพล่าน ทำให้ผู้จัดงานอีเว้นท์ต่างๆ ต้องยกเลิกการจัดงาน สร้างความเสียงานอย่างมหาศาล แต่ดูเหมือนในวิกฤตจะมีโอกาส เมื่อเจ้าของงานอีเว้นท์ใหญ่บางรายในสหรัฐฯ ปรับตัวอย่างรวดเร็วโดยหันไปใช้ระบบ Virtual Event หรือ “ออนไลน์สตรีมมิ่ง” ในการจัดงานแทน

Virtual Event
ภาพจาก bit.ly/2VDLcd6

 

ยกตัวอย่างเช่น งานประชุม South by Southwest (SXSW) ได้ใช้ประโยชน์จากไลฟ์สตรีม (Live Streaming) เพื่อเชื่อมโยงสถานที่จัดงานหลายๆ แห่งเข้าด้วยกัน และถ่ายทอดงานอีเว้นท์ให้กับผู้คนทั่วโลกได้รับชม 

ภาพจาก bit.ly/2xKUyvR
 

Virtual Event นั้นสามารถจัดขึ้นเป็นส่วนขยายของงานแสดงสินค้าที่เกิดขึ้นจริง หรือจัดเป็นอีเว้นท์เดี่ยวๆ ก็ได้ โดยมีแพลตฟอร์มยอดนิยมและเป็นที่รู้จักมากมายสำหรับการจัด Virtual Event ตัวอย่างเช่น การใช้ Facebook หรือ YouTube

 

เมื่อเกิดปรากฏการณ์ New Normal ที่กำลังเกิดกับงานแสดงสินค้า SMEs แฟรนไชส์ และอีเว้นท์ต่างๆ หลายคนอาจจะคิดว่างานแสดงสินค้าแบบออฟไลน์ หรือในพื้นที่จริง จะหายไปจากโลกใบนี้ หรือหายไปจากเมืองไทย แล้วเปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์แทน ในรูปแบบของ Virtual Event ถ่ายทอดให้คนทั่วโลกได้เข้ามาดูพร้อมๆ กัน 

Bill Gates
ภาพจาก bit.ly/2Vq1OX0

 

แม้แต่ บิล เกตส์ (Bill Gates) ยังมองว่า ธุรกิจอีเว้นท์ อาทิ สัมมนา กีฬา และการแสดงโชว์สดต่างๆ เป็นอีกกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบในระยาวจากโควิด-19 จนกว่าจะสามารถพัฒนาวัคซีนได้ โดยผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวสู่ Digital Transformation คือ การเปลี่ยนโมเดลธุรกิจและโครงสร้างการหาเงินเป็นออนไลน์ทั้งหมด 

 

โดยเฉพาะธุรกิจอีเว้นท์และงานแสดงสินค้า หลังจากนี้จะปรับตัวเป็นออนไลน์มากขึ้น และอาจถึงขั้นมีอาชีพใหม่ตามมา นั่นคือ นักออกแบบอีเว้นท์ออนไลน์ เพราะถือว่าเป็นคนละศาสตร์และศิลป์ กับการจัดอีเว้นท์ออนไลน์มีกระบวนการทำงาน และวิธีสร้างประสบการณ์ที่ต่างกัน นี่คือ โอกาสใหม่ของคนที่มีความเชี่ยวชาญ

 

แต่ถึงอย่างไร www.ThaiFranchiseCenter.com ยังมองว่าการจัดงานแสดงสินค้า หรืองานอีเว้นท์ในพื้นที่จริงๆ นั้น ยังจะไม่หายไปไหน และไม่มีทางที่จะเปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน เพราะคนยังต้องการเดินดูสินค้าภายในงานให้เห็นกับตาตัวเอง อีกทั้งยังต้องการสัมผัส ชิม ทดลองใช้สินค้าภายในงานจริงๆ อีกด้วย 

 

ขณะเดียวกัน การจัดงานอีเว้นท์แบบ Virtual Event ถ้าเลือกแพลตฟอร์มไม่เหมาะสมกับประเภทของงานอีเว้นท์ที่จัดขึ้น ก็อาจจะมีปัญหาและติดขัด ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจัดงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ Virtual Event จะทำให้การปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าร่วมงานกับผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าทำได้ยาก เพราะว่าเป็นงานที่ไม่ใช่การสื่อสารแบบพบปะต่อหน้า จะทำการติดต่อซื้อขายธุรกิจหรือสินค้าเป็นไปได้ยาก เนื่องจากผู้เข้าชมงานไม่ได้สัมผัสสินค้าโดยตรง 

 

ทั้งนี้ ในส่วนร้านค้า (Store & Shop) จะมีความสำคัญน้อยลง ผู้คนจะจับจ่ายใช้สอยสิ่งของที่ไม่ใช่สินค้าบริโภคในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งร้านค้าเริ่มมีการปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์ ทำให้คนเคยชินกับการไม่เข้าหน้าร้าน นอกจากนั้นภาพการรับรู้ของคนในปัจจุบัน เริ่มมองพื้นที่ด้านนอกว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง ดังนั้น หน้าร้านในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ จะเริ่มมีความสำคัญน้อยลง และน้อยลงมากกว่าการเข้ามาแทนที่ (Disruption) ของการขายออนไลน์ในช่วงก่อนหน้านี้

 

รวมงานแสดงสินค้าทั่วไป www.thaifranchisecenter.com/event/index.php

 

อ้างอิงข้อมูล 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)