จากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID 19 ทำให้หลายคนตกงาน ขาดรายได้และมองหาอาชีพเสริม โดย “ร้านชาไข่มุก” กลายเป็นเทรนด์ลงทุนที่ฮิตมาก ปัจจุบันร้านชานมไข่มุกจับกลุ่มลูกค้าหลากหลายตั้งแต่ระดับล่าง กลาง ไปจนถึงระดับบน แน่นอนว่าเราจะมาโฟกัสกันเฉพาะกลุ่มที่เป็นตลาดทั่วไปที่ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่า มีกำลังซื้อจากคนปริมาณมาก

ซึ่งการตั้งราคาก็ควรให้อยู่ในระดับที่คนมองว่าไม่เป็นภาระกับการใช้จ่าย ที่สำคัญหากพัฒนารสชาติให้ดี มีบริการที่ดี มีทำเลที่ดี การเปิดร้านชานมไข่มุก็ยังน่าสนใจ โดยมีข้อมูลที่ยืนยันในเรื่องนี้จากผลการสำรวจมากมาย
 

ตลาดชานมไข่มุกและการเติบโตในอนาคต
 

ภาพจาก www.facebook.com/bubbdrinks/

คนไทยรู้จักชานมไข่มุกกันเมื่อประมาณ 15 ปีก่อนความนิยมของ “ชานมไข่มุก” ไม่ได้มีเพียงในเมืองไทยเท่านั้น ต่างประเทศก็เป็นที่นิยมเช่นเดียวกัน มีการประเมินจาก Allied Market Research ระบุว่า ตลาดชานมไข่มุกปี 2016 มีมูลค่าราว 1,957 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 62,269 ล้านบาท คาดว่าในปี 2023 จะมีมูลค่าสูงกว่า 3,214 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 102,242 ล้านบาท

 

มีการวิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ “ชานมไข่มุก” ที่เป็นเทรนด์จากไต้หวันกลายเป็นที่นิยมในตลาดเมืองไทย เกิดขึ้นหลังจาก “ไช่อิงเหวิน” ขึ้นมาเป็นผู้นำหญิงคนแรกของไต้หวัน ในปี 2016 หลังจากนั้นมีนโยบายดึงดูดนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการให้สิทธิ์ฟรีวีซ่าคนต่างชาติไปเที่ยว ซึ่งนั่นรวมถึง “คนไทย” ด้วยเช่นกัน บริษัทและหน่วยงานต่างๆ ในไต้หวัน ก็พร้อมใจกันหยิบ “ชานมไข่มุก” มาเป็นเครื่องดื่มประจำชาติ กลายเป็นกระแสว่าไปเที่ยวไต้หวัน แล้วต้องไปตามกินชานมไข่มุกร้านดังต่างๆ แม้จะไม่ได้สรุปว่าเหตุผลที่คนนิยมจะมาจากปัจจัยตรงนี้แต่ก็น่าเชื่อว่ามีส่วนทำให้เกิดกระแสฮิตติดลมบนดังกล่าว

 

“ชานมไข่มุก” 1 แก้ว มีอะไรให้ติดใจ
 

ภาพจาก www.facebook.com/kamukamu.tea/

มีรายงานการวิจัยระบุว่าการบริโภคชานมไข่มุก 1 แก้วให้พลังงาน 240-360 กิโลแคลอรี (Kcal) แบ่งออกเป็น คาร์โบไฮเดรต 45-62 กรัม ไขมัน 0-14 กรัม โปรตีน 0.4-2 กรัม ขึ้นอยู่กับชนิดของส่วนผสมวัตถุดิบ เช่น ครีมเทียม ชนิดของไข่มุก และปริมาณของน้ำตาลที่ให้ความหวาน ขนาดของแก้วชานมไข่มุกที่แตกต่างกัน

 

การบริโภคชานมไข่มุก 1 แก้ว เปรียบได้กับการรับประทาน เย็นตาโฟ 1 ชาม ซึ่งให้พลังงาน 326 กิโลแคลอรี แบ่งออกเป็น คาร์โบไฮเดรต 41 กรัม,ไขมัน 8 กรัม, โปรตีน 21 กรัม หรือเปรียบเทียบกับปริมาณน้ำตาลที่ได้รับจากชานมไข่มุก เท่ากับข้าว 3-4 ทัพพี

ภาพจาก www.facebook.com/OCHAYA.Tea/

 

และเนื่องจากสารที่ประกอบในชานมไข่มุกจะประกอบไปด้วย น้ำตาล แป้ง และไขมัน เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมได้ทันที ทำให้ผู้ที่บริโภครู้สึกสดชื่น แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่มีการกิน หรือฝืนต่อความต้องการรับประทาน ก็จะทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ถึงผู้บริโภคจะรู้ว่าการรับประทานอาหารที่มีรสชาติหวานส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่ก็ยังมีความต้องการ

 

ดังนั้นจึงควรบริโภคชานมไข่มุกให้พอเหมาะ โดยปกติพลังงานเฉลี่ยของวัยรุ่นชาย/หญิง วัยทำงานจะอยู่ที่ 2000 kcal โดยเมื่อบริโภคชานมไข่มุก 1 แก้ว 360 กิโลแคลอรี จะเทียบเท่ากับพลังงาน 1 ใน 4 ของพลังงานที่ได้รับต่อวันซึ่งเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงเทียบเท่าอาหารจานเดียว 1 จาน

 

 

ภาพจาก www.facebook.com/coolbear.milktea/

กระแสฮิตของชานมไข่มุกเมืองไทยส่วนหนึ่งอาจเกิดจากกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” แต่ไม่ได้เกิดจากแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งหากแต่เป็นหลายแบรนด์ในรูแบบแฟรนไชส์ที่มีแพคเกจลงทุนให้เลือกตามความเหมาะสมตั้งแต่หลักพันไปถึงหลักหมื่น ประกอบกับกระแสคนอยากเป็นนายตัวเอง เบื่องานประจำ อยากมีรายได้เสริม ก็มาเลือกลงทุน “เปิดร้านชานมไข่มุก” ไม่น่าแปลกใจที่ตื่นเช้ามาเดินไปตลาดหากนับจริงๆ เชื่อว่าเราจะเจอร้านชานมไข่มุก แบรนด์ต่างๆ เรียงรายบางทีนับได้เป็น สิบเจ้า เมื่อผู้บริโภคเห็นภาพเหล่านี้ชินตา มองไปทางไหนก็เจอ “ชานมไข่มุก” จึงเป็นสินค้าหาง่าย ซื้อง่าย ราคาไม่แพง แถมยังรสชาติอร่อยอีกต่างหาก แบบนี้จะไม่ให้คนไทยฮิตติดใจได้ยังไง

ภาพจาก www.facebook.com/momochafreshtea/

 

ในส่วนของการลงทุนก็ดูน่าสนใจไม่น้อยเฉลี่ยชานมไข่มุกต่อแก้วต้นทุนประมาณ 12-13 บาท ขายปลีกแก้วละ 30-55 บาท เท่ากับจะมีกำไรมากกว่า 50% จากราคาขาย หากทำเลดีจะมียอดขายวันละ 200-300 แก้ว จะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 1.5-2 แสนบาทต่อเดือน หรือต่อให้รายได้ไม่มากขนาดนั้น แต่อย่างน้อยๆ รายได้ต่อวันก็มีขั้นต่ำ 300-400 เฉลี่ยต่อเดือนก็รายได้ 10,000 – 15,000 ถ้าค่าเช่าที่ไม่แพง รายได้ขนาดนี้เหมาะจะเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้หรือใครที่ออกมาเปิดร้านเต็มตัวก็อาจจะสร้างรายได้ที่ดีกว่านี้ด้วย
 

ภาพจาก แฟรนไชส์โนมิชา

 

ไม่นับรวมเรื่องแฟรนไชส์ชานมไข่มุกที่เดี๋ยวนี้มีหลายแบรนด์น่าสนใจ คนลงทุนไม่ต้องหาอุปกรณ์เอง ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ มีสอนสูตรการทำเมนูต่างๆ ให้พร้อม แฟรนไชส์ชานมไข่มุกน่าสนใจเช่น บั๊บ , คามุ คามุ ที , โอชายะ , คูลแบร์ , โมโม่ฉะ ชานมไข่มุกไต้หวัน , โนมิชา , ชอบชา , มารุชา เป็นต้น

 

 

ภาพจาก www.facebook.com/chobchaofficial/

ข้อมูลน่าสนใจระบุว่าการที่คนดื่มชานมไข่มุกเป็นประจำอาจทำให้เกิดอาการ “ติดความหวาน” ซึ่งความหวานเป็นสารที่ทำให้มนุษย์มีความสุข การรับประทานอาหารที่มีความหวานจึงควรให้พอเหมาะพอดี ลองมาเช็คตัวเราสักนิดว่า “ติดความหวาน” หรือไม่
 

1.มีอารมณ์หงิดหงิดเมื่อไม่ได้รับประทานหวาน : เป็นอาการที่สังเกตได้ง่ายที่สุด คือ คิดถึงรสชาติของหวานบ่อย ๆ และเมื่อไม่ได้สัมผัสรสหวานก็จะเริ่มรู้สึกหงุดหงิด ฉุนเฉียว อารมณ์ไม่ดี และอาการจะหายไป ไปจนกระทั่งอารมณ์ดีเป็นคนละคนเมื่อร่างกายได้รับรสหวาน

 

2.สามารถรับประทานรสหวานจัดในปริมาณมาก : คนปกติหากสัมผัสรสหวานถึงจุดหนึ่งจะรับประทานต่อไม่ได้ มีอาการแสบไส้ หรือ คลื่นไส้ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนปกติของร่างกายที่ไม่ต้องการรับรสหวานเพิ่ม แต่สำหรับผู้ติดรสหวาน จะสามารถรับประทานของหวานจัด อาทิ เค้ก และ ขนมหวาน ปริมาณมาก ๆ และการดื่มน้ำหวานได้เป็นขวด ๆ ตลอดทั้งวัน

 

3.อาหารคาวก็ต้องมีรสหวานนำ : เช่นการสั่งให้แม่ค้าทำอาหารที่เน้นรสหวาน การรับประทานก๋วยเตี๋ยวและต้องใส่น้ำตาลหลายช้อนชา ในขณะที่คนปกติอาจใส่เพียงช้อนชาเดียว หรือไม่ใส่เลยเพราะน้ำซุปมีรสชาติมาดีแล้ว หากเราเติมเข้าไปอีกอาจเป็นสัญญาณว่าเรากำลังติดรสหวาน

ภาพจาก www.facebook.com/MaruChaoffice/

 

หากไล่เรียงดูข้อมูลเหล่านี้จะพบว่า เหตุผลทำให้คนฮิตติดชาไข่มุก เกิดจาก รสชาติหวานอร่อย , สินค้าหาซื้อง่าย มองไปทางไหนก็เจอ ที่สำคัญเป็นธุรกิจลงทุนไม่มากแต่โอกาสได้กำไรมีสูง ธุรกิจชานมไข่มุกจึงมีแต่จะเติบโตเพิ่มมากขึ้น และทุกแบรนด์ก็มีการพัฒนาสินค้าตัวเองให้ดียิ่งขึ้นเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งที่มีเป็นจำนวนมาก

 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

 

ต้องการลงทุนแฟรนไชส์เครื่องดื่ม ดูรายละเอียดที่ bit.ly/3tuu0qX
 

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)