บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การบริหารจัดการองค์กร    สร้างความสมดุลของชีวิตกับการทำงาน
2.8K
2 นาที
15 มีนาคม 2564
การทำงานแบบ “DISC Model” ลองดูว่าตัวเราอยู่กลุ่มไหน?


การเป็นเจ้านายที่ดีไม่ใช่แค่มีเงินมาจ้างลูกน้อง สิ่งสำคัญคือต้องเป็นคนที่เข้าใจลูกน้อง รู้จักดึงความสามารถของลูกน้องมาใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่ายึดมั่นอยู่แต่ความคิดตัวเอง อย่าคิดว่าเราเข้าใจแล้วทุกคนต้องเข้าใจเหมือนที่เราคิด องค์กรใดที่ได้เจ้านายมีวิสัยทัศน์ในเรื่องดังกล่าว ย่อมเติบโตก้าวหน้าได้มาก

หนึ่งในโมเดลน่าสนใจที่ www.ThaiFranchiseCenter.com คิดว่าน่าจะเป็นความรู้ให้กับคนที่ทำธุรกิจได้ศึกษาเรียกว่า DISC Model ที่จะช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถบริหารจัดการทีมงานและลูกน้องได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
DISC Model คืออะไร?


ภาพจาก https://pixabay.com/
 
DISC Model คือ โมเดลหรือรูปแบบของศาสตร์ทางจิตวิทยาที่ใช้วัดพฤติกรรมการทำงานด้านบุคลิกภาพที่สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณเป็นคนประเภทไหนในการทำงาน สังเกตจากพฤติกรรมการทำงาน ว่ามีจุดเด่นในการทำงานอย่างไร หรือมีข้อจำกัดอย่างไร โดย DISC Model สามารถวัดพฤติกรรมการทำงานของมนุษย์ได้ 4 แบบ คือ D (Dominance), I (Influence), S (Steadiness) และ C (Compliance)
 
DISC Model เริ่มต้นจาก Dr. William Marston ที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สาขาจิตวิทยา โดยเป็นนักทฤษฏีเกี่ยวกับความเสมอภาค ที่สำคัญคือเจ้าของทฤษฏี DISC Model ที่ได้ตีพิมพ์ในหนังสือ “Emotion of Normal People” ซึ่งได้พูดถึงกระบวนการทำงานของอารมณ์ความรู้สึกในคนปกติ ที่นำไปสู่ลักษณะพฤติกรรมที่มีความหลากหลาย และจากทฤษฏีของ Dr. William ดังกล่าว Walter Clark นักจิตวิทยาอุตสาหกรรมได้นำทฤษฏีนี้ไปสร้างเป็นแบบทดสอบ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการคัดเลือกบุคลากรเข้าสู่องค์กร โดย 4 รูปแบบพฤติกรรมที่ Walter ใช้เรียกในแบบทดสอบคือ Aggressive , Sociable , Stable และ Avoidant และจากจุดเริ่มต้นตรงนี้ก็มีอีกหลายคนที่ได้พัฒนา ได้ทำการวิจัยต่อยอดจนกลายมาเป็นแบบทดสอบ DISC ซึ่งเป็นที่ยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
 
ประโยชน์ของ DISC Model สำหรับธุรกิจ
 

ภาพจาก https://pixabay.com/

เราสามารถนำ DISC Model ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในองค์กรได้หลายอย่างเช่น
  1. เพิ่มศักยภาพ พัฒนาประสิทธิภาพของบุคลากร รู้จุดแข็งของพนักงานและสามารถดึงมาใช้งานได้มากขึ้น ตรงไหนที่เป็นจุดอ่อนก็ควรหลีกเลี่ยงเพื่อสัมพันธภาพในการทำงานที่ดี
  2. ลดปัญหาความขัดแย้ง สร้างบรรยากาศทำงานเป็นทีม เพราะเมื่อทุกคนเรียนรู้ซึ่งกันและกันก็จะเข้าใจกันได้มากขึ้น
  3. เพิ่มคุณภาพในการบริหารงาน สำหรับเจ้านายที่รู้จักใช้โมเดลนี้จะทำให้เข้าใจลูกน้องและบริหารงานในองค์กรได้มีคุณภาพมากขึ้น
  4. เพิ่มคุณภาพในการขายและการให้บริการ เพราะเมื่อเราเข้าใจลักษณะของลูกค้า รู้สิ่งที่เขาชอบไม่ชอบ รู้สิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญ เราก็จะปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด
สำรวจตัวเอง เราเป็นคนแบบไหน ใน DISC Model
 
โดยแบ่งเป็นทั้งหมด กลุ่มได้แก่ D (Dominance), I (Influence), S (Steadiness) และ C (Compliance)
 
1.กลุ่ม D (Dominance) 
 

ภาพจาก https://pixabay.com/

เป็นกลุ่มไฟแรง พร้อมทำงาน คนกลุ่มนี้มักเป็นคนที่ชอบความท้าทาย เน้นผลลัพธ์มากกว่าสิ่งใด ตัดสินใจทำอะไรอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่ามีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ชอบการบังคับ หรืออยู่ในกฎเกณฑ์มากเกินไป เป็นคนเด็ดขาด ชอบความรวดเร็ว ไม่ชอบงานที่มีระบบระเบียบขั้นตอนเยอะ ด้วยพฤติกรรมการทำงานแบบนี้จึงทำให้ขาดความรอบคอบ จึงอาจทำให้ผิดพลาดในส่วนของรายละเอียดเล็กน้อยเสมอ ลองสำรวจตัวเองดูหากเราคือคนตัดสินใจเร็ว หัวร้อนง่าย มั่นใจสูง ไม่ชอบใครบังคับ ไม่ชอบทำงานที่มีขั้นตอนเยอะคุณคือคนกลุ่มD แน่นอน
 
2.กลุ่ม I (Influence) 
 

ภาพจาก https://pixabay.com/

นิยามคนกลุ่มนี้คือมองโลกแง่ดี บางทีถึงขึ้นโลกสวยเลยทีเดียว พฤติกรรมคนกลุ่มนี้จะมีความกระตือรือร้นสูงมากถึงมากที่ที่สุด ชอบการเข้าสังคม คนยิ่งเยอะยิ่งดี การพบปะผู้คนมากมายถือว่าเป็นความสุขประเภทหนึ่ง ที่สำคัยเป็นกลุ่มคนที่ มองโลกในแง่ดี เป็นที่รักที่เอ็นดูของทุกคน เรียกได้ว่ามีพฤติกรรมการทำงานที่ไม่เน้นการทำงาน เพราะเน้นการสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับออฟฟิศอยู่เสมอ
 
3.กลุ่ม S (Steadiness) 
 

ภาพจาก https://pixabay.com/

คนที่มีพฤติกรรมแบบกลุ่ม S ส่วนใหญ่เป็นคนเงียบๆ แต่งานเป๊ะมาก ลักษณะส่วนใหญ่เป็น คนใจเย็น เป็นผู้รับฟังที่ดี เสมอต้นเสมอปลาย ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ มีไหวพริบดี ชอบความเป็นขั้นเป็นตอนของการทำงาน เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของเพื่อนร่วมทีม แต่ข้อสำคัญที่ DISC Model ได้กล่าวถึงคนประเภทนี้ไว้ว่าไม่ชอบอยู่ในสถานการณ์ขัดแย้งเป็นที่สุด ไม่ชอบถูกบังคับให้ตัดสินใจในทันที ส่วนใหญ่ชอบอยู่ในเซฟโซนของตัวเองมากกว่า
 
4.กลุ่ม C (Compliance) 
 

ภาพจาก https://pixabay.com/

DISC Model ได้ระบุว่าพฤติกรรมของคนในกลุ่มนี้มีความเป็น Perfectionist ชอบงานที่เป็นระบบ การวิเคราะห์ต้องมาก่อน จนบางทีมองดูว่าเป็นกลุ่มคนที่เครียดอยู่พอสมควร ทุกอย่างต้องเป็นจริงเป็นจังอยู่เสมอ หน้าที่ความรับผิดชอบต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด มีเหตุผล แต่มีข้อดีมากในการทำงานเป็นทีม เพราะด้วยความที่เป็น Perfectionis จึงทำให้ได้ผลงานที่ออกมาดีแต่ในกระบวนการทำงานอาจจะเครียดมากหากมีคนกลุ่มนี้มารวมตัวกันมากไป
 
สิ่งที่น่าสังเกตคือ DISC Model จะแยกพฤติกรรมจุดเด่นของคนในแต่ละกลุ่ม ซึ่งถือเป็นจุดเด่น จุดแข็ง แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มี สิ่งที่คนแต่ละกลุ่มไม่ชอบไม่ต้องการ และเมื่อได้เจอกับสิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่ไม่ต้องการ อาจมีผลกระทบต่อการทำงาน จึงเป็นหน้าที่ของเจ้านาย ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ หัวหน้างาน ที่ควรจะรู้ว่าควรใช้วิธีไหนในการดึงศักยภาพลูกน้องให้ออกมาได้มากที่สุด เพื่อให้องค์กรได้พัฒนาเดินหน้าได้อย่างสูงสุด
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/2NkVRcM , https://bit.ly/3vrHapl 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
499
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด