บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเงิน บัญชี ภาษี การลงทุน    ความรู้ทั่วไปทางการเงิน
1.9K
3 นาที
9 พฤศจิกายน 2564
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! สลากกินแบ่งรัฐบาล


ความหวังของคนส่วนใหญ่คืออยากถูกหวยสักครั้ง เงินรางวัล 6 ล้านบาทคือตัวเลขล่อตาล่อใจได้อย่างดี ซึ่งสลากกินแบ่งรัฐบาลมีประวัติมายาวนาน บรรดาคนชอบเสี่ยงโชคอาจบอกว่าเป็นเรื่องไม่น่าสนใจ แต่ไหนๆถ้าใจรักอย่างเสี่ยงโชคเสี่ยงดวง

www.ThaiFranchiseCenter.com คิดว่าเรื่องเหล่านี้รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย ดีไม่ดีในข้อมูลเหล่านี้อาจมีเลขเด็ดเลขดังที่อ่านแล้วรู้แล้วลองไปซื้อเสี่ยงโชคอาจถูกรางวัลใหญ่ก็ได้ ต่อไปนี้คือ 10 เรื่องจริงที่เราเชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้แน่นอน

1.หวยไทยในอดีต
 

ภาพจาก https://bit.ly/30dm0jZ

ย้อนไปในอดีตหวยในประเทศไทย เกิดขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 ที่มีการตั้ง “หวย ก ข “ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่อมารัชกาลที่ 5 ซึ่งได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตก และมีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือลอตเตอรี่ เป็นครั้งแรกในงานเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกุศล จนมาถึงรัชกาลที่ 6 มีการยกเลิก "หวย ก ข" และมีการออกสลากเสือป่าล้านบาท ราคาใบละ 1 บาทมาแทนที่

จากนั้นในสมัยรัชกาลที่ 7 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ. 2476 มีการออกลอตเตอรี่รัฐบาลสยาม และในที่สุดรัฐบาลได้เห็นชอบก่อตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในปี พ.ศ.2482 เพื่อระดมเงินจากการออกสลาก เป็นรายได้อีกทางหนึ่งของรัฐบาล นำเงินเข้าแผ่นดิน 28% โดย 60% เป็นเงินรางวัล ส่วน 9% เป็นส่วนลดในการจำหน่าย และอีก 3% เป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการต่างๆ 

2.สลากกินแบ่งรัฐบาลในอดีต รางวัลที่ 1 ได้ประมาณ 8,000 บาท
 

ภาพจาก https://bit.ly/3C05CjV

ประมาณ 147 ปีก่อนที่เริ่มมีการพิมพ์ล็อตเตอรี่เป็นครั้งแรก โดยมียอดพิมพ์ครั้งแรก 20,000 ฉบับ ราคาฉบับละ 1 ตำลึง หรือ 4 บาท โดยรางวัลที่ 1 จะได้รับเงินรางวัล 100 ชั่ง หากเทียบตามมาตราเงิน จะเท่ากับราว 8,000 บาทในปัจจุบัน รางวัลที่ 2 ได้รับ 50 ชั่ง หรือราว 4,000 บาท และรางวัลที่ 3 ได้รับ 25 ชั่ง หรือ 2,000 บาท

ซึ่งลอตเตอรี่ในยุคนั้นยังมีตัวเลขเพียง 4 หลักเท่านั้น ซึ่งขณะนั้นเลขรางวัลที่ออกครั้งแรกและครั้งเดียวที่เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 5 คือ 1672 ส่วนรางวัลที่ 2 คือ 1425 และรางวัลที่ 3 คือ 3662

3.สลากกินแบ่งรัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาแล้ว 3 ครั้ง

ในช่วงแรกเป็นสลากแบบเลข 7 หลัก แต่ปี 2530 ได้ปรับตัวเลขลงมาเหลือ 6 หลัก และปรับราคาจำหน่ายจากฉบับละ 20 บาท เป็นฉบับละ 40 บาท จนกระทั่งปี 2546 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้มีการออกรางวัลแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว เพื่อมาแก้ปัญหาหวยใต้กินและปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา

โดยเริ่มมีการจำหน่ายงวดแรก 1 ส.ค.-16 พ.ย.2549 รวมทั้งหมด 80 งวด ล่าสุดคือปี 2560 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2560 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ปรับปรุงและขนาดของสลาก โดยจากเดิมเป็นจำหน่ายเป็นคู่ ราคาคู่ละ 80 บาท หรือฉบับละ 40 บาท ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นฉบับเดียว ราคา 80 บาท

4.จำนวนรางวัลของการออกสลากในแต่ละเดือน


ในแต่ละเดือน สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ทำการออกรางวัลทั้งหมด 2 งวด จะทำให้นักเสี่ยงโชคได้ลุ้นกันทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน โดยแต่ละงวด สลากที่กองสลากฯออกมา 1 ชุด จะมีทั้งหมด 1,000,000 ฉบับ และในจำนวนนั้นมีรางวัลทั้งหมด 14,168 รางวัล คิดเป็นมูลค่าเงินรางวัลทั้งหมด 48,000,000 บาท ให้ผู้เสี่ยงโชคให้ได้ลุ้น

5.พบสลากขายเกินราคามีรางวัลนำจับคดีละ 1,000 บาท

ประชาชนที่พบว่ามีการขายสลากเกินราคา สามารถแจ้งเบาะแสผ่านศูนย์เรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เบอร์โทรศัพท์ 0-2528-9999 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะมีการประสานข้อมูลต่อไปให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวักด และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเข้าจับกุมผู้ขายสลากเกินราคา โดยผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินรางวัลคดีละ 1,000 บาท

6.อายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามขึ้นเงินรางวัล
 

ตามระเบียบสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนการข่ายรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล และหรือสลากอื่นที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จัดทำขึ้นเพื่อจำหน่าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 ได้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดไว้ว่า 

"ห้ามบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ติดต่อขอรับวางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล และหรือสลากอื่น ที่สำนักงานกินแบ่งรัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อจำหน่าย” จากเดิมกำหนดไว้ที่อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์

7.ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ต้องเสียภาษี

ลอตเตอรี่ที่วางจำหน่ายมีอยู่ 2 แบบ โดยความแตกต่างของทั้ง 2 แบบสามารถสังเกตง่ายๆ จากมุมขวาบนของสลาก ที่มีการระบุว่าเป็น "สลากกินแบ่งรัฐบาล" หรือ "สลากการกุศล" ซึ่งแต่ละแบบมีเกณฑ์การถูกหักภาษี และอากรแสตมป์ต่างกัน หากเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล แบบธรรมดา สำหรับใครที่ถูกรางวัลจากสลากประเภทนี้ ไม่ต้องเสียภาษีจากเงินรางวัลเต็มจำนวน

แต่ต้องเสียค่า "อากรแสตมป์" 1 บาท ของเงินรางวัลทุก 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท โดยเฉลี่ยออกมาแล้วเท่ากับจะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของเงินรางวัล แต่ถ้าเป็น สลากการกุศล" คือสลากพิเศษที่จะออกมาคละกับสลากกินแบ่งรัฐบาลทั่วไป เป็นสลากที่มีเป้าหมายนำเงินไปทำบุญ บริจาคต่างๆ มีเงินรางวัลเหมือนกับสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบปกติทุกอย่าง แต่หากถูกสลากประเภทนี้ จะต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 1% ของเงินรางวัล

8.ถูกรางวัลที่ 1 เราจะได้เงินแท้จริงเท่าไหร่


โดยรางวัลที่ 1 รางวัลเต็มจำนวน 6,000,000 บาท เงินที่จะได้รับจริง หากถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล หลังเสียค่าอากรแสตมป์ 0.5% คือ 5,970,000 (หักไป 30,000 บาท) แต่ถ้าหากเป็น หากถูกสลากการกุศล หลังหักภาษี ณ ที่จ่าย 1% คือ 5,940,000 บาท (หักไป 60,000 บาท) เป็นต้น โดยแต่ละรางวัลก็จะถูกเก็บภาษีหรืออากรแสตมป์ตามเงื่อนไขแบบเดียวกันทุกรางวัล ซึ่งเงินรางวัลที่ได้ก็จะแตกต่างกันออกไปตามจำนวนเงินรางวัลที่รับ

9.รายได้จากการขายสลาก ไปที่ไหนบ้าง
  • สมมติขายสลากได้ 100 บาท รายได้ 60 บาท จัดสรรเป็นเงินรางวัล รายได้ 23 บาท นำส่งเข้ารัฐเป็นรายได้แผ่นดิน
  • รายได้ 3 บาท เข้ากองทุนสลากเพื่อพัฒนาสังคม ที่เหลือ 14 บาท เข้าสำนักงานสลากฯ เป็นค่าใช้จ่ายบริการงาน
จากข้อมูลการนำส่งรายได้แผ่นดินปีงบประมาณ 2563 พบว่าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนำส่งรายได้จำนวน 34,304 ล้านบาท สูงที่สุดในบรรดา 10 กิจการที่เป็นรัฐวิสาหกิจต่างๆ

10.ถูกรางวัลที่ 1 ต้องจองคิวออนไลน์ก่อนไปรับเงิน

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้แจ้งปรับเปลี่ยนการให้บริการจ่ายเงินรางวัล ณ ที่ทำการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จังหวัดนนทบุรี (สนามบินน้ำ) ตั้งแต่ วันที่ 1 กันยายน 2564เป็นต้นไป โดยกำหนดให้ผู้ถูกรางวัลสลากฯ ทั้งประชาชนทั่วไป รวมถึงคนรับซื้อรางวัล หากต้องการขึ้นรางวัลกับสำนักงานสลากฯ

จะต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ และงดการจ่ายเงินรางวัลสำหรับที่มาติดต่อโดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า (วอร์ก อิน) ยกเว้นกรณี การขึ้นรางวัลที่ 1 เท่านั้น รวมถึงผู้รับซื้อรางวัลที่มีหมายเลขประจำตัวของสำนักงานสลากฯ ต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าเช่นกัน และจะได้รับเงินรางวัลผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทยภายใน 7 วันทำการ

และรู้หรือไม่ว่าจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดที่ผ่านมาทำให้กองสลากเคยงดจำหน่ายสลากกินแบ่งไปถึง 2 งวด ในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2563 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กองสลากฯ เลื่อนออกรางวัลติดกันถึง 2 ครั้ง และคาดว่าทำให้สูญรายได้ถึงประมาณ 5,400 ล้านบาท 
 
ติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
633
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
549
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
496
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
464
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
447
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
441
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด