ในยุคธุรกิจค้าขายออนไลน์เฟื่องฟู มีธุรกิจหนึ่งที่เติบโต ได้รับความนิยมตามไปด้วย ก็คือ ธุรกิจขนส่งพัสดุและไปรษณีย์เอกชน หลายคนเลือกทำธุรกิจนี้ด้วยการซื้อแฟรนไชส์มาเปิด สร้างอาชีพ หารายได้เพิ่ม หวังเป็น "เสือนอนกิน" แทบไม่ต้องดูแลอะไรมาก มีรถบริษัทแฟรนไชส์หรือพาร์ทเนอร์มารับพัสดุถึงร้านอีกด้วย รอรับเงินค่าส่วนแบ่งอย่างเดียว

 

พอมาช่วง 1-2 ปีนี้ จากการลงพื้นที่สำรวจของทีมงานไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ พบว่า คนซื้อแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุรายย่อย ส่วนใหญ่ไปต่อไม่ไหว ปิดกิจการจำนวนมาก จากที่เราเคยเห็นตามตลาดใกล้บ้าน ปั้มน้ำมัน ตึกแถวตามที่ต่างๆ ก็ว่างเปล่าหมดเลย หลายคนถึงกับบอกหมดยุคของแฟรนไชส์สะดวกส่งแล้ว แถมบริษัทขนส่งพัสดุหันมาทำกันเอง ออกโปรโมชั่นส่วนลด แย่งลูกค้าสาขาแฟรนไชส์จนอยู่ไม่ได้ 

 

สำหรับปัจจัยหลักๆ ดึงคนมาซื้อแฟรนไชส์กันมาก ก็คือ เงินลงทุนน้อย บางแบรนด์มีโมเดลเปิดร้านได้ที่บ้าน จ่ายแค่ค่าเช่าระบบเพียง 2,000 บาทต่อเดือน ไม่มีมัดจำ ไม่มีค่าใช้ตราสินค้า มีรถเข้าไปรับของ ได้รับส่วนแบ่งรายได้แบบสบายๆ 
 

แต่ส่วนมากพอเปิดให้บริการได้สักพัก มักพบปัญหาต่างๆ ตามมา คือ ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟแพงเกินไป ค่าจ้างลูกน้อง รวมแล้วตก 2 หมื่นกว่าๆ ต่อเดือน บริษัทแฟรนไชส์ก็แก้ปัญหาให้ด้วยการบวกราคาและค่าขนส่งเพิ่มต่อชิ้น ลูกค้าก็หนีอีก หรือ เอาค่าบริการเท่ากันกับสาขาใหญ่ แล้วรับเงินส่วนแบ่งจากบริษัทแฟรนไชส์ไป

 

ไม่เพียงเท่านี้ในกระทู้พันทิป ยังพบว่าผู้ซื้อแฟรนไชส์หลายๆ รายสะท้อนปัญหาว่า ได้เงินส่วนแบ่งแค่ 17% บางรายได้ 10% แม้ว่าจะเป็นแบรนด์เดียวกัน แต่อยู่คนละที่กัน ตอนแรกผู้ซื้อแฟรนไชส์หลายคนคิดว่าน่าจะพออยู่ได้ แต่พอทำจริงๆ มันไม่พอ 
 

บริษัทแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุบางแบรนด์ ยังออกโปรโมชั่นจนสาขาแฟรนไชส์อยู่ไม่ได้ ค่าส่งพัสดุถูกมาก ดึงลูกค้าให้ใช้บริการ แต่สาขาแฟรนไชส์ที่ได้ส่วนแบ่ง 10% น้อยอยู่แล้ว ก็อยู่ไม่ไหว ถ้าค่าส่งพัสดุ 19 บาท ก็แปลว่าได้แค่ 1.9 บาทต่อชิ้น ลงทุนไปล้านกว่า มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเดือนละหลายหมื่น สุดท้ายไปไม่รอด

 

นอกจากนี้ยังพบปัญหาของผู้ซื้อแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุรายย่อยที่เจอมา ก็คือ นโยบายของบริษัทแฟรนไชส์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยเฉพาะเรื่องการปรับลดค่ารับส่งและคัดแยกส่งพัสดุจากชิ้นละ 5.50 บาท เหลือราวๆ 1.10 บาท ยกเลิกเงินตอบแทนตามระยะทางที่ส่ง อยู่ไกลยิ่งได้มาก อ้างขนาดน้ำหนักพัสดุไม่ถูกต้อง เป็นต้น 

 

จากข้อมูลจากเพจแฟรนไชส์ร้านขนส่งพัสดุ มีผู้ซื้อแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุรายหนึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ระบุว่า

ภาพจาก กลุ่มเฟซบุ๊ค : แฟรนไชส์ร้านส่งพัสดุ

 

"ใครที่คิดจะเปิดร้านรับส่งพัสดุ ไปทำอาชีพอื่นดีกว่า แม่ค้าออนไลน์เขาไปใช้ระบบหลังบ้านกันหมดนะ เพราะเซลล์บริษัทขนส่งแหละตัวดีเลย ให้ราคาส่งต้นทุนถูก ส่งตรงให้ใช้เลย แล้วจะมีใครมาส่งกับร้านของพวกคุณล่ะ คิดให้ดี จะหลับหูหลับตาโง่ ก็แล้วแต่" 

 

ไม่เพียงเท่านี้ ยังแนบราคาขนส่งลูกค้า VIP มาด้วย

หลังจากนั้นมีคนกระทู้ตอบเห็นด้วย "มีการตีหลังบ้านของสาขาแฟรนไชส์ ให้ลูกน้องไปหาลูกค้าที่ส่งของในแต่ละวันเยอะที่สุด ติดต่อไปรับของเองเลย ให้ถุง ให้กล่อง เทป แถมส่วนลดแบบสุดๆ 30-40% ส่วนสาขาแฟรนไชส์ให้ส่วนลดได้แค่ 10% ลูกค้าก็ไปใช้บริการบริษัทแฟรนไชส์กันหมด"

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุรายย่อยยังเป็นข่าวให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ย้อนไปเมื่อกลางปี 66 กลุ่มผู้ซื้อแฟรนไชส์รับส่งพัสดุค่ายสีแดง แจ้งความโดนบริษัทแฟรนไชส์หลอกลวงลงทุน ก่อยจะบอกยกเลิกสัญญา มูลค่าความเสียหายหว่า 50 ล้านบาท 

 

สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุรายย่อยๆ ไปต่อไม่ไหว เลิกกิจการไปในที่สุด

 

ใครเคยเปิดแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุ แล้วเจอปัญหาแบบเดียวกัน หรือเจอปัญหาอะไรมากกว่านี้อีก คอมเมนต์มาแลกเปลี่ยนกันหน่อย
 

แหล่งข้อมูล www.facebook.com/groups/3507994662580589  

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)