บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การวางแผนธุรกิจ
1.3K
2 นาที
11 เมษายน 2567
คุมร้านเอง VS จ้างผู้จัดการ แบบไหนดีกว่ากัน?
 

คาดการณ์ธุรกิจร้านอาหารในปี 2567 มีมูลค่าประมาณ 6.69 แสนล้านบาท และยังถือว่าเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนในทุกยุคสมัย แต่เรื่องที่คน “ทำร้านอาหาร” ต้องทำใจยอมรับคือ “คู่แข่งเยอะมาก” และตัวชี้วัดที่ธุรกิจจะอยู่รอดหรือไม่ก็คือ “การบริหารจัดการ” ซึ่งเป็นเคล็ดลับสำคัญที่สุด
 
ซึ่งมีการแสดงความคิดเห็นกันมากมายระหว่าง การคุมร้านเอง VS จ้างผู้จัดการร้านแบบไหนจะดีกว่ากันในแง่ของการทำธุรกิจ?

 
คุมร้านเอง มีข้อดี ได้แก่
  • ควบคุมได้หมดทุกอย่าง ธุรกิจอยู่ในสายตาทุกช่วงเวลา
  • รู้ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น และสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันที
  • ไม่ต้องเสียเงินจ้างผู้จัดการมาดูแล
  • ใส่ใจในธุรกิจตัวเองได้ดีกว่าการจ้างคนอื่นมาช่วยดูแล
คุมร้านเอง มีข้อเสียได้แก่
  • ขาดอิสระไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น ต้องเอาเวลามาดูแลร้าน
  • โอกาสเติบโตขยายสาขาทำได้ยาก เพราะต้องดูแลคนเดียว
  • ไม่มีไอเดียใหม่ๆเพราะต้องคิดคนเดียวทำคนเดียว
  • เสียเปรียบคู่แข่งที่มีระบบบริหารจัดการดีกว่า

ถ้ามองในภาพรวมเรื่องของ “รายได้” การคุมร้านด้วยตัวเองอาจประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องจ้างใครมาช่วย แต่ถ้าต้องคิดคนเดียวทำคนเดียวจนไม่มีเวลาไปต่อขยายกิจการให้เติบโต ปริมาณลูกค้าที่รับได้ต่อวันอาจไม่เพิ่มขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปร้านเราก็อาจจะยังมีขนาดเท่าเดิม ในขณะที่ร้านอื่นถ้ามีระบบบริหารจัดการดีกว่าอาจขยายสาขา หรือขยายร้าน รับลูกค้าได้มากขึ้น
 
ดังนั้นหากมองในอีกแง่หนึ่ง “ผู้จัดการร้าน” จึงเป็นเหมือนการวางระบบบริหารจัดการร้านให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เช่นกันว่าผู้จัดการร้านก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียได้แก่
 
 
จ้างผู้จัดการร้าน มีข้อดีได้แก่
  • เจ้าของร้านมีอิสระมากขึ้น มีเวลาไปทำธุรกิจอื่นเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม
  • โอกาสเติบโตของร้านและการสร้างรายได้ให้ร้านมีมากขึ้น
  • ได้ไอเดียใหม่ๆ จากผู้ที่มีประสบการณ์ทำร้านอาหาร
  • มีคนเก่งๆ มาช่วยบริหารงานช่วยทำในส่วนที่เจ้าของร้านยังขาดทักษะ
จ้างผู้จัดการร้าน มีข้อเสีย ได้แก่
  • มีต้นทุนเพิ่มในเรื่องค่าจ้างของผู้จัดการร้าน
  • การบริหารงานไม่เป็นไปตามคอนเซปต์ที่ตั้งใจไว้
  • ต้องเซ็ทระบบในร้านให้มากขึ้นเพื่อป้องกันเงินรั่วไหล
  • การตัดสินใจแก้ปัญหาทำไม่ได้ทันทีต้องรายงานเจ้าของร้านให้ทราบก่อน

สรุปโดยรวมแล้วหน้าที่ของผู้จัดการร้านคือ การบริหารคน , บริหารลูกค้า , บริหารยอดขาย และ บริหารกำไร ซึ่งทักษะที่ผู้จัดการร้านควรมีคือการสื่อสารที่เป็นเลิศ พูดคุยกับพนักงานในร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรรู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดี โดยเฉพาะการคุยกับลูกค้าในกรณีที่เกิดปัญหา และควรเชี่ยวชาญเรื่องการวางแผน กลยุทธ์ด้านการตลาด ทั้งนี้ผู้จัดการร้านเป็นตำแหน่งที่อาจมีรายได้สูง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์เป็นสำคัญ
 
ถ้าจะให้ฟันธงว่าแบบไหนดีกว่าถ้ามองในแง่ของการเติบโตทางธุรกิจการมีผู้จัดการร้านคือสิ่งที่จำเป็นมาก แต่ต้องไม่ลืมเรื่อง Mindset ที่ควรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับเจ้าของร้าน ถ้าร้านไหนที่ผู้จัดการร้านมี Mindset ที่ดีโอกาสเติบโตของธุรกิจก็สูงมาก  แต่ในอีกมุมหนึ่งถ้าเราเพิ่งเปิดร้านใหม่ อาจเริ่มต้นด้วยการ “บริหารร้านเอง” เพื่อให้เรียนรู้ในทุกปัญหา และเข้าใจในการทำธุรกิจมากขึ้น 
 
เพราะช่วงแรกหากเข้าไปดูแลร้านเองเราจะได้เห็นว่าอะไรคือปัญหา เช่นหั่นผักผิดวิธี ทำให้มีเศษผักเหลือทิ้งมาก ก็สามารถเข้าไปแก้ไขและสอนงานได้ทันที ทั้งยังทำให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในร้านโดยละเอียด ซึ่งจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้วางแผนเพื่อแก้ไข รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นซ้ำ และเมื่อร้านมีการเติบโตมากขึ้นค่อยวางแผนในการจ้างผู้จัดการร้านเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตมากขึ้นได้
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
612
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
490
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
427
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
402
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
394
ปี 2025 ธุรกิจยิ่งทำยิ่งจม! Preemptive Adaptatio..
385
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด