บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
819
2 นาที
10 กรกฎาคม 2567
เปิดสูตร “Frequency” ต้องเห็นโฆษณากี่ครั้ง! ถึงจะยอมซื้อ
 

หลักการตลาดพูดถึงการโฆษณาสินค้าว่าต้องนำเสนอข้อมูลที่จูงใจผู้บริโภค ซึ่งก็มีรูปแบบในการนำเสนอที่หลากหลายตามไอเดียของแต่ละแบรนด์ 

บางครั้งคนเราก็ตัดสินใจ “ซื้อสินค้า” เมื่อเห็นจากโฆษณา
 
ถ้าไม่ใช่สินค้าที่กำลังสนใจหรืออยากได้พอดี ส่วนใหญ่จะไม่ตัดสินใจซื้อเพียงเพราะเห็นจากโฆษณาในครั้งแรก มิหนำซ้ำยิ่งเห็นโฆษณามากๆ กลายเป็นรำคาญซะมากกว่าอีกด้วย
 
อย่างใน Facebook มักจะป้อนโฆษณาให้เราเห็นทุกๆ 20 ฟีดที่เลื่อนผ่าน ดังนั้นเราแทบจะเห็นโฆษณา 1 ชิ้นทุกๆ 1 นาทีก็ว่าได้
 
 
จึงมีคำถามน่าสนใจว่า “คนเราต้องเห็นโฆษณาสักกี่ครั้ง” ถึงจะรู้สึกว่าอยากซื้อสินค้านั้นๆ 
 
ในทฤษฏีการตลาดมีคำศัพท์น่าสนใจคือ Frequency ที่สื่อความหมายถึง ความถี่ที่คนคนหนึ่งสามารถเห็นโฆษณาซ้ำๆในช่วงเวลาหนึ่ง
 
มีสูตรคำนวณคือ Frequency =(จำนวนครั้งที่คนเห็นโฆษณา(Impression))/(จำนวนคนไม่ซ้ำกันที่เห็นโฆษณา (Reach))
 
ยกตัวอย่าง โฆษณาหนึ่งมีการมองเห็น (Impression) ทั้งหมด 3,000 ครั้ง
 
และมีคนเห็นโฆษณานี้แบบไม่นับซ้ำคนเดิม (Reach) ทั้งหมด 1,000 คน
 
เมื่อคิดตามสูตร Frequency=3,000/1,000 = 3 ครั้ง
 
 
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าคนเห็นโฆษณาเรา 3 ครั้งแล้วเขาจะซื้อสินค้าทันที ยังมีตัวแปรอีกหลายปัจจัยที่มากำหนดความถี่ของโฆษณาที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็น ประเภทของสินค้า ธุรกิจ และอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ความน่าสนใจของโฆษณาเองด้วย
 
ถ้าอ้างอิงจากหนังสือ Successful Advertising มีข้อมูลน่าสนใจระบุว่า การอัดโฆษณาให้คนเห็นในครั้งที่ 1 – 4 คนจะยังไม่สนใจนักแต่ถ้าเห็นในครั้งที่ 5 ตรงนี้จะเริ่มสนใจและอ่านเนื้อหาในโฆษณามากขึ้น แต่ถ้าเห็นโฆษณาในครั้งที่ 6 – 8 จะเปลี่ยนเป็นความรำคาญเหมือนถูกบังคับให้ดู แต่จะยังไม่ซื้อสินค้า ถ้าจะให้ถึงขั้นเห็นโฆษณาแล้วอยากได้สินค้านั้นจริง ต้องเห็นโฆษณาในครั้งที่ 10 ขึ้นไป หากถึงขั้นนี้ลูกค้ามักจะโน้มน้าวใจตัวเองให้คล้อยตามเนื้อหาในโฆษณาและจะลองซื้อสินค้ามาใช้
 
การที่คนเราไม่ตัดสินใจอะไรในทันที ต้องเห็นอะไรซ้ำๆ และใช้เวลาหลายครั้งกว่าจะให้ความสนใจ เนื่องจากว่าในแต่ละวันคนเรามีเรื่องต้องตัดสินใจมากกว่า 3,500 ครั้ง ซึ่งมีข้อมูลที่ระบุอีกว่า แค่เรื่องจะกินข้าวสักมื้อ สมองเรายังต้องมีการตัดสินใจกว่า 226 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ลือกว่าจะกินหรือจะยังไม่กิน แล้วถ้าจะกินจะเลือกกินอะไร จะกินร้านไหน จะต่อแถวมั้ย สั่งแล้วจะเพิ่มออปชั่นอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า

เช่น สั่งพิเศษ หรือไม่ใส่ผัก พอได้อาหารแล้วก็ต้องเลือกอีกว่าจะนั่งตรงไหน หรือปรุงอะไรเพิ่มไปบนอาหารที่ได้อีกไหม เป็นต้น กระบวนการคิดแบบเล็กๆน้อยที่เรารู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง ก็นับรวมเป็นหนึ่งในการตัดสินใจต่อวันของคนเรา
 

ภาพจาก https://elements.envato.com/
 
ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วสมองเราถูกออกแบบมาให้ขี้เกียจมากที่สุด และนั่นก็ส่งผลให้เราเกิดอาการไม่รับรู้ในสิ่งที่เราไม่ได้สนใจแม้ว่ามันจะอยู่ตรงหน้า ก็เลยเป็นที่มาของ Frequency ที่จำเป็นต้องมีความถี่ในการยิงโฆษณาเพื่อให้เข้าไปอยู่ในความรู้สึกของคนกลุ่มเป้าหมายได้
 
แต่ปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปมาก พฤติกรรมผู้บริโภคก็มีความเปลี่ยนแปลงไป จำนวนครั้งที่ลูกค้าเห็นอาจไม่ต้องให้ถึง 10 ครั้ง แต่เพียง 7 ครั้ง ลูกค้าก็จะเริ่มจดจำแบรนด์ได้ ซึ่งสถิตินี้เป็นไปตามกฎที่เรียกว่า The Rule of 7
 
และในโฆษณาบางประเภท ความถี่ของโฆษณาที่เหมาะสมก็อาจจะต่ำกว่า 7 ครั้ง เรื่องนี้ก็ยังไปสัมพันธ์กับ ต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ 1 คน หรือ Cost Per Acquisition (CPA) ซึ่งถ้าสูงเกินไป จนไม่คุ้มค่าที่จะเพิ่มความถี่ของโฆษณาขึ้นไปอีก
 
เรื่องเหล่านี้แม้จะเป็นทฤษฏีแต่ถ้ามองในหลักของความจริง การที่คนหนึ่งจำโฆษณาใดๆ ได้อาจไม่ใช่เพราะการมองเห็น แต่เพราะว่าเขาสนใจ ซึ่งแต่ละคนก็มีความสนใจแตกต่างไป ถ้าเป็นสินค้าแบบเดียวกัน แต่วิธีการนำเสนอแตกต่างกัน ผลลัพธ์ก็อาจแตกต่างกันได้ จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละแบรนด์ว่าจะใช้วิธีไหนในการนำเสนอเพื่อให้โฆษณามีประสิทธิภาพสู่สายตาลูกค้าได้มากที่สุด
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
605
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
496
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
418
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด