เผยกำไรจริงมั้ย ซื้อแฟรนไชส์ “สร้างอาชีพ” ในปี 68
 

ปัจจุบันการเลือกซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ที่พบเห็นมากที่สุดมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ Product and Brand Franchise และ Business Format Franchise ทั้ง 2 รูปแบบแฟรนไชส์ มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป 
 

คนที่กำลังมองหาธุรกิจแฟรนไชส์เพื่อเริ่มต้นธุรกิจ โดยใช้เงินลงทุนต่ำ คืนทุนเร็ว เปิดร้านได้เร็ว แฟรนไชส์รูปแบบ Product Franchise หรือ แฟรนไชส์สร้างอาชีพ น่าจะเหมาะสำหรับคุณ 
 

รูปแบบแฟรนไชส์ Product Franchise เป็นอย่างไร น่าลงทุนมากแค่ไหน ได้กำไรจริงมั้ย มาดูกัน 

 

 

เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ที่ให้สิทธิในตัวผลิตภัณฑ์หรือเครื่องหมายการค้า เพื่อการผลิตหรือจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์นั้นๆ โดยเจ้าของแฟรนไชส์จะกำหนดมาตรฐานทางคุณภาพด้านต่างๆ ให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ปฏิบัติตามให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบางส่วนแก่เจ้าของแฟรนไชส์ เช่น Franchise Fee เพื่อรับสิทธิใช้เครื่องหมายการค้า
 

ผู้ซื้อแฟรนไชส์แบบ Product Franchise จะทำหน้าที่จัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์เดียวกัน โดยที่เจ้าของแฟรนไชส์จะไม่เข้าไปควบคุมการดำเนินกิจการของผู้ซื้อแฟรนไชส์มากนัก เพียงแค่ดูแลการผลิตสินค้าให้มีมาตรฐานตามข้อกำหนดเท่านั้น
 

การซื้อแฟรนไชส์ในรูปแบบ Product Franchise ส่วนใหญ่ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะจ่ายเงินครั้งเดียวให้กับเจ้าของแฟรนไชส์ โดยเงินจำนวนดังกล่าว เป็นค่าแฟรนไชส์หรืองบลงทุนสำหรับเปิดร้านแฟรนไชส์นั้นๆ ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้รับการฝึกอบรม โมเดลร้าน (เคาน์เตอร์+คีออส+ซุ้ม+ตู้) รวมถึงวัสดุ+อุปกรณ์ ป้ายชื่อร้าน รวมถึงวัตถุดิบต่างๆ สำหรับทำขายชุดแรก  
 

ธุรกิจแฟรนไชส์แบบ Product Franchise ในเมืองไทยส่วนใหญ่แฟรนไชส์ “สร้างอาชีพ” ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องซื้อวัตถุดิบบางส่วนจากเจ้าของแฟรนไชส์เพื่อความเป็นมาตรฐานของแบรนด์ เช่น ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว, โกเด้ง โฮเด้ง, ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิด, นาเนียสเต๊ก, ธงชัยผัดไทย, โยกุรุโตะ, เกาเหลาเนื้อธัญรส, มารุวาฟเฟิล, ชีสซี่ฟราย สแน็ค ฯลฯ 

 

แฟรนไชส์อาหารในรูปแบบสตรีทฟู้ดไทยขนาดเล็กที่เป็นแฟรนไชส์สร้างอาชีพอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก และเคยได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยกันมาบ้างแล้ว นั่นคือ “ไจแอ้นลูกชิ้นระเบิด”
 

ปัจจุบัน “ไจแอ้นลูกชิ้นระเบิด” ก้าวขึ้นมาเป็นแฟรนไชส์ลูกชิ้นทอดอันดับ 1 ของเมืองไทยไปแล้ว เป็นแฟรนไชส์สร้างอาชีพที่มีสาขามากกว่า 2,500 สาขาทั่วประเทศ แบบว่าไปที่ไหนก็จะมีเกือบทุกที่เหมือนกับ...ไก่ย่างห้าดาว ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว

การลงทุนแฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้นระเบิด” 

#สมสมติลงทุนแฟรนไชส์ชุด 54,900 บาท ขายได้ 3,000 บาท/วัน 
 

#กำไร 60% = 1,800 บาท/วัน หรือ 54,000 บาท/เดือน 
 

#ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 1 เดือนกว่าๆ  

ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิด สนใจลงทุน แฟรนไชส์ คลิก https://bit.ly/3i6W2Vm  โทร.085-2535588 , 092-7206999

อีกหนึ่งแฟรนไชส์สร้างอาชีพในรูปแบบ Product Franchise ถือเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ร้านอาหารสตรีทฟู้ดที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย โดยสาขาของชายสี่บะหมี่เกี๊ยวเกือบ 1 ใน 3 ของ 7-Eleven 
 

ปัจจุบันชายสี่บะหมี่เกี๊ยวมีสาขามากกว่า 4,500 แห่ง ในขณะที่ 7-Eleven มีสาขาประมาณ 14,500 แห่งทั่วประเทศ
   

รวมต้นทุนคร่าวๆ 2,100 บาท + ค่าจ้างลูกน้อง 2 คน (300 บาท/คน) = 2,700 บาท 
 

                                           

ถ้าวันนึงขายหมดจะมีรายได้ราวๆ 4,500-5,000 บาท แต่ต้องขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง ถ้าเราคำนวณเอารายได้ 4,500 บาท - ต้นทุน 2,700 บาท = 1,800 บาท ก็เท่ากับว่า เราจะมีกำไรต่อวัน เมื่อหักค่าใช้จ่ายประมาณ 1,800 บาท ถ้าหักค่าแรงของตัวเองไปด้วย 1,000 บาท ก็จะเหลือ 800 บาท หากคิดเป็นรายได้เดือนก็ตกประมาณ 24,000 บาท / สาขา       
  

#ระยะเวลาคืนทุน 125,000 / 24,000 = 5.2 เดือน โอกาสคืนทุนอยู่ที่ประมาณ 5-6 เดือน
 

ตัวอย่างแฟรนไชส์ซีของชายสี่ฯ ที่ประสบความสำเร็จ เขาเปิดร้านที่ตลาดเจ้าพระยาบางใหญ่ ขายมาเป็น 10 ปีแล้ว ช่วงเปิดร้านขายแรกๆ ใช้เส้นบะหมี่วันละประมาณ 4-5 กิโลกรัม ตอนนี้ใช้เส้นบะหมี่วันละประมาณ 15 กิโลกรัม รายได้สูงสุดในช่วงเทศกาลต่างๆ เคยสูงสุดแตะที่ 50,000 บาท แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติก็ขายได้ดีไม่แพ้กัน กำไรต่อเดือนเฉลี่ยที่ 30,000 บาท
 

ถ้าดูจากตัวเลขที่วิเคราะห์และแฟรนไชส์ซีตัวจริงแล้ว จะเห็นว่า “น่าลงทุน” แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกสาขาจะมียอดขายแบบนี้เท่ากันหมด มันขึ้นอยู่กับทำเล และความขยัน ตั้งใจทำจริง รวมถึงการบริการก็เป็นสิ่งสำคัญด้วย
 

ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว สนใจลงทุน คลิก  https://bit.ly/3YUSPLn โทร.090-9086910 , 090-9086914 , 090-9086929

 

สุดท้าย แม้ว่าธุรกิจอาหาร จะเป็นอีกธุรกิจที่ผันผวนไปตามฤดูกาลและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เพราะเป็นธุรกิจที่ “เปิดง่าย-เจ๊งง่าย” ใครสายป่านยาวก็ได้ไปต่อ แต่ถ้ามีทุนไม่พอ ก็ต้องยกธงขาวโบกมือลา
 

แต่อย่าลืมว่า ข้อดีของ “ธุรกิจอาหาร” ที่ทำให้คนไทยนิยมเปิดร้านกันมากที่สุด แม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี ต้นทุนสูง มีคู่แข่งเยอะ กำลังซื้อหายหายไป เพราะอาหารน่าจะเป็นของที่ขายง่ายที่สุด อย่าลืมว่ายังไงคนก็ต้องกินต้องใช้
 

ถ้ารสชาติไม่แย่ ไม่สกปรกจนเกินไป เปิดร้านได้ในทุกๆ ทำเล ค่าเช่าไม่ได้แพงมาก ราคาอาหารไม่สูงเวอร์จนเกินไป ที่สำคัญธุรกิจอาหารประเภทนั้นต้องเริ่มได้ง่าย สินค้าไม่เป็นกระแส ใช้เงินทุนไม่เยอะ มี know how ที่ไม่ยุ่งยาก...ยังไงก็ไม่เจ๊งครับ   
 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)