บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
270
3 นาที
25 ธันวาคม 2568
วิกฤติหนัก เศรษฐกิจไทย “เผาหลอก” ปีนี้ “เผาจริง” ปีหน้า
 

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2568 เจอกันหนักและได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ถ้าบอกว่าปีนี้เผาจริง แสดงว่าปีหน้า 2569 สถานการณ์จะต้องดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงวิเคราะห์แล้วว่าไม่น่าใช่เพราะมองดูแบบภาพรวมยังเจอปัจจัยเสี่ยงอีกหลายประการที่พร้อมฉุดรั้งการเติบโตของประเทศ 
 
มองกันในอีกมุมหนี่ง”อะไรที่ว่าแย่ในปีนี้อาจจะเพียงแค่ “เผาหลอก” แต่ปีหน้าเรื่องราวจะแย่ยิ่งกว่าเข้าขั้นที่เรียกว่า "เผาจริง” ซึ่งสรุปเป็นภาพรวมของเศรษฐกิจในปี 68 ที่เจอปัญหานานับประการได้แก่
 
1.ภาระค่าครองชีพสูงและกำลังซื้ออ่อนแอ
 

ภาพจาก https://app.envato.com

ปี 2568 ประเทศไทยยังคงอยู่ในภาวะ “เงินเฟ้อต่ำแต่ค่าครองชีพสูง” รายได้เฉลี่ยของคนไทยแทบไม่โตแต่ราคาสินค้าจำเป็น (อาหาร เครื่องดื่ม พลังงาน) กลับขึ้นสะสมต่อเนื่องหลายปี ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ ราคา
 
ในการตัดสินใจซื้อ ยิ่งถ้าดูข้อมูลยิ่งชัดเจนว่า
  • 72% ของผู้บริโภคไทยระบุว่า “ราคา” คือปัจจัยอันดับ 1 ในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
  • ครัวเรือนไทย 64% ลดการใช้จ่ายสินค้าที่ “ไม่จำเป็น”เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนเอาไว้ใช้ในแต่ละเดือนมากขึ้น
  • 58% เปลี่ยนไปซื้อสินค้าแบรนด์ถูกกว่า แม้จะไม่ชอบในเรื่องยี่ห้อหรือคุณภาพก็ตาม
  • 81% ของผู้ซื้อออนไลน์เช็คราคาจากหลายช่องทางก่อนตัดสินใจซื้อ
  • 63% ยอมรอ Flash Sale เพื่อซื้อในราคาต่ำสุด แม้จะต้องการสินค้าเหล่านั้นอย่างมาก
และปัญหาภาระค่าใช้จ่ายที่สูงทำให้กำลังซื้อของภาคครัวเรือนโดยรวมยังคงอ่อนแอ ส่งผลกระทบต่อภาคค้าปลีกและการฟื้นตัวของธุรกิจเป็นอย่างมาก
 
2.ปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนที่วิกฤติหนัก
 

ภาพจาก https://app.envato.com

จากข้อมูลสำรวจระบุว่าหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนในปี 2568 สูงถึง 740,596 บาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี และเพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน แต่ปัญหาที่หนักยิ่งกว่าคือคุณภาพหนี้ที่แย่ลงอย่างรวดเร็ว 
 
โดยเฉพาะในกลุ่มลูกหนี้เปราะบาง ที่เป็นครัวเรือนรายได้น้อย มีสัดส่วนหนี้เสีย(NPLs) อยู่ที่ 1.24 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ “หนี้ผ่อนบ้าน” ก็หนักไม่แพ้กัน 
 
ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์พบว่า ในไตรมาส 2 ปี 2568 จำนวนที่อยู่อาศัยที่ถูกยึดและประกาศขายโดยกรมบังคับคดี เพิ่มขึ้นสูงถึง 210.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท เท่านั้นยังไม่พอในไตรมาส 1 ปี 2568 มีคนไทยกว่า 5.4 ล้านคนติดหนี้เรื้อรัง ที่เกิดจากพฤติกรรมชอบจ่ายขั้นต่ำ-ผิดนัดชำระ 
 
และน่าตกใจกว่า คือถึงจะเป็นคนที่สามารถจ่ายไหว แต่กว่า 65% ก็ยังเลือกจ่ายขั้นต่ำ ทำให้เสี่ยงต่อการสะสมดอกเบี้ยสูงไปเรื่อยๆ และกลายเป็นวงจรหนี้ที่ไม่สิ้นสุด
 
3.อัตราการว่างงานและรายได้ที่ลดลง
 

ภาพจาก https://app.envato.com

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) แสดงให้เห็นว่าอัตราการว่างงานโดยรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ประมาณ ร้อยละ 0.9 จากผู้ว่างงานประมาณ 3.66 แสนคน โดยกลุ่มนักศึกษาจบใหม่มีอัตราการว่างงานสูงสุดที่สะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณของตลาดแรงงานที่ยังซบเซา 
 
อันเนื่องมาจาก เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัญหาการปรับโครงสร้างธุรกิจทำให้องค์กรต่างๆ ระมัดระวังการรับพนักงานใหม่ โดยเฉพาะบัณฑิตที่ไม่มีประสบการณ์ ส่งผลให้กลุ่มเด็กจบใหม่เป็นกลุ่มที่หางานทำได้ยากที่สุด สวนทางกับเรื่องของรายได้จากการทำงานที่ลดลง ซึ่งพบว่าค่าเฉลี่ยรายได้จากการทำงานต่อครัวเรือน ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่เฉลี่ย 19,616 บาทต่อเดือน
 
4.ธุรกิจทยอยปิดกิจการสู้ภาวะเศรษฐกิจไม่ไหว
 

ภาพจาก https://app.envato.com

โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สะท้อนได้จากข้อมูลการจดทะเบียนเลิกกิจการในช่วงปี 2568 มีตัวเลขที่สูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค. 2568) มีการจดทะเบียนเลิกกิจการกว่า 3,107 ราย เพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
  • 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค. 2568) มีธุรกิจปิดกิจการสะสม 4,700 - 6,244 ราย โดยมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่ลดลง 5%
  • 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค. 2568): มีบริษัทเลิกกิจการรวมกว่า 8,000 ราย คิดเป็นทุนจดทะเบียนรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท
  • 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค. 2568) ธุรกิจปิดตัวมากกว่า 9,729 ราย
โดยธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มีการปิดกิจการมากที่สุดในช่วงไตรมาสแรกของปี และเป็นกลุ่มที่เสี่ยงขาดทุนต่อเนื่อง ตามมาด้วยธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวและปัญหาหนี้ครัวเรือน ทำให้การลงทุนใหม่ลดลง
 
5.เศรษฐกิจไทยโตช้าปัญหาเยอะ
 
คาดการณ์ตัวเลข GDP ของแต่ละหน่วยงานอาจไม่เท่ากันแต่ก็อยู่เฉลี่ยระหว่าง 2.0-2.4% ซึ่งถือว่าเติบโตช้าถ้าเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน ถ้าวิเคราะห์ลงลึกไปก็เจอปัญหาที่ฉุดรั้งในหลายเรื่องเช่น
  • ภาษีจากสหรัฐ 19% ทำให้สินค้าไทยแข่งขันยากขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนต่ำกว่า
  • วิกฤติทุนจีน / สินค้าจีนทะลัก ทำให้ตลาดในประเทศมีการแข่งขันในสงครามราคาสูงมาก SMEs ในภาคการผลิตหลายรายต้องปิดตัวลง เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจีนราคาถูกได้
  • ความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่บั่นทอนความเชื่อมั่น ของนักลงทุนต่างชาติ (FDI) และนักลงทุนในประเทศ
  • ภัยธรรมชาติ ทั้งปัญหาภัยแล้ง , น้ำท่วม มีผลกระทบอย่างมากทั้งในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม และการฟื้นฟูที่ต้องใช้ระยะเวลานาน ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศได้
มองเศรษฐกิจปี 2568 อาจจะ“เผาจริง” เฉพาะกลุ่ม
 

ภาพจาก https://app.envato.com

ถ้าวิเคราะห์จากข้อมูลทั้งหมดสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ในปี 2568 อาจยังมองว่าเป็นการเผาหลอกแต่สำหรับ ครัวเรือนรายได้น้อย และ ธุรกิจ SMEs ที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศ ซึ่งต้องเผชิญกับหนี้ท่วมและการแข่งขันที่เอาชนะไม่ได้ ถ้าดูตัวเลขจากผลสำรวจชี้ว่า SMEs ไทยได้รับผลกระทบจากหลายทาง
  • 70.9% ของ SMEs ได้รับผลกระทบ จากสินค้านำเข้าจากจีนที่แย่งส่วนแบ่งตลาด
  • 45 % ของ SMEs ระบุว่า สินค้าจากจีนมีราคา ต่ำกว่า 20-40% เมื่อเทียบกับสินค้าไทย
ซึ่งนอกจากปัจจัยด้านคู่แข่งและกำลังซื้อที่อ่อนแอ ยังต้องเจอกับปัญหา การขาดสภาพคล่อง และ การเข้าถึงสินเชื่อที่ทำได้ยาก ทำให้หลายธุรกิจต้องเลือกที่จะปิดกิจการ จึงเป็นการยืนยันได้ดีว่าในกลุ่ม SMEs ในปีนี้ก็ไม่ต่างจากการเผาจริง และปีหน้า 2569 ไฟที่เกิดจากการเผาจริงก็อาจจะยังไม่ได้จางหายแต่จะกลายเป็นสุมไฟเพิ่มให้คนที่แย่อยู่แล้วก็ยิ่งหนักมากขึ้น แต่สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ยังดูว่าปีนี้ “เผาหลอก” คือแม้จะหนักแต่ก็ยังรับมือได้อันเนื่องมาจากกำไรยังเติบโตได้ดี และกลุ่มนี้เองที่ยังช่วยฉุดให้ตัวเลข GDP ของประเทศโดยรวมดูไม่ย่ำแย่จนเกินไป
 
ปี 2569 “หนักจริง” ถ้าไม่มีแผนรับมือ “วิกฤติหนัก”
 

ภาพจาก https://app.envato.com

ถ้าปี 2568 ยังหนักขนาดนี้ ปี 2569 น่าจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม มองแนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ถูกคาดการณ์ว่าจะอยู่ในช่วง 1.2% - 2.0% ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ก็แน่นอนว่าเป็นปัญหาที่สืบเนื่องมาจากปีนี้ที่ยังวิกฤติและแก้ไม่ได้ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำ , หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง , กำลังซื้ออ่อนแอ , ภาคการส่งออกลดลง , ความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกไม่ว่าจะความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ , สงครามการค้า ทุกอย่างล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจปี2569 อย่างหนัก
 
ในกลุ่ม SMEs ที่ปี 2568 ก็ไม่ต่างจากเผาจริงไปแล้ว ปี 2569 อาจจะหนักยิ่งกว่า ใครที่ยังอยู่รอดได้ต้องเตรียมรับมืออย่างเป็นระบบ เพราะปี 2569 ก็ยังต้องเจอวิกฤติกำลังซื้อที่อ่อนแอและการแข่งขันด้านราคาที่สูง แม้กระทั่งธุรกิจขนาดใหญ่เองที่ในปี 2568 อาจจะพออยู่รอดได้ แต่ในปี 2569 อาจเดินหน้าไม่ตลอดรอดฝั่ง ซึ่งตอนนี้ผู้บริหารธุรกิจยักษ์ใหญ่ทั้งหลายได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะโตต่ำ เริ่มมีมาตรการรัดเข็มขัดลดงบประมาณการตลาด และหันมาให้ความสำคัญกับ "การทำกำไร" มากกว่าการเติบโตของรายได้
 
อย่างไรก็ดีในวิกฤติก็ยังพอมีโอกาสธุรกิจที่เป็นเทรนด์ใหม่และน่าจับตามองในปี 2569 เช่น
  1. ธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health & Wellness) ที่สอดคล้องกับสังคมสูงวัย, เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Quality Tourism) และกระแสของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
  2. ธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ (Wellness & Anti-Aging) อันเนื่องจากกลุ่มประชากรสูงวัยมีจำนวนเพิ่มขึ้นและมีกำลังซื้อ ทำให้ความต้องการบริการทางการแพทย์ที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่เน้นคุณภาพก็คาดว่าจะมีการเติบโตมากเช่นกัน
  3. ธุรกิจ Soft Power และคอนเทนต์ (Content & Influencer) รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิต คอนเทนต์ออนไลน์ (YouTuber, TikToker, Influencer) และ E-commerce ยังคงเป็นช่องทางการค้าขายหลักที่เติบโตได้ดีที่สุด
การคาดการณ์ล่วงหน้าเป็นสิ่งที่เราทำได้ผ่านการใช้ข้อมูลเท่าที่มีในการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น เรื่องของเศรษฐกิจก็เช่นกัน จากข้อมูลทั้งหมดที่มีทำให้ประเมินศักยภาพทางเศรษฐกิจในปีหน้าว่าเข้าขั้นวิกฤติ 
 
คนทำธุรกิจเองก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องวางแผนรับมือให้ถูกต้องเพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา การปรับเปลี่ยนธุรกิจให้คล้อยตามกระแสยุคใหม่ก็เป็นหนึ่งในวิธีลดแรงกระแทกที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าปี 2569 ปัญหาทางเศรษฐกิจจะหนักแค่ไหน ทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
.
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
641
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
586
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
534
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
478
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
462
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
455
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด