บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ไอเดียธุรกิจ
4.0K
2 นาที
26 กุมภาพันธ์ 2559
เผยโฉม! ปลูกพืชแนวดิ่ง เทรนด์ใหม่ของโลก

นี่ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มากยิ่งในประเทศที่มีเกษตรกรรมเป็นหลักอย่างบ้านเราด้วยแล้วการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากระแสโลกดูจะเป็นสิ่งสำคัญว่ากันว่าจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อ 200 ปีก่อนได้ทิ้งมรดกให้โลกอย่างหนึ่งคือการแบ่งแยกระหว่างสังคมเมืองกับชนบทรวมถึงการแบ่งแยกด้านอาชีพและความเป็นอยู่ด้วย


แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนโลกของไอทีมีมากขึ้นความเป็นดิจิตอลเข้ามามีบทบาทในชีวิตอย่างชัดเจน วิถีแห่งชนบทเองก็ต้องเปลี่ยนไปดังนั้นเรื่องของเกษตรกรรมที่เคยคิดว่าจะอยู่แค่ต่างจังหวัดหรือเป็นเรื่องของเกษตรกรต่อจากนี้คิดอย่างนั้นไม่ได้แล้วครับ

กับบทบาทล่าสุดที่มีผู้บุกเบิกเอาทฤษฏีการเกษตรแนวดิ่งหรือจะเรียกว่าการปลูกพืชในตึกสูงขอย้ำนะครับว่าเป็นการสร้างอาคารเพื่อการปลูกพืชโดยเฉพาะไม่ใช่เพียงแค่การเป็นสวนผักลอยฟ้าตามอาคารสูงที่ใครหลายคนอาจคิดว่าเป็นแบบนั้นเราเรียกอาคารแบบนี้ว่า “Vertical Farm”

มีการคำนวณกันต่อไปว่าถ้าจะสร้างอาคารแบบ “Vertical Farm” นี้น่าจะใช้ไม่น้อยกว่า 150 อาคารเพื่อที่จะใช้ปลูกพืชเลี้ยงคนจำนวนมากในแต่ละหัวเมืองแต่ถึงแม้ว่านี่คือความคิดแบบสุดโต่งที่น่าจะเกิดได้ยากแต่ในปัจจุบันแนวคิดนี้ก็เริ่มแพร่หลายไปสู่ประเทศต่างๆมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศในแถบทะเลทรายที่พื้นที่การเพาะปลูกมีน้อยมากการสร้างอาคารให้กลายเป็นศูนย์รวมของแหล่งอาหารแบบนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ใกล้เคียงที่สุด


ซึ่งหลายคนก็ยังสงสัยว่าอาคารที่อาจจะเรียกว่าเป็นครัวโลกอย่างนี้จะมีระบบการบริหารจัดการอย่างไรและงบการลงทุนจะมหาศาลแค่ไหนเพื่อให้ได้เพียงพอกับการบริโภคที่ต้องการ

ระบบอาคาร
  1. เรื่องพลังงานอาคารที่ใช้ทำไร่นั้นจะอาศัยพลังงานหมุนเวียนโดยแผงSolarCellที่อยู่เหนือยอดตึกสามารถที่จะหมุนตามดวงอาทิตย์ได้กังหันลมจะดักลมเพื่อนำมาผลิตพลังงานไฟฟ้าพืชผักเหลือทิ้ง หรือ มูลสัตว์ที่เลี้ยงในอาคารจะถูกนำมาทำพลังงานชีวมวล
  2. รูปทรงของอาคารต้องเป็นทรงกระบอกเพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด กระจกของอาคารถูกเคลือบด้วยTitaniaเป็นกระจกที่สามารถทำความสะอาดตัวเองได้จะใสปิ๊งตลอดเวลา
  3. ซอฟต์แวร์ Smart Farm ซึ่งจะทำให้อาคารทำการเพาะปลูกพืช 24 ชั่วโมง ทั้งปีโดยไม่มีวันหยุด โดยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจสภาพแวดล้อมตรวจการเจริญเติบโตของพืชตรวจจับแมลงตรวจจับความสุกซึ่งสามารถเฝ้าดูจากหน้าจอมอนิเตอร์ได้เกือบทุกอย่างทั้งผัก ผลไม้ ธัญพืช สามารถเลี้ยงปลา ไก่ หมู ได้
  4. น้ำที่เกิดจากการคายน้ำของพืชจะมีความบริสุทธิ์สูงสามารถเก็บน้ำที่เกิดจากการคายน้ำโดยการใช้MoistureCollectorซึ่งจะนำน้ำมารวมกันบรรจุขวดขายได้ เป็นน้ำจากการคายน้ำของพืช ซึ่งจะกลายเป็นธุรกิจน้ำดื่มแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนว่ากันว่าจากระบบการคายน้ำของพืชผักในอาคารจะสามารถผลิตน้ำได้สูงถึง 300 ล้านลิตรเลยทีเดียว
  5. น้ำเสียต่างๆ ที่เกิดจากกิจกรรมในอาคารนี้ สามารถกรอง และนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อรดน้ำพืชได้ ทำให้อาคารผลิตของเสียน้อยมาก และใช้น้ำจากการประปาน้อยลงด้วย


ว่ากันที่เรื่องงบประมาณในการก่อสร้าง

อาคารแบบ Vertical Farming นี้น่าจะใช้งบประมาณสูงถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหวังว่าการทำไร่บนตึกสูงนี้จะทำกำไรด้วยความสามารถในการผลิตอาหารเลี้ยงประชากรได้ 72,000 คน และยังจะเป็นจุดท่องเที่ยวได้อีกด้วย ศักยภาพของอาคารนี้สามารถปลูกพืชได้กว่า 100 ชนิด เลยทีเดียว


ตัดกลับมาที่บ้านเราเล็กน้อยซึ่งใครอาจจะมองว่านี่คือเรื่องของอนาคตแต่ในต่างประเทศเขาเริ่มเรื่องนี้เป็นทางการไปแล้วที่ประเทศไทยเองอาจจะรู้จักกันอย่างดีก็คือการทำสวนผักลอยฟ้า

แต่เชื่อเราเถอะว่าแนวคิดนี้เอามาปรับใช้ในประเทศไทยได้แน่กับอนาคตที่พื้นที่การเกษตรของเราลดน้อยลงไปเรื่อยๆสวนทางกับประชากรที่มากขึ้นทุกวัน จากที่เคยมีอาหารอุดมสมบูรณ์ก็จะเริ่มขาดแคลนได้ นี่คือรูปแบบของธุรกิจแบบสมัยใหม่ที่ล้ำหน้าไปค่อนข้างมากแต่เป็นความล้ำหน้าที่มีคุณค่ามาก ใครที่อยากจะนำหน้าด้านการทำธุรกิจเกษตรใช้แนวความคิดนี้เป็นแบบอย่างและน่าจะมีธุรกิจอีกหลายอย่างที่เอามาเชื่อมโยงกับเกษตรแนวดิ่งแบบนี้ได้ในอนาคต


ข้อมูลและรูปภาพ :
http://goo.gl/qsnAon
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
จับเทรนด์ยุคใหม่ เลิกกลัว AI แย่งงาน แต่ให้กลัวค..
2,793
รวมธุรกิจเสือลำบาก ปี 2567/2024 โหดจัด ไปไม่รอด!
1,406
โหดจัด! ฟาสต์ฟู้ดจีน ไล่แซงแบรนด์ตะวันตก
720
เศรษฐกิจทรุดครึ่งปี! เลิกจ้างงานนับหมื่น บริษัทฯ..
641
รวมวิธีคิดเหนือชั้นทำให้รู้ว่า “ธุรกิจติดตลาด” ห..
561
10 ไอเดียแคมเปญโปรโมชั่น ร้านอาหาร เพิ่มยอดขาย ฉ..
491
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด