บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    เรื่องราวความสำเร็จ
2.4K
2 นาที
6 กรกฎาคม 2559
“Reebok” สอนธุรกิจ.. กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ ทางลัดสู่ความสำเร็จที่ดีเกินคาด
 
โลกของธุรกิจไม่ใช่จะมีแค่ในตำราเนื้อหาที่ถูกสอนกันมาแท้ที่จริงก็เป็นเพียงคำบอกเล่าที่ไม่มีวันประสบความสำเร็จได้ถ้าปราศจากการนำมาใช้ง่ายอย่างถูกวิธี

ทั้งนี้การพลิกแพลงดัดแปลง เรียนรู้ สะสมประสบการณ์ถือว่ามีค่ากว่าการเรียนรู้จากตำรานับพันเล่ม ธุรกิจระดับโลกมากมายกว่าจะก้าวมาถึงจุดสูงสุดที่ใครมองว่าสุดยอด

แท้ที่จริงเขาต้องผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านจุดต่ำสุดและแน่นอนว่าเมื่อมีวิกฤติธุรกิจที่โชกโชนย่อมตกผลึกถึงความคิดที่เรียกว่าเป็นสูตรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่ง “Reebok” ก็เป็นเช่นนั้น และจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีถ้าเราประยุกต์เอาแนวคิดตกผลึกนี้มาใช้กับการทำธุรกิจของตัวเองได้บ้าง
 
www.ThaiFranchiseCenter.com พาทุกท่านมาสู่โลกของธุรกิจที่ใช้หลักการของการเปลี่ยนภาพลักษณ์สร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจชนิดที่เรียกว่ากล้าได้กล้าเสียถือเป็นการเดิมพันที่มีค่าเพราะสุดท้ายถ้ามีการวางแผนอย่างเป็นระบบวิธีการนี้พาธุรกิจของเราไปติดลมบนได้สบายๆทีเดียว
 
จุดกำเนิดของ Reebok เน้นที่ความเป็นนักกีฬาเท่านั้น! 

Reebok ก่อตั้งขึ้นในปี 1958  จากสไตล์ของการเป็นอุปกรณ์เสริมของร่างกายในการเล่นกีฬาให้มีประสิทธิภาพหรืออีกนัยหนึ่งคือการสร้างภาพจดจำว่าการใส่ Reebok นั้นจะทำให้กลายเป็น Sport man หรือ  Sport woman มากขึ้น

สอดคล้องกับแนวทางการออกกำลังกายที่กำลังท็อปฮิตไปทั่วโลก ซึ่งคู่แข่งที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันต่างก็หยิบจับเอาประเด็นนี้ขึ้นมาสู้ ผลที่สุดเมื่อแนวคิดไม่แตกต่างก็ต้องใช้กลยุทธ์เพื่อสร้างการจดจำถึงความเป็นสุดยอดแบรนด์และจุดนี้ที่ทำให้ Reebok ถูกสั่นคลอนจากคู่แข่งรายอื่นๆอยู่ไม่ใช่น้อย
 
จากข้อมูลทางการตลาดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Reebok มีส่วนแบ่งการตลาดเพียงแค่ 8 เปอร์เซ็นต์ และแนวโน้มก็ดูว่าจะลดลงต่อไปเรื่อยๆอีกด้วย เหตุผลหนึ่งคือการเลือกใช้พรีเซนเตอร์เป็นนักร้องฮิปฮอปชื่อดัง สู้กับแบรนด์คู่แข่งที่เลือกใช้ซุปเปอร์สตา เหตุผลเดียวกันคือแข่งขันกันชูภาพลักษณ์แต่แตกต่างที่กลุ่มคนและฐานการนิยมในพรีเซนเตอร์

ในขณะที่คู่แข่งดึงซุปเปอร์สตาที่เป็นระดับไฮโซทำให้คนที่ติดตามจดจำภาพลักษณ์สินค้าว่าโดดเด่นและเป็นเกรดพรีเมี่ยม ขณะที่นักร้องฮิปฮอปของ Reebok อยู่ในกลุ่มตลาดกลาง

ทำให้การกำหนดราคาขายไม่สามารถโดดเด่นและแพงกว่าคู่แข่งได้ข้อสรุปเรื่องนี้คือในขณะที่ด้านหนึ่งเป็นภาพตัวแทนของชีวิตสุดหรูและทะเยอะทะยาน Reebok กลับเป็นภาพของชุมชนทั่วไปซึ่งเรื่องนี้ฉุดกระแสการซื้อขายและสร้างปัญหาอย่างมากให้กับ Reebok

ปฏิรูปความคิดใช้การตลาดที่สื่อความเป็นตัวเองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Marcus Wilson และ Michael Schaeffer หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของ Reebok มองว่าตลาดที่เข้าไปแข่งขันด้วยการชูภาพลักษณ์ที่ผิดเพี้ยนไม่ใช่ตัวตนของ Reebok ที่แท้จริง เพราะจุดกำเนิดของ Reebok คือกีฬาไม่ใช่แฟชั่นหรือว่าสังคมไฮโซ

การเข้าไปแข่งในเวทีที่ไม่มีวันชนะย่อมหมายถึงความเสียหายที่ตามมา Reebok จึงปฏิรูปความคิดหันมาใช้กลยุทธ์เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ 3 อย่างแต่ผลที่ตามมากลับดีเกินคาดแม้ไม่แย่งส่วนแบ่งการตลาดได้มากนักแต่ก็ทำให้ Reebok มีภาพลักษณ์สำหรับการจดจำที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
1.เน้นรูปลักษณ์ที่ความเรียบง่าย

ความเป็น Reebok คือสวมใส่แล้วต้องสบายไม่จำเป็นต้องโฉบเฉี่ยวหรือเป็นผู้นำแฟชั่นแต่ในกลุ่มคนรักการเล่นกีฬาขอเพียงแค่รองเท้าที่มีประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวที่ให้ความกระฉับกระเฉงด้วยเหตุนี้ Reebok พัฒนาสินค้ามาหลายรุ่นที่ตอบสนองความต้องการชัดเจนที่สุดคือ Reebok EasyTone สำหรับคุณผู้หญิงที่สนใจออกกำลังกาย

แต่ยังขาดความสะดวกสบายเรื่องรองเท้า Reebok EasyTone นี้ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องเน้นความไฮโซแต่ใช้แล้วรู้สึกดีและที่สำคัญเป็นราคาที่ง่ายๆทุกคนสามารถจ่ายเงินและเป็นเจ้าของแบบไม่ยากเย็น
 
2.สร้างจุดอ่อนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

การตลาดของ Reebok ถ้าให้สู้กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่คงเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะแนวทางการตลาดที่ก้าวไปไกลกว่าแต่ Reebok เองก็ใช่ว่าจะยอมให้ส่วนแบ่งที่ถือครองอยู่สั่นคลอนได้ง่ายๆ กับแนวทางการนำเสนอที่เปลี่ยนรูปแบบจูงใจให้คนรู้ว่ารองเท้ากีฬาสไตล์ Reebok นั้นแท้ที่จริงมีความสำคัญกับการเล่นกีฬาเพียงใด

แม้ไม่ใช่รองเท้าราคาเลิศหรู แต่ในเมื่อเป้าหมายของการเล่นกีฬาคือเน้นที่สุขภาพหรือว่าชัยชนะ Reebok ไม่สวยเว่อร์แต่พร้อมสู่ความสำเร็จกับการแข่งขันได้ทุกเวลา นั้นคือนิยามที่สื่อออกมาทำให้คนเห็นภาพและรู้สึกถึงทางเลือกที่น่าสนใจทำให้แบรนด์ของ Reebok ชัดเจนในสายตาผู้บริโภคมากขึ้น
 
3.มีวัฒนธรรมและเรื่องราวของสินค้าที่น่าสนใจ
นั้นคือการสร้าง Story ในแบบที่เราคุ้นเคย สิ่งใดก็ตามถ้ามีแหล่งที่มา มีประวัติศาสตร์ คุณค่าในตัวเองยิ่งสูงขึ้นกรรมวิธีของ Reebok ชูเอกลักษณ์สำคัญผ่านการโฆษณาที่เน้นเรื่องราวมีจุดเริ่ม มีไฮไลต์ มีปัญหา และมีความสำเร็จ

ซึ่งทุกขั้นตอนมีสินค้า Reebok ร่วมอยู่ในทุกเหตุการณ์กลายเป็น ดราม่าน่าสนใจที่ Reebok ไม่ใช่เพียงแค่รองเท้าแต่เป็นมากกว่าจิตวิญญาณยิ่งคนที่มีความฝันมีจินตนาการ Reebok ใช้จุดนี้ดึงความคิดของทุกคนให้เห็นไปในทางเดียวกันเป็น Story เฉพาะทางที่ตอกย้ำไปในความคิดและทำให้คนสนใจผลิตภัณฑ์กันมาขึ้น
 
การเดินหน้าทางการตลาดของ Reebok ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ จากกลุ่มคนเล่นกีฬา เข้าไปสู่ความนิยมของคนรักสุขภาพยุคใหม่ที่เน้นการเข้า ฟิตเนส ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจสินค้าของ Reebok มีหลายรุ่นที่พัฒนามาให้สอดคล้องกับฐานความต้องการใหม่นี้

ซึ่งคาดว่าผลประกอบการของ Reebok เองจะขยับตัวได้มากขึ้น ก็ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ Reebok เองก็เอามาทุกทางเพื่อให้ต่อสู้ในยุคธุรกิจที่ดุเดือดนี้ได้และรู้สึกว่าการตลาดเมื่อเปลี่ยภาพลักษณ์ไม่ไหลไปตามคู่แข่งจะทำให้ Reebok ดูมีคุณค่าและศรัทธาในตัวสินค้าก็เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าสนใจทีเดียว
 
ขอบคุณข้อมูลจาก https://goo.gl/nqiDK6 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
421
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด