ธุรกิจ SMEs ไม่ใช่จะมีแค่เฉพาะบ้านเราเท่านั้น การเป็นธุรกิจขนาดย่อมเป็นสิ่งที่แพร่หลายทุกประเทศทั่วโลก แน่นอนว่าแนวคิดของการทำธุรกิจย่อมต้องให้สอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่ ประเทศไทยเองก็มีธุรกิจ SMEs ที่ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับอาหารและบริการเป็นหลัก

 

เราลองมาดู 10 อันดับ SMEs ของคนอเมริกาที่ www.ThaiFranchiseCenter.com  รวบรวมจาก Business insider ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวสารทางธุรกิจและเทคโนโลยีชื่อดังของอเมริการที่จัดอันดับเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจทีเดียว

 

เป็นธุรกิจSMEsที่อยู่ในไมอามี่ของฟลอริด้า จุดเด่นคือการใช้พื้นที่เล็กๆที่เป็นจุดจอดรถซึ่งในอเมริกาเรียกว่าเป็น Drive in สอดแทรกสิ่งที่แตกต่างคือทำให้เป็นโรงหนังขนาดย่อมที่นอกจากคนใช้บริการจะดูหนังเรื่องโปรดที่ต้องการในรถของตัวเองได้ยังมีบริการเสริมคล้ายโรงหนังทั้งการเสิร์ฟอาหารว่างต่างๆ ปัจจุบันมีการเปิดบริการทั้งหมด 18 ช่อง ซึ่งแน่นอนว่าได้รับความนิยมที่ดีมาก

 

ธุรกิจนี้ตั้งอยู่บนถนนสายหลักในรัฐนิวออร์ลีน ไอเดียแปลกใหม่ที่แตกต่างจากบาร์ทั่วไปคือการใช้เคาร์เตอร์ม้าหมุน เป็นการสร้างความน่าสนใจทำให้รู้สึกเหมือนการมาสวนสนุก บริการนี้มีทั้งหมด 25 ที่นั่งที่พร้อมให้ลูกค้าได้มีมุมมองที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาพร้อมการเสิร์ฟเมนูค็อกเทลต่าง ๆ ซึ่งดึงดูดลูกค้าได้ทั้งคนในเมืองและจากเมืองใกล้เคียงอีกด้วย
 

 

ร้านอาหารแนว food truck ส่วนใหญ่มักใช้แนวคิดบริการอาหารที่รวดเร็วแต่ไม่ใช่กับธุรกิจนี้ที่เริ่มต้นความคิดว่าต้องการแบ่งปันความสุขในการทำอาหารให้กับลูกค้า

จึงเกิดไอเดีย food truck ที่เน้นการทำอาหารที่ต้องใช้เวลามากขึ้น แม้จะดูแปลกแต่คนในเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด กลับชื่นชอบธุรกิจนี้มาก เพราะเหมือนเป็นการได้ทำอาหารเองเมนูส่วนใหญ่ก็ประเภทต้มแกงหรือว่าผัดที่จำเป็นต้องใช้เวลาในการปรุงเพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น

4.มินิมาร์ทสินค้าเกี่ยวกับความทรงจำในอดีต (Echo Park Time Travel Mart.)
 

อาจจะเป็นแนวคิดที่แปลกและแตกต่างแต่ที่ Echo Park Time Travel Mart ในแคลิฟอร์เนียมีสโลแกนสำคัญของร้านคือ “เมื่อคุณอยู่ที่นี่ เหมือนคุณได้หยุดเวลาไว้” นั้นเพราะสินค้าส่วนใหญ่เป็นของที่หาได้ยากในปัจจุบันสินค้าหลายอย่างต้องใช้ความพยายามในการค้นหาแต่เราสามารถหาได้จากที่ร้านนี้เท่านั้นซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งนั้นก็จัดเข้าองค์กรการกุศลด้วย

 

 

เป็นธุรกิจในลอสแอนเจอริสที่ก่อตั้งเมื่อปี 2011 โดยMR.Alvin มาจากแรงบันดาลใจที่ชอบไข่จึงพัฒนามาเป็นแนวคิดการทำอาหารที่เน้นไข่เป็นส่วนประกอบหลักเท่านั้นซึ่งดูเหมือนว่าที่นี่จะกลายเป็นศูนย์รวมอาหารเช้าที่คนให้ความสนใจกันมากด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูงในราคาที่ไม่แพงและมีเมนูที่หลาหลายทำให้ได้รับความนิยมในเวลาอันรวดเร็ว

 

6.ร้านอาหารเคลื่อนที่แนว Carnival  (Fojol Bros.) 

ธุรกิจนี้ก่อตั้งขึ้นโดยสองพี่น้องตระกูล Fojol ที่ได้รับความนิยมทั้งจากบริษัท ร้านค้า และประชาชนทั่วไป โดยใช้ธีมของการทำอาหารที่นอกจากรสชาติจะดียังมีสีสันของการแต่งกายที่ทำให้เหมือนได้ออกไปจากยุคปัจจุบัน แน่นอนว่านั้นคือการเพิ่มรสชาติอาหารให้น่าสนใจทางอ้อมและดูเหมือนว่าจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ดีมากมีงานอีเว้นท์ติดต่อกันข้ามปีเลยทีเดียว

 

ที่นี่คือเกาะประดิษฐ์เพียงหนึ่งเดียวในซานฟรานซิสโก สร้างขึ้นในปี 1975 เจ้าของคือ Forbes Thor Kiddoo เกาะที่เห็นเพียงเล็กๆนี้แต่ที่จริงข้างใต้มีห้องขนาดใหญ่อีกมาก มีภัตตาคารที่สามารถรับแขกได้ถึง 70 คน อาหารที่เสิร์ฟจะเป็นคอร์สเมนู 4 แบบ คือออร์เดิร์ฟ 2 จานหลัก 1 และของหวานอีก 1 คิดราคาคนละ 75 ดอลลาร์ ที่นี่ส่วนใหญ่ได้รับความสนใจทั้งการเป็นแหล่งท่องเที่ยวและคนสนใจมารับประทานอาหาร

 

 

Hotlips Pizza ในเมืองพอร์ตแลนรัฐโอเรกอน ได้อีกชื่อว่าเป็นร้านพิซซ่าสีเขียว นอกจากบริการพิเศษในการส่งพิซซ่าได้ตามความต้องการของลูกค้าแล้ว

ส่วนที่เหลือจากกระบวนการผลิตของร้านยังถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นน้ำร้อนที่มีการบำบัดก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติหรือเปลือกของพายและวัสดุเหลือใช้อื่นๆที่รวบรวมเอาให้ศูนย์รีไซเคิลเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมต่อไป

 

 

เป็นธุรกิจแนว food truck ที่โดดเด่นด้วยการแต่งตัวรถให้เป็นธีมของหนังนิยายแบบ Sci-Fi หรือภาษาภาพยนตร์เรียกว่า แนว steampunk ที่เน้นควาอลังการเหนือมนุษย์ นี่คือแนวคิดของ เคิร์ต บีเชอร์ จาก เมืองแอทเทิล รัฐวอชิงตัน เมนูสำคัญคือการทำแซนวิชที่เน้นเนื้อหมูจึงทำรถตัวเองให้กลายเป็นหมูโลหะขนาดยักษ์ทำให้คนสนใจกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายนี้ ก็มีการแบ่งเข้าการกุศลอีกด้วย

 

 

ดูจะคล้ายกับที่ประเทศไทยแต่นี่คือแนวคิดของ อเลสซานโดร เบลลิโน จากเมืองบอสตันที่ใช้รถสามล้อมาเป็นเทรนด์ในการขายกาแฟภายใต้ชื่อเก๋ไก๋ว่า “Coffee Trike” ที่สำคัญคือได้รับความนิยมที่ดีเกินคาด สนนราคาของกาแฟจากร้านสามล้อถีบแบบฝรั่งนี้คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 90 บาท ดูแล้วนี่น่าจะใกล้เคียงกับความเป็นประเทศไทยมากที่สุดก็ว่าได้

 

สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้จาก SMEs ของคนอเมริกาคือการระบุตำแหน่งตลาดและมีกลุ่มเป้าหมายในธุรกิจตัวเองอย่างชัดเจนถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่บางครั้ง SMEs เมืองไทยยังใช้กระแสทำตามกันจนหาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่ได้ แต่ถ้ามีใครทำได้น่าจะกลายเป็น SMEs มาแรงไม่แพ้ชาติใดในโลกเช่นกัน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/ZkWDMK