บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การบริหารจัดการองค์กร    บริหารงานทรัพยากรบุคล
2.6K
2 นาที
18 ตุลาคม 2559
7 วิธีเลือกคนอย่างไรให้องค์กรได้ประโยชน์อย่างสูงสุด

 
เรื่องความรู้ความสามารถเป็นตัวกำหนดการอยู่รอดของธุรกิจ

เขาจึงมีคำพูดสำคัญที่ว่า “Put the right man on the right job” นั้นคือการเลือกใช้คนให้เหมาะกับงาน หลายบริษัทสามารถยืนหยัดในเวทีธุรกิจเพราะมีบุคลากรที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ
 
ด้วยเหตุนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จึงนำเสนอ 7 วิธีสำคัญที่ทำให้องค์กรสามารถเลือกคนใช้งานได้อย่างถูกต้องมากขึ้น เมื่อใช้คนถูกกับงาน ผลดีที่ตามมาก็ย่อมเกิดกับองค์กรของเรามากขึ้นด้วย
 
1.พิจารณาจากงานที่เคยทำ
 
มีคำกล่าวที่ว่า “งานที่แตกต่างจึงต้องการคนที่แตกต่างกัน” Peter  Drucker ปรมาจารย์ด้านการจัดการยุคใหม่ กล่าวว่าหากพนักงานทำงานไม่ดี   ย่อมเป็นความผิดของผู้บริหาร ไม่ใช่พนักงาน เพราะผู้บริหารเป็นคนเลือกเขามาทำงานเอง                        
 
ดังนั้น การเลือกคนต้องพิจารณาจากงานที่คนผู้นั้นเคยรับผิดชอบมาก่อน อย่างน้อยก็จากประสบการณ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เช่น การจะหาผู้จัดการฝ่ายการตลาดสักคน ต้องคิดก่อนว่า หน้าที่ของผู้จัดการคนนี้ คืออะไร เพิ่มยอดขาย คิดค้นสินค้าใหม่   หรือเจาะตลาดใหม่ เป็นต้น
 
2.อย่ามอบงานใหญ่ ให้คนไม่ใหญ่   
 
องค์กรที่ดีจำเป็นต้องมีการกระจายอำนาจการตัดสินใจให้พนักงานได้มีส่วนร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่น Alfred Sloan อดีตผู้บริหารบริษัท General Motors ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับบริษัท หนึ่งในนั้นคือการปรับวิธีการทำงาน โดยการกระจายอำนาจให้พนักงาน ส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ซึ่งเป็นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในองค์กร  

แต่ไม่ได้หมายความว่าพนักงานทุกคนจะมีอำนาจในการตัดสินใจเท่ากัน เพราะสำหรับพนักงานใหม่แล้ว เขาจะยังไม่มอบหมายภาระงานสำคัญให้ เนื่องจากยังอ่อนประสบการณ์ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความผิดพลาดได้     

3.ถามไถ่คนใกล้ชิด  
 
ผู้บริหารที่ดีต้องฟังสิ่งที่คนอื่นคิดด้วย โดย Hermann Abs อดีตผู้บริหาร Deutsche Bank มีมุมมองว่า การเลือกใช้คนของผู้บริหารโดยมากตั้งอยู่บนอคติส่วนตัว ทำให้ใช้คนผิดประเภท หรือเลือกแต่งตั้งคนที่ใกล้ชิดมากกว่าคนที่มีความสามารถ และเพื่อให้การเลือกคนมีความถูกต้องและผิดพลาดน้อยที่สุด

จึงต้องมีการสอบประวัติของบุคคลที่ต้องการแต่งตั้งแล้ว ผู้บริหารควรจะสอบถามจากเจ้านายเก่า ลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงาน อย่างน้อย 3 – 5 คนเพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้านเพื่อประกอบการเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด
 
4.เลือกคนที่เข้าใจงาน  
 
เพราะคนที่เข้าใจงานจะมีมุมมองที่แตกต่างซึ่งเป็นประโยชน์ที่ดีต่อองค์กรมากกว่าคนที่ไม่มีความรู้ในสาขานั้นๆเลยยกตัวอย่างเช่น บริษัท Apple โดย Tim Cook ซีอีโอบริษัท Apple ผู้มุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้าเทคโนโลยีขั้นเทพให้กับลูกค้า

ดังนั้นหัวใจสำคัญของ Apple จึงอยู่ที่แผนกฮาร์ดแวร์เทคโนโลยี เพราะแผนกนี้จะทำหน้าที่ผลิตชิป ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นสมองของสินค้า และเขาก็จ้าง Johny Srouji  ซึ่งเคยผ่านงานจากบริษัท Intel และ IBM มาก่อน เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการวางระบบชิปเป็นอย่างดี เมื่อเขาเข้าร่วมงานกับ Apple  Srouji มีส่วนอย่างมากในการออกแบบระบบการทำงานของ iPhone และแท็บเล็ตใหม่  

5.เข้าใจคนก่อนใช้คน   
 
มีคำกล่าวที่ว่า “อย่าให้จุดด่างดำมาบดบังหยกขาว” โดย  Bob Burg วิทยากรชื่อดังของสหรัฐอเมริกา และเจ้าของหนังสือชื่อ The Go-Giver Leader  เขาแนะนำว่าควรมองคนจากจุดแข็งก่อน เพราะมูลค่าของงานจะสร้างสรรค์ขึ้นได้จากจุดแข็งของคน  จากนั้นจึงพิจารณาจากจุดอ่อน แต่ไม่ใช่คือมีจุดอ่อนแล้วคัดออกเท่านั้น เพราะจุดอ่อนออกเป็น 3 ประเภท คือ

จุดอ่อนที่ไม่เป็นปัญหา จุดอ่อนที่แก้ไขได้ และจุดอ่อนที่เป็นปัญหาพูดง่ายๆก็คือ หากพนักงานมีจุดอ่อน 2 ประเภทแรก ไม่ถือเป็นปัญหา แต่หากเป็นจุดอ่อนประเภทที่สาม แม้ว่ามีจุดแข็งที่ดีแค่ไหนจำเป็นต้องคัดออกเช่นกัน
 
6.เลือกคนจากลักษณะนิสัย   
 
โดยทั่วไปลักษณะนิสัยของแต่ละคนมีส่วนอย่างมากต่อผลลัพธ์ของการทำงาน  คนที่ชอบทำงานเป็นขั้นเป็นตอน วางแผนล่วงหน้า ไม่ค่อยครีเอทีฟ เรียกว่า Judging แต่คนที่ชอบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ชอบงานเอกสาร เรียกว่า Perceiving

ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Target ถูกโจรกรรมข้อมูลบริษัทสูญเสียความเชื่อมั่น  ผู้ถือหุ้นจึงเลือก MR.John Mulligan ดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการ CEO แทนคนเก่าที่ขาดความน่าเชื่อถือไปแล้ว

เหตุที่เลือกเพราะเขาเป็นรองประธานฝ่ายการเงินหลายปี ทำงานละเอียดหรือก็คือเป็นคนประเภท Judging ซึ่งเหมาะที่จะเข้ามาประเมินความเสียหายและฟื้นฟูสถานะทางการเงินภายหลังถูกโจรกรรมข้อมูล  คนละเอียดและรอบคอบจึงเหมาะกับสถานการณ์นี้มากกว่าคนครีเอทีฟ(Perceiving) แน่นอน
 
7.ต้องเป็นที่ยอมรับ 
 
ตัวอย่างนี้เช่นได้ชัดจากประธานาธิบดีโอบามาที่ตอนเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆมีเสียงเสียงวิพากษ์ดังขรมว่า โอบามาขาดประสบการณ์ด้านการต่างประเทศ เมื่อเป็นเช่นนี้การประสานงานกับรัฐสภาจะเป็นไปได้ด้วยความยากลำบากมาก  

ดังนั้นโอบามาจึงดึง โจเซฟ ไบเดน เข้ามาเป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งเคยเป็นกรรมาธิการด้านต่างประเทศถึง 9 สมัยด้วยประสบการณ์ชั้นเซียนเช่นนี้ ย่อมกลบจุดอ่อนของโอบามาได้เป็นอย่างดี พร้อมกับเพิ่มความน่าเชื่อถือและการยอมรับให้เกิดขึ้นกับโอบามาได้มากขึ้นเช่นกัน
 
ปัจจุบันทุกคนก็พยายามเพิ่มขีดความสามารถของตัวเองให้มากขึ้นเพื่อหวังว่าจะใช้ความสามารถนั้นให้บริษัทหรือองค์กรใหญ่ๆได้ประทับใจ แต่ทั้งนี้เรื่องความรู้ก็ส่วนหนึ่งแต่สำคัญคือประสบการณ์ใครมีมากกว่าผ่านร้อนผ่านหนาวเยอะกว่ามีภาคปฏิบัติมากกว่าภาคทฤษฏีงานนี้ก็ได้เปรียบกว่าเห็นๆแน่นอน
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
799
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
713
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
642
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
532
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
447
เจ้าของธุรกิจกุมขมับ! วิกฤตเด็กไทยเกิดน้อยกระทบธ..
432
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด