ใครที่คิดจะทำธุรกิจก็คงกำลังมองหาต้นแบบที่ใช้เป็นไกด์ไลน์ในการดำเนินงาน หลายคนเลือกมองจากความสำเร็จของผู้ที่มีชื่อเสียง แต่อย่าลืมว่าแต่ละคนนั้นทักษะความคิดและการตัดสินใจไม่เหมือนกัน

สิ่งที่เขาทำได้อาจเป็นสิ่งที่เราทำไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ การมองหาต้นแบบที่เป็นแนวทางโดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบน่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าที่สำคัญจะนำพาตัวเองไปสู่เป้าหมายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

 

และหนึ่งในการเปรียบเทียบที่ดูน่าสนใจซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com ได้ลองนำมาเสนอให้ผู้ที่สนใจจะทำธุรกิจได้ดูไว้เป็นแนวทางคือการเปรียบเปรยการทำธุรกิจดีๆให้เหมือนการขับรถ

ซึ่งแนวคิดนี้มาจากหนังสือที่ชื่อว่าทำธุรกิจคิดเยอะจึงเหนื่อยน้อยของ ธรรศภาคย์ เลิศเศวตพงศ์ ที่บอกว่าการทำธุรกิจจะรอดหรือไม่รอด ขึ้นอยู่ที่ 2 เรื่อง คือ “วิธีคิด” และ “วิธีทำ” เพราะวิธีคิดจะส่งผลถึงวิธีทำเสมอเปรียบเหมือนการขับรถดีๆสักคันนั่นเอง ดังนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงจึงมีด้วยกันทั้งหมด 10 ประการคือ

เมื่อทำธุรกิจของตัวเอง การมีเป้าหมายที่ชัดเจนนั้นสำคัญมากโดยต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าภาพรวมธุรกิจในจินตนาการเป็นอย่างไร ใหญ่โตแค่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไร ทำธุรกิจนั้นไปเพื่ออะไร เพื่อแก้เหงา เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เพื่อเงิน ฯลฯ อาจฟังดูเหมือนคำถามขำ ๆ แต่คุณอาจไม่รู้ว่ามันจะเป็นตัวกำหนดวิธีการทำงานของคุณไปตลอด คุณทำธุรกิจนั้นเพื่อใคร หรือแปลได้ว่า ใครควรจะเป็นลูกค้าคุณ

 

2.เลือกรถ(ธุรกิจ)ให้เหมาะสม
 

ความหมายแรกคือ ต้องเลือกรถที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความสามารถในการขับขี่ของคุณเอง ถ้าเริ่มธุรกิจใหม่คุณอาจไม่จำเป็นต้องทำอะไรเกินตัวเช่นอย่าซื้อรถสปอร์ต 30,000 แรงม้าราคาแพงสุดๆถ้าคุณเพิ่งสอบใบขับขี่ผ่าน

สิ่งที่ควรทำมากกว่านั้นคือ เริ่มต้นธุรกิจด้วยต้นทุนต่ำสุด แต่ไม่กระทบคุณภาพสินค้าและบริการ ความหมายถัดมาคือ เลือกรถที่เหมาะกับเส้นทางและสภาพถนน รถใหญ่อาจไม่เหมาะกับถนนแคบ ๆ เช่นเดียวกับจุดสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดคือ การเอาตัวเองไปอยู่ในเกมที่ถนัด เพื่อให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย

 

ทุกคนต้องยอมรับว่าการจะขับรถเร็ว ๆ ต้องเริ่มจากการขับช้า ๆ แล้วค่อยเร่งขึ้นและไม่สามารถเริ่มขับรถด้วยเกียร์ 1 และกระโจนพรวดเดียวไปเกียร์ 5 ได้ เช่นเดียวกับการทำธุรกิจ ที่ต้องรู้จักอดทนรอความสำเร็จ เพราะเส้นทางสู่ความสำเร็จนั้นไม่มีทางลัด

 

4.รู้จักเร่งและผ่อนความเร็ว
 

ในการขับรถคงไม่มีใครสามารถเหยียบคันเร่งตลอดทั้งทาง โดยไม่แตะเบรกเลย การทำธุรกิจเองก็ต้องจับทิศตลาดให้ได้ว่า ช่วงไหนควรผ่อน ช่วงไหนคือโอกาสที่ต้องเร่งให้เต็มที่ การเรียนรู้จังหวะและโอกาสเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้ามองดูว่าแซงไม่ได้ไปไม่พ้นก็ยังไม่ควรทำเพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหายที่ยิ่งใหญ่ตามมาได้

เป็นธรรมดาเมื่อรถวิ่งไปสักพักน้ำมันก็จะหมด  เราจึงต้องเติมน้ำมัน การทำธุรกิจเองก็เช่นกัน ต้องคอยมองหาสิ่งใหม่ ๆ มาเสริมการทำงานเสมอ เจ้าของธุรกิจต้องขยันหาความรู้ เทคโนโลยี ให้กับบริษัทตัวเอง ทั้งข้อมูล ความรู้ใหม่ ๆ รวมถึงโอกาสใหม่ ๆ ด้วย

 

6.รู้จักสมรรถนะและการประเมินศักยภาพของการทำงาน
 

 แน่นอนว่าขณะที่กำลังขับรถ เราเองก็กำลังวัดผลเพื่อเกิดประโยชน์ทั้งสองด้านอยู่ตลอดเวลา ทั้งวัดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ วัดความเร็วและรอบ วัดอัตราการกินน้ำมัน ระยะทาง ผ่านเข็มไมล์หรือตัวเลขที่ปรากฏ.

เพื่อดูว่าถึงเวลาเข้าศูนย์แล้วหรือแต่ในเรื่องของธุรกิจนั้นมีระบบการทำงานที่หลากหลายกว่าและถูกขับเคลื่อนด้วยคน ประสิทธิภาพการทำงานย่อมไม่คงที่ จึงจำเป็นต้องใช้การวัดผลมากกว่ารถยนต์คันหนึ่งด้วยซ้ำ

 

คนขับรถเก่งต้องหูตาดีสังเกตป้ายจราจรอยู่ตลอด และเข้าใจสัญญาณป้ายทุกประเภท คนทำธุรกิจเองก็จำเป็นต้องรู้จักสถานการณ์รอบตัว จะรู้แค่เรื่องภายในบริษัทตัวเองไม่ได้ สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ เช่น แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค ข่าวเศรษฐกิจ หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น

 

8.ไปไหนไม่ถูกต้องถามคนในพื้นที่
 

 บางครั้งขับรถเองก็ต้องมีหลงบ้าง คนขับก็ต้องกล้าที่จะถามและรับฟังคนในพื้นที่นั้น ๆทำธุรกิจเองก็ต้องเปิดใจรับฟังคำแนะนำของทีมงาน โดยเฉพาะทีมงานที่อยู่ภาคปฏิบัติงาน เพราะใกล้ชิดกับลูกค้าโดยตรง ดังนั้นในฐานะเจ้าของธุรกิจ คุณต้องรับฟังทีมงานให้นานและมากพอ ลงไปปฏิบัติงานที่หน้างานจริง และนำข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดมาประมวลผลเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุด

 

รถทุกคันมีกระจก 3 ประเภทซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกัน และเราต้องมองกระจกทุกบานประกอบการขับรถ กระจกหน้าที่มีลักษณะกว้างและใหญ่ช่วยให้มีทัศนวิสัยในการขับรถที่ดี เช่นเดียวกับธุรกิจที่ต้องมีการตื่นตัว มีพลังขับเครื่อง

พร้อมมองหาโอกาสใหม่ๆ กระจกมองข้าง เหมือนกับการเหลือบมองคู่แข่ง คุณต้องอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นคู่แข่งได้ตลอดเวลากระจกมองหลัง คือผลงานในอดีต ดูไว้เพื่อเรียนรู้ด้วยความใส่ใจและเก็บทุกรายละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำ

 

10.ต่างคนต่างขับ ไม่ไปวุ่นวายกับรถคันอื่น
 

เวลาขับรถคุณและคนขับรถคันข้าง ๆ ย่อมต่างคนต่างกับ คงไม่มีใครตั้งใจจะไปเฉี่ยวชนใคร ไม่เช่นนั้นก็จะเสียกันทั้งคู่ หลักการทำธุรกิจก็เช่นกัน

หลักเลี่ยงการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในการแข่งขันมากที่สุด พยายามสร้างโลกของตัวเองไว้ การทำธุรกิจควรแข่งขันที่จะหาโอกาสทางการตลาดไม่ใช่การจ้องเข้าทำลายคู่แข่งที่ถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์

 

ถ้ามองดูผิวเผินวิธีการเหล่านี้ก็เป็นหลักธุรกิจธรรมดาๆ แต่เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับการขับรถก็ทำให้มองเห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้นเหมาะอย่างยิ่งกับคนที่คิดจะเริ่มทำธุรกิจและยังไม่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน การเริ่มต้นจากสิ่งเหล่านี้ถ้าทำได้ก็สามารถมองหาโอกาสก้าวหน้าที่คาดว่าจะตามมาอีกมากมายแน่นอน