8 ข้อคิดทำธุรกิจให้สำเร็จแบบ Richard Branson 
 

ในโลกของธุรกิจไม่จำเป็นว่าต้องเรียนรู้ตามตำราเสมอไปหลายคนที่ไม่ได้จบหลักสูตรบริหารธุรกิจแต่กลับมีบริษัทใหญ่โตเป็นแบรนด์สินค้าระดับโลกที่คนรู้จักกันอย่างดี

www.ThaiFranchiseCenter.com  มองว่าหนึ่งในผู้บริหารที่ทำธุรกิจในลักษณะนี้ ชื่อของ Virgin น่าสนใจมากโดยเฉพาะผู้บริหารอย่าง Richard Branson ชายผู้ที่ได้ชื่อว่าลงมือทำมากกว่านั่งคิดพาธุรกิจของ Virgin  ให้เป็นแบรนด์ดังระดับโลกมีกิจการหลากหลายอย่างทั้งที่จุดเริ่มต้นคือร้านขายแผ่นเสียงในยุค 1970เท่านั้น
 

Richard  Branson เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางของอังกฤษ ในวัยเด็กนั้น Branson ได้รับการฝึกสอนจากพ่อและแม่ที่ปลูกฝังให้มีความมุ่งมั่น และสามารถทำงานที่เน้นการพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก

จนทำให้ Branson กลายเป็นเด็กที่รู้จักการใช้ร่างกายมากกว่าสมองนั้นคือเขาโดดเด่นในเรื่องกิจกรรมแต่อ่อนด้อยในเรื่องการเรียนและด้วยโรคที่เขาเป็นอย่าง Dyslexia ทำให้เขามีปัญหาในการอ่าน มีความสับสนในเรื่องของพยัญชนะ ยิ่งทำให้ Branson มองว่าการเรียนเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขามาก

สุดท้าย Branson ก็เลือกที่จะลงมือทำมากกว่าการนั่งอ่านตำรา แต่ข้อดีของ Branson คือการรู้จักประยุกต์ใช้เทคนิคต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาด ที่สำคัญเขาลงมือทำงานอย่างจริงจังจนทำให้เขาประสบความสำเร็จด้วยวัยเพียง 58 ปี

โดยมีกลยุทธ์ที่ใช้ในการทำธุรกิจคือการตั้งเป้าหมายความฝันไว้ก่อน และมองโลกอย่างท้าทาย พร้อมทั้งหาแนวทางธุรกิจใหม่ๆที่ยังไม่มีคู่แข่งขัน ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกของการเดินไปบนถนนแห่งความสำเร็จ

 

Richard  Branson ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเป็นผู้บริหารที่ทำให้พนักงานใน องค์กรมีสำนึกในการเป็นคน ในชุมชนเดียวกันมากที่สุดและทำให้พนักงานรักองค์กร มาก เขาพยายามให้พนักงานในองค์กรทำงานในเวอร์จิ้นด้วยความสนุกและมีความสุข

เขาเชื่อว่าถ้าเปลี่ยนงานให้กลายเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น จะทำให้ทัศนคติและผลงานของพนักงานต่างจากเดิมมาก ทุกวันนี้ แบรนสันยังคงทำหน้าที่เป็นประธานของเวอร์จิ้นกรุ๊ปที่ดูแลพนักงานถึง 35,000 คน 

ความมุ่งมั่นของ Branson นั้น เขามุ่งมั่นเพื่อธุรกิจ มุ่งมั่นเพื่อผลกำไร เพื่อการเติบโต เพื่อความอยู่รอด ไม่ใช่มุ่งมั่นเพื่อความชนะ โดยเฉพาะคนอื่น ๆ ยกเว้นคู่แข่งของเขาคือ บริติสแอร์เวย์ ความมุ่งมั่นของ Branson ดูได้จากการการคิดและตัดสินใจในหนังสือ หลายเรื่อง

เมื่อเห็นว่า มันน่าจะดีต่อธุรกิจ ต่ออนาคตของบริษัทเขาก็จะทำ ซึ่งความ มุ่งมั่นนั้นทำให้ก่อเกิดธุรกิจหลากหลายของ Virgin ขึ้น แม้การลงมือทำจะมีทั้งได้และเสียแต่เมื่อหักลบกันแล้วจะพบว่าสิ่งที่ Branson ได้นั้นมากกว่าผลเสียที่มีจนส่งผลให้ทุกวันนี้ Virgin กลายเป็นธุรกิจระดับโลกที่ใครๆต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี

 

Branson ให้ความเห็นว่าการทำธุรกิจหากไม่ผจญภัยหรือลุยด้วยตนเองแล้ว ก็จะไม่รู้และไม่เห็นความเป็นจริง การเสี่ยงของ Bransonหลายอย่างนำมาถึงการตัดสินใจหลาย ๆ อย่างที่ค้นพบโดยตัวเขาเอง

มิใช่จากตำราหรือหลักสูตรสำเร็จในมหาวิทยาลัยต่างๆที่มี นั้นทำให้ปัจจุบันBranson มีกลุ่มเครือข่ายกว่า 360 บริษัท ที่ใช้ชื่อการค้า Virginไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจดนตรี สายการบิน การเงิน โทรศัพท์มือถือ กระทั่งล่าสุดเพิ่งเปิดตัวธุรกิจท่องอวกาศภายใต้ชื่อ Virgin Galactic Virgin อีกด้วย

 

เป้าหมายของ Branson มีเพียงสิ่งเดียวคือ “ต้องการเป็นผู้นำในตลาด” ด้วยการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นขึ้นมาด้วยข้อเสนอที่บ้าบิ่นที่สุดในโลกยกตัวอย่างเช่น การก่อตั้งสายการบิน Virgin Atlantic ที่ประกาศกร้าวไว้แต่แรกเลยว่า จะเป็นคู่แข่งคนสำคัญของสายการบินระดับชาติอย่าง British Airways

โดยเริ่มจากตั้งคำถามง่ายๆ ว่า “เพราะอะไรเวลานั่งเครื่องบิน ผู้โดยสารถึงเกิดความเบื่อหน่าย? ทำไมตลอดระยะเวลา 8 – 10 ชั่วโมงในเที่ยวบินข้ามทวีป จึงมีหนังฉายให้ผู้โดยสารดูเพียง 1 – 2 เรื่อง?

และทำไมอาหารที่ให้บริการบนเครื่องจึงมีรสชาติที่ไม่ได้เรื่อง?”คำถามเหล่านี้คือที่มาของ Virgin Atlantic สายการบินแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่เสนอขาย “ความเพลิดเพลินในการเดินทาง” ให้แก่ผู้โดยสาร ในไฟลท์ของ Virgin Atlantic ผู้โดยสารสามารถเลือกชมภาพยนตร์ เล่นเกมส์ ฟังเพลง จากช่องสถานีที่มีถึง 45 ช่อง (ผ่านจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง)

เมนูอาหารในชั้นธุรกิจนั้นมีให้เลือกมากถึง 4 เมนู แต่ที่สุดโต่งสุดๆ ก็คือ การมีหมอนวดประจำเครื่องไว้คอยบริการคนขี้เมื่อย หลายท่านอาจคิดว่า “ก็ไม่เห็นจะแปลก” แต่อย่าลืมนะว่า ข้อเสนอทั้งหมดที่ว่ามานี้ Virgin Atlantic คือ สายการบินแรกที่ทำจริง และเขาทำตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้วก่อนใครทั้งหมด

 

ข้อนี้แม้จะไม่เด่นนัก เนื่องจากทุกครั้งที่ลูกน้องมีปัญหา เขาจะหนีปัญหาให้ผู้อื่นตัดสินใจแทน ไม่เอาตนเองเข้าไปอยู่กับปัญหา ยกเว้นปัญหาของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของบริษัท เขาจะเดินหน้า

ซึ่งด้วยความสามารในการจูงใจผู้อื่น ไม่ว่าจะตั้งแต่การขอสปอนเซอร์เพื่อมาลงโฆษณาในการทำนิตยสาร Student หรือการพูดคุยกับนักลงทุน นักการธนาคารต่าง ๆ ถือได้ว่า แบรนสันต้องใช้ทักษะการโน้มน้าวใจมาก ไม่เช่นกันคงไม่สามารถเบิกเงินเกินบัญชีได้มากมาย แม้บางครั้งจะมีปัญหากับธนาคารก็เถอะ แต่ก็ลงเอยด้วย Happy Ending เสมอ

 

5. ต้องรู้จักการทำงานเป็นทีม
 

นับแต่เรื่องนิตยสาร Student ของ Branson ที่มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน Branson ไม่เคยก้าวก่ายงานคนอื่นเลย จนถึงงานในบ้าน ที่แม่ของเขาแบ่งหน้าที่กันระหว่างชายกับน้องสาว

เขาก็ปฏิบัติมาด้วยดีให้ความสำคัญกับงานบ้านก่อนเสมอ หรือแม้แต่ช่วงหลัง ๆ เขาเองก็ไม่เคยก้าวก่ายงานของทีมงานเลย และก็แสดงความมั่นใจในทีมงานทุกครั้งซึ่งหายากในผู้บริหารคนไทยที่มักจะพบว่า “โง่ก็ตลาด ฉลาดก็ระแวง” กันเป็นส่วนมาก นั้นทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานลดน้อยลงไปเพราะขาดการเชื่อใจทำให้ศักยภาพที่ควรจะได้ไม่ออกมามากเท่าที่ควร

 

Branson จะเน้นเรื่องการจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องสนุก แม้ความสนุกของ Branson จะไม่ตรงความรู้สึกของเพื่อน ๆ ก็ตาม แต่ความสนุกของ Branson นั้น รวมไปถึง เล่นเป็นเวลา และทำงานเป็นเวลาด้วย ซึ่งจะสังเกตถึงงานอดิเรกหรือวันหยุดของ Branson จะเล่นหรือสนุกอย่างสุดเหวี่ยง และเวลาทำงานก็จะทำงานอย่างสนุกด้วยเชนกัน

โดยจะสังเกตว่า Virgin จะมีการจัดปาร์ตี้เพื่อให้พนักงานสามารถปลดปล่อยในช่วงสุดสัปดาห์ เสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อให้พนักงานแต่ละคนปลดเปลื้องตนเองออกจากงานแล้วสนุกกับ ปาร์ตี้ เหมือนชาร์ตแบตเตอรี่เพื่อให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีก

 

7. ต้องมีความคิดเชิงธุรกิจ
 

อาจจะเป็นข้อได้เปรียบของ Branson ที่เติบโตมากับความคิดเชิงธุรกิจของคนในครอบครัว เริ่มจากพ่อและแม่ที่ทำกล่องจากกระดาษที่ใช้แล้ว แล้วนำไปขายส่ง

รวมทั้งน้าของเขาที่สามารถสร้าง The Black Sheep Company บริษัทขายเครื่องปั้นดินเผาที่ประดับด้วยรูปแกะจนประสบความสำเร็จ เป็นแบรนด์ที่สามารถยืนหยัดได้ถึง 40 ปี ตรงนี้ทำให้แบรนสันซึมซับความคิดเชิงธุรกิจอยู่ทุกวินาที

เมื่อรวมกับสิ่งที่เขาเป็นคือคนที่กระตือรือร้นและลงมือทำมากกว่านั่งคิดก็ยิ่งเป็นการสร้างเสริมวิถีทางธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วซึ่งนักธุรกิจเมืองไทยก็ควรดูตัวอย่างข้อนี้แม้ว่าพื้นฐานเราอาจจะไม่ได้มาแบบเดียวกับ Branson ก็ตามที

 

Branson เองก็เป็นคนธรรมดาที่ย่อมมีโอกาสทำผิดพลาดได้เสมอแต่สิ่งที่สำคัญคือเมื่อผิดพลาดแล้วต้องหาทางแก้ไขเสมอ อย่าไปกลัวว่าจะล้มเหลวซ้ำซ้อน

นอกจากนี้ต้องมองหาจุดยืนของตัวเองเป็นหลักให้ได้ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็ตามเหมือน Branson ที่ดันให้ตัวเองกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Virgin ภาพของคนสนุกสนาน เฮฮา จะถูกนำใช้ในทุกกิจกรรมในทุกแคมเปญแม้ว่าคนจะชอบบ้างไม่ชอบบ้างแต่จุดยืนนี้ก็คือเอกลักษณ์ที่ทำให้ Virgin กลับมายืนในเวทีธุรกิจได้ทุกครั้งแม้จะก้าวพลาดไปมากสักเพียงใดก็ตาม

 

ด้วยเหตุนี้การทำธุรกิจที่ดีสิ่งสำคัญอาจไม่ใช่ทฤษฏีที่มาจากตำราแต่ประสบการณ์และความคิดที่แตกต่างเป็นพื้นฐานที่จะบอกได้ว่าจะนำพาธุรกิจนั้นเติบโตได้มากแค่ไหน

ยิ่งในยุคที่การแข่งขันมีสูงขึ้นเรื่อยๆ ความคิดที่แปลกใหม่การต่อยอดที่ไม่เหมือนใครมีความจำเป็นมากแต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่ความสามารถของผู้บริหารแต่ละคนถ้าใครเด่นในเรื่องนี้ได้มากธุรกิจก็จะยิ่งเติบโตยิ่งใหญ่และอาจก้าวเข้าใกล้คำว่าระดับโลกได้มากขึ้นด้วย