เป้าหมายสำคัญของเราทุกคนคือการที่ความเป็นอยู่สุขสบาย อย่างน้อยๆ ก็ให้มีรายได้มากพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวให้ไม่ต้องลำบาก

แต่การจะหาเงินได้มากน้อยอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถที่แต่ละคนพึงมี

แต่ถ้าเลือกได้เราก็เชื่อว่าแทบทุกคนอีกเช่นกันอยากมีทั้งงาน เงิน และเวลา รวมไว้ด้วยกันแต่ขอบอกเลยว่านั้นคือสิ่งที่ทำได้ยากมากถ้าทำได้คือคุณต้องทำงานอยู่ที่บ้านเท่านั้น แต่ก็ปัญหาอีกเช่นกันว่าทำงานที่บ้านต้องทำอะไรแบบไหนถึงจะมีรายได้ที่ดีแบบนั้น

 

www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลจากสังคมของอเมริกันว่ารายได้ส่วนหนึ่งประมาณ 30,000 ล้านดอลล่าร์เกิดมาจากผู้ประกอบการที่ทำงานที่บ้าน(Home-based business) และส่วนมากมักดำเนินงานเพียงแค่คนเดียว (Solopreneur) ซะด้วย

แต่ถ้ามองตัวเลขนี้แล้วก็ใช่ว่าจะรีบชิงลาออกจากงานประจำแล้วกลับไปทำงานอยู่ที่บ้าน หากคุณจะทำเช่นนั้นได้แนะนำว่าคุณควรมีไอเดียในการทำธุรกิจที่บ้านแน่นอนว่าเราก็รวบรวมความคิดเหล่านั้นมาเป็นแนวทาง 5 ประการสำหรับไอเดียดีเพื่อคนที่อยากทำธุรกิจอยู่กับบ้านและก็อยากรวยไปพร้อมๆกันด้วย

 

คงข้ามการอธิบายแต่มายกตัวอย่างให้เห็นภาพจะดีกว่า ส่วนมากก็จะเป็นความสำเร็จที่มาจากต่างประเทศเช่นเคยเริ่มต้นที่ คนแรกคือ Katherine Krug ที่เจอกับปัญหาอาการปวดหลังเมื่อนั่งนานๆ จึงคิดสายรัดพยุงหลัง

โดยอาศัยความช่วยเหลือจากนักออกแบบอุตสาหกรรมและระดมทุนจาก Kickstarter มาได้ 1.2 ล้านเหรียญ ปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจใหญ่ในชื่อ getbetterback.com โดยยังเป็นการทำงานที่บ้านในเมืองซาสฟรานซิสโก

 

อีกหนึ่งตัวอย่างคือ Kelly Lester คุณแม่ลูกสามที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเลี้ยงลูกและมีความคิดง่ายๆคืออยากทำอาหารกลางวันที่ง่ายและประหยัดเวลานำมาสู่ กล่องอาหารเบนโตะแบบญี่ปุ่น ปัจจุบันเธอสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ชื่อ easylunchboxes.com ที่มีมูลค่ากว่า 1 ล้านเหรียญได้ในที่สุด

 

เป็นกฎพื้นฐานของธุรกิจทุกประเภทอย่างที่ Allen Walton เจ้าของกิจการกล้องวงจรปิด spyguysecurity.com ได้กล่าวไว้ว่าอย่างน่าสนใจว่าถ้าเรารู้ข้อมูลเชิงลึกว่ามีสินค้าตัวไหนที่คนกำลังมองหาอยู่ ตอนนั้นให้เราเริ่มทำธุรกิจได้ทันที โดย Allen ใช้ประสบการณ์จากที่เคยเป็นลูกจ้างในร้านขายกล้องวงจรปิด

สิ่งที่ลูกค้าต้องการ Allen รู้ได้ทั้งหมดและสุดท้ายเขาก็ใช้เงินเก็บที่มีอยู่ประมาณ 1,000 เหรียญมาทำกล้องวงจรปิดในแบบที่ลูกค้าต้องการถือเป็นการเริ่มต้นธุรกิจที่มาจากการรู้จักการตลาดที่ดี

 

ขอแนะนำว่าถ้าปัจจุบันเรามีกิจการแม้จะเล็กน้อยแค่ไหนหากรู้จักผนวกเรื่องเทคโนโลยีเข้าไปจะทำให้กิจการแบบบ้านๆของเราเฟื่องฟูได้อย่างน่าตกใจ เช่นเดียวกับ Dan Mezheritsky ที่เป็นแค่ครูสอนฟิตเนสตามบ้านธรรมดาๆแต่เมื่อเขาใช้เทคโนโลยีสร้างซอฟแวร์ในการช่วยฝึกสอนก็ทำให้อาชีพนี้เปิดขายแฟรนไชส์ได้  

รวมถึง Rachel Charlupski จากธุรกิจรับเลี้ยงเด็กเพียงไม่กี่คนแต่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เนตให้เกิดประโยชน์ช่วยในการโปรโมทสุดท้ายกลายเป็นธุรกิจรับเลี้ยงเด็กที่มีเครือข่ายพี่เลี้ยงเด็กกว่า 1,500 คนเลยทีเดียว  

4.รู้จักการสร้างคอร์สเรียนออนไลน์

สำหรับคนที่มีความรู้มากพอและพร้อมจะถ่ายทอดให้คนอื่นได้แนะนำว่าธุรกิจการสร้างคอร์สเรียนนั้นน่าสนใจไม่ใช่น้อย แต่ขอแนะนำว่าเราต้องศึกษาเทคนิคในการใช้ WordPress + Sensei Theme เพื่อสร้างเว็บการเรียนการสอนได้ หรือคุณจะใช้ Platform สำหรับคอร์สออนไลน์อย่าง Fedora หรือ Udemy ก็ได้เช่นกัน

ยกตัวอย่างเคสนี้เช่น John Azzi และ Eliot Arntz ผู้ประกอบการที่มีรายได้จากคอร์สการสอนกว่า 1 ล้านเหรียญ คอร์สที่สอนคือการพัฒนาแอพบน iOS 8 และภาษาโปรแกรมมิ่งตัวใหม่อย่าง Swift หรือ Rob Percival อดีตอาจารย์สอนคณิตศาสตร์จากแคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ประสบความสำเร็จจากคอร์สเรียนสอนเขียนโปรแกรม 4 ตัว โดย Percival มีรายได้กว่า 1 ล้านเหรียญในระยะเวลาไม่ถึงปี

5.สมัยนี้ทำอีบุ๊คเป็นก็มีรายได้ที่ดี

เส้นทางของธุรกิจที่ทำอยู่กับบ้าน การทำอีบุ๊คก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย สมัยก่อนการจะตีพิมพ์หนังสือสักเล่มอาจต้องอ้อนวอนโรงพิมพ์รวมถึงอาจต้องเสียเงินไปกับการโปรโมทจำนวนมากแต่สมัยนี้เราสามารถทำอีบุ๊คในรูปแบบที่ต้องการเองด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก

โดยมีตลาดสำหรับซื้อขายหนังสืออย่าง Amazon Kindle, Goodreads, Kobo Writing Life ฯลฯ เป็น Platform ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถตีพิมพ์อีบุ๊ค และสื่อสารกับกลุ่มผู้อ่านได้

ยกตัวอย่างเช่น Amanda Hocking เจ้าของอีบุ๊คนิยายหลายเล่มบน Amazon มีรายได้จากการขายนิยายกว่า 2 ล้านเหรียญ โดยก่อนหน้านั้น Hocking เคยถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ทั้งหลาย หรือ  Guy Kawasaki นักเขียนหนังสือ 13 เล่ม

และเล่มที่เป็น Bestsellers คือ how to self-publish an ebook โดยนำเสนอกลยุทธและการปฏิบัติที่สร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้อ่านเพื่อลงมือเขียนหนังสือ รวมทั้งยังมี Template การเขียนที่พร้อมใช้งานให้กับผู้ซื้ออีกด้วย

 

---

1. ต้องทำสินค้าที่สามารถแก้ปัญหาของผู้คนได้
2. หาความต้องการที่แท้จริงของผู้คนและทำสินค้านั้นขึ้นมา
3. เพิ่มประสิทธิธุรกิจด้วยการใช้เทคโนโลยีโซเชี่ยล
4. มีความรู้มากพอสร้างคอร์สเรียนก็รวยได้
5. ทำอีบุ๊ควางขายในแพลตฟอร์มของตลาดหนังสือ

ทั้งนี้ไม่ว่าคิดจะทำธุรกิจแบบไหนอย่างไรก็ควรดูความสามารถของตัวเองเป็นที่ตั้งและเอาความรักความชอบของตัวเองเป็นหลัก ธุรกิจที่คนอื่นทำแล้วดีใช่ว่าเราจะทำแล้วสำเร็จได้ข้อมูลทั้งหลายเป็นเพียงไกด์ไลน์ให้รู้ว่าเราควรเริ่มต้นอย่างไรจงทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำ กฎเกณฑ์พื้นฐานง่ายๆแต่ทำให้คนกลายเป็นเศรษฐีมามากมายนัก
 

 

ทั้งนี้หากใครยังคิดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าอยู่กับบ้านจะสร้างธุรกิจอะไรดีเรามีรวบรวมคอร์สอบรมสัมนาไว้จำนวนมากสามารถเอาไว้เลือกเป็นแนวทางในการสร้างอาชีพได้

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม goo.gl/F6Jkcp

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)