บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
4.9K
2 นาที
14 กุมภาพันธ์ 2560
เช็คลิสต์ 6 ข้อ เพื่อความมั่นใจ ให้ธุรกิจเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง

 
ถ้าเราเคยได้ติดตามข่าวสารทางธุรกิจจะพบว่าการทำธุรกิจยุคใหม่นั้นอาศัยการระดมทุนเป็นหลัก

แต่คำถามคือว่าเขาทำอะไร แบบไหน อย่างไรที่สามารถระดมทุนเหล่านั้นมาตั้งธุรกิจได้

คำตอบของเรื่องนี้ให้มองไปที่เจ้าของเงินเป็นหลักถึงเกณฑ์พิจารณา 6 ประการที่ www.ThaiFranchiseCenter.com เรียกว่าคือการเช็คลิสต์ของธุรกิจใหม่ที่นักลงทุนจะมองเป็นสำคัญถ้าเห็นทิศทางที่สดใส มีอนาคตไกล

เขาถึงจะเริ่มต้นให้ระดมทุน เรื่องเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญมากถ้าธุรกิจหน้าใหม่รายไหนยังขาดตกบกพร่องในเรื่องเหล่านี้แทนที่จะเป็นธุรกิจดาวรุ่งอาจกลายเป็นดาวร่วงแบบไม่จำเป็นก็ได้
 
1. การตลาด (Market) 

เป็นที่แน่นอนว่าสตาร์ทอัพจะมีกำไรได้จากลูกค้า เพราะฉะนั้นคำถามแรกที่ต้องตอบตัวเองให้ได้คือ ลูกค้าของเราคือใครและใครที่จะยอมเสียเงินให้กับธุรกิจเรา เมื่อเราเจอกับคำตอบแล้วก็ต้องวิเคราะห์ต่อไปอีกว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีจำนวนมากพอหรือไม่? เพราะถ้ากลุ่มตลาดเราเล็กเกินไปโอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตนั้นก็ยาก

นอกจากนี้เราต้องมองถึงคู่แข่งที่สำคัญและไม่ใช่ดีใจถ้าเราพบว่าธุรกิจนั้นๆปราศจากคู่แข่งก็ให้คิดย้อนกลับอีกครั้งว่าทำไมถึงไม่มีใครอยากลงมาแข่งในธุรกิจที่เราต้องการ แต่ถ้ายังมั่นใจก็ให้กำหนดส่วนแบ่งการตลาดมาชัดเจนโดยอาจกำหนดเป็นจำนวนเงินหรือจำนวนคนก็ได้เพื่อจะได้ประเมินดูในช่วงแรกว่าธุรกิจเราใกล้ความสำเร็จที่ต้องการแค่ไหน
 
2.ความคิดสร้างสรรค์(Idea)

สตาร์ทอัพที่มีไอเดียแปลกใหม่เป็นเรื่องดี แต่ความแปลกไม่ได้การันตีว่าสตาร์ทอัพจะประสบความสำเร็จ เพราะไอเดียที่แปลกจะไม่มีความหมายถ้าช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าไม่ได้ เพราะฉะนั้นสตาร์อัพที่มีแนวโน้มประสบความสำเร็จสูงคือสตาร์ทอัพที่มีไอเดียแปลกใหม่และไอเดียนั้นแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้ได้ด้วย

ยกตัวอย่างของ Uber ในสมัยเปิดตัวใหม่คนมองธุรกิจไม่เข้าใจว่าทำงานอย่างไรให้ผลตอบแทนอย่างไรแต่เมื่อเรียนรู้สักระยะพบว่านี่คือธุรกิจที่แก้ปัญหาของคนในเมืองได้อย่างดีก็มีคนสนใจเข้าร่วมธุรกิจและเข้ามาเป็นลูกค้าจนประสบความสำเร็จได้ดีเช่นทุกวันนี้
 
3.แผนการหาเงินที่ดี (Business Model)
 
เงินคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงให้สตาร์ทอัพอยู่รอดและเติบโต ดังนั้นหัวใจสำคัญของการทำสตาร์ทอัพคือแผนการหาเงิน ในโลกของสตาร์ทอัพสินค้าและบริการชนิดเดียวกันอาจใช้วิธีหาเงินไม่เหมือนกัน

ยกตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพที่ทำคอมมูนิตี้เว็บไซต์นั้นมีโมเดลการหาเงินหลายแบบ ทั้งจากการขายโฆษณา การขายคอร์สอบรม การจัดแคมเปญ หรือการขายข้อมูลสมาชิก การจะฟันธงเลือกใช้โมเดลไหนก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละสตาร์ทอัพ หรือในบางครั้งตอนเริ่มแรกอาจเลือกหาเงินด้วยโมเดลหนึ่งแต่เมื่อดำเนินธุรกิจไปเรื่อยๆก็เริ่มมองเห็นช่องทางหาเงินมากขึ้นก็อาจเกิดโมเดลการหาเงินใหม่เพิ่มขึ้นก็เป็นได้
 
4.จุดแข็งทางธุรกิจ (Unfair Advantage)

Unfair Advantage คือจุดแข็งที่ธุรกิจเรามีแต่ธุรกิจอื่นไม่มี จุดแข็งของเราอาจเป็นรู้ข้อมูลเชิงลึกโดยข้อมูลนี้คู่แข่งไม่มี หรือการมีพาร์ทเนอร์ที่ควบคุมช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นต้น

ซึ่งการมีจุดแข็งที่ได้เปรียบคู่แข่งจะทำให้เราเติบโตเร็วและเป็นที่หนึ่งของตลาดได้ง่ายรวมถึงกีดกันให้คู่แข่งรายอื่นเข้าตลาดได้ยาก เช่น Agoda มีจุดได้เปรียบคือ โรงแรมทุกแห่งที่ลงขายที่ Agoda จะต้องเซ็นต์สัญญากับ Agoda ว่าจะขายให้ Agoda ในราคาต่ำที่สุด หรือ Grabtaxi จะไม่ให้แท็กซี่ในเครือข่ายเข้าร่วมกับสตาร์ทอัพที่อื่น

5.ระบบการทำงาน(Team) 

จากการเปิดเผยข้อมูลจาก First Round Capital บริษัทที่ลงทุนได้สตาร์ทอัพพบว่า สตาร์ทอัพที่มีผู้ก่อตั้ง 2 คนขึ้นไปมีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากกว่าสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งคนเดียวถึง 163 เปอร์เซนต์ และนอกจากจำนวนผู้ก่อตั้งจะมีผลต่อความสำเร็จแล้ว

คุณสมบัติของคนในทีมก็ส่งผลต่อการเติบโตของสตาร์อัพเช่นกัน โดยสตาร์ทอัพที่ประกอบด้วยทีมงานหลากหลายความถนัดและมีความเชื่อเป็นแรงขับเคลื่อนจะส่งแรงให้สตาร์อัพเติบโตเร็ว

ตัวอย่างนี้เช่นได้ชัดคือ Instragram ที่ก่อตั้งด้วยคนเดียวแต่มีทีมงานคุณภาพแค่ 13 คนซึ่งเป็นวิศวคอมพิวเตอร์ที่มีฝีมือดีสุดท้ายก็พัฒนาโปรแกรมตัวเองจนถูกใจตลาดขายต่อกิจการให้กับFacebook ได้ในที่สุด

6.ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้น(Time)

หากใครเคยฟัง Ted Talk ชื่อ the single biggest reason why startups succeed. ที่ Bill Gross พูด จะเข้าใจความสำคัญของคำว่าเวลาอย่างกระจ่าง โดย Bill Gross ได้ทำงานวิจัยหาเหตุผลว่าทำไมสตาร์ทอัพถึงประสบความสำเร็จ โดยเขาพบว่ามี 5 ปัจจัยด้วยกันที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสตาร์อัพได้แก่ ไอเดีย, ทีม, โมเดลธุรกิจ, เงินตั้งต้น และเวลา แต่เมื่อเขาเปรียบเทียบสตาร์ทอัพ 100 แห่งที่รุ่งและสตาร์ทอัพ 100 แห่งที่ร่วง

เขาพบว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดนั้นคือเวลา หากจะยกตัวอย่างของ Z.com กับ Youtube จะเห็นภาพความสำคัญของเวลามากขึ้น Z.com เป็นพื้นที่ให้คนอัพโหลดและดูคลิปวีดีโอออนไลน์ โดย Z.com ไอเดียธุรกิจดี มีทีมงานคุณภาพ ระดมทุนได้

แต่ช่วงนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศสหรัฐอเมริกา Z.com จึงล่วงดับไป อีก  2 ปีถัดมา Youtube ได้ก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลาที่ครอบครัวอเมริกันส่วนมากมีอินเตอร์เน็ตบ้านใช้ และอย่างที่เรารู้กันดีว่า Youtube ประสบความสำเร็จระดับโลก
 
และนี่คือเช็คลิสต์ 6 ประการที่เป็นสมมุติฐานเบื้องต้นให้กับคนที่กำลังคิดจะตั้งธุรกิจของตัวเองได้ลองมองสำรวจตัวเองอีกสักครั้งหากพบว่าใน 6 ข้อนี้ไม่มีขาดตกบกพร่องหรืออาจจะพร่องไปบ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อย ก็ขอฟันธงไว้เลยว่าธุรกิจของคุณมีโอกาสอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จแต่ในทางกลับกันถ้าพบว่ายังบกพร่องอีกหลายอย่างก็ให้กลับไปทบทวนอีกสักครั้งแล้วค่อยกลับมาเริ่มต้นใหม่จะได้ไม่เสียเวลาและไม่เสียงบประมาณไปกับการลงทุนที่ไม่เกิดผล
 
ทั้งนี้หากคุณเป็นอีกคนที่มีหัวทางการตลาดแต่ขาดแรงบันดาลใจที่จะเริ่มหรือไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปจะดีกับครอบครัวแค่ไหน ลองมาดูธุรกิจเหลือเชื่อที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ เป็นแรงบันดาลใจให้เรากลับไปทำตามฝันของตัวเองได้ง่ายขึ้น
 
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม  goo.gl/EQU5ny
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
605
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
496
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
418
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด