บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
12K
2 นาที
2 มีนาคม 2560
6 วิธีเริ่มต้นธุรกิจ จากเด็กอายุ 13 ที่กลายเป็นเจ้าของธุรกิจได้
 
ถ้ามีคนถามว่าตอนเราอายุ 13 ทำอะไรอยู่ ก็คงต้องนั่งนึกสักพักและตอบไปว่าเดินเล่นบ้าง เรียนหนังสือบ้าง หรือว่าเล่นเกมส์ แต่เชื่อได้เลยเช่นกันว่าคงไม่มีใครบอกว่าตอนฉันอายุ 13 ฉันกำลังนั่งทำธุรกิจของตัวเอง  

ทั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเพราะพื้นฐานครอบครัวคนไทยกับครอบครัวต่างชาตินั้นมีวิธีการส่งเสริมลูกหลานตัวเองแตกต่างกันในขณะที่เราประคบประหงมกันจนโตแต่เด็กฝรั่งส่วนใหญ่พ่อแม่จะผลักดันให้ไปลองผิดลองถูกและใช้ชีวิตด้วยตัวเองมากกว่า
 
ข้อดีส่วนนี้คือทำให้นักธุรกิจส่วนใหญ่ที่เราเห็นและรู้จักจึงเป็นฝรั่งมังค่ามากกว่าคนไทย เราก็คงต้องยอมรับในจุดนี้เหมือนกับเรื่องที่ www.ThaiFranchiseCenter.com นำเสนอในตอนนี้เป็นเรื่องของ Hart Main เด็กที่อายุเพียง13 จากรัฐโอไฮโอ เขาสามารถกลายเป็นเจ้าของบริษัท Man Cans ที่ผลิตเทียนหอมสำหรับผู้ชาย เรื่องราวของเขามีจุดเริ่มที่ง่ายๆแต่ปลายทางของเขายิ่งใหญ่เกินตัวมาก
 
จุดเริ่มธุรกิจมาจากคำถามง่ายๆแต่ได้ผล

ถ้ามองถึงเด็กวัยเดียวกันนั้น ฮาร์ทถือได้ว่าประสบความสำเร็จในธุรกิจเกินตัว แต่เชื่อหรือไม่ว่าที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นความคิดแบบวูบเดียวที่เข้ามาและก็เป็นเรื่องที่ได้ผลด้วย คือในตอนนี้น้องสาวของฮาร์ทกำลังทำเทียนหอมไปขายที่โรงเรียน ฮาร์ท

ในขณะนั้นจึงตั้งคำถามแบบง่ายๆว่า “Why sell scented candles that smelled so sweet. The vanilla flower has no idea to do some scented candles for men” หรือ “ทำไมเทียนหอมที่ขายถึงมีแต่กลิ่นหวานๆอย่างวานิลลา กลิ่นดอกไม้ มีใครคิดจะทำเทียนหอมสำหรับผู้ชายบ้างไหม?”  แต่ทว่าเพียงคำถามแค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจนี้เริ่มต้นเพราะพ่อและแม่เขาฮาร์ทมาได้ยินไอเดียนนี้และก็ส่งเสริมให้เขาทำธุรกิจนี้ทันที
 
และด้วยแรงบันดาลใจในขณะนั้นที่เขาต้องการซื้อจักรยานวิบากราคาคันละ 1,200 ดอลลาร์ในที่สุดขอก็ยอมทุบกระปุกนำเงิน 100 ดอลลาร์มาลงทุนรวมกับที่หยิบยืมจากพ่อแม่อีก 200 ดอลลาร์ เป็น 300 ดอลลาร์ในการเริ่มต้นธุรกิจอย่างเป็นขั้นเป็นตอนดังต่อไปนี้

1.กำหนดรูปแบบของสินค้าต้องแตกต่างจากที่มีอยู่

จากโจทย์ที่ถามเองว่าทำไมเทียนหอมถึงมีแต่กลิ่นหวานๆทำไมไม่มีของผู้ชาย กลายมาเป็นโจทย์ตั้งต้นที่ดีโดยฮาร์ทวางแผนไว้ว่ากลิ่นเทียนของเขาต้องแตกต่างจากที่มีและเจาะกลุ่มผู้ชายเป็นหลัก
 
2.กำหนดรูปแบบแพคเกจจิ้งที่ไม่ยุ่งยาก

เมื่อมีโจทย์ผลิตภัณฑ์ก็ต้องหาแพคเกจจิ้งโดยเริ่มแรกฮาร์ทตั้งใจเลยว่าภาชนะที่บรรจุต้องไม่ใช่แก้ว ไม่ใช่เซรามิก หรือวัสดุที่เหมือนคนอื่นในตลาดแต่ต้องเป็นอะไรที่แตกต่างและสามารถรีไซเคิลรวมถึงต้องหาง่ายสุดท้ายเขาก็มองเห็นกระป๋องซุปในครัวจึงเป็นบรรจุภัณฑ์ของเขาในการเริ่มต้นธุรกิจ
 
3.หาเอกลักษณ์ให้กับสินค้าแบบสุดโต่ง

ถ้าจะทำสินค้าเหมือนที่ในตลาดมีก็คงขายได้ยาก ดังนั้นเมื่อฮาร์ทมีทั้งโจทย์สินค้ามีทั้งแพคเกจตามที่คิดไว้ เขาเริ่มซื้อวัตถุดิบเช่นแว็กซ์ และเคมีต่างๆจากเหล่าซัพพลายเออร์ และเริ่มทำเทียนหอมในครัว

โดยเขาแบ่งกลิ่นเทียนเป็น 3 หมวดหมู่คือ กลิ่นอาหาร กลิ่นธรรมชาติ  และกลิ่นที่ทำให้นึกถึงอดีต สินค้าของเขาจึงหลากหลายทั้งกลิ่นพิซซ่า  กลิ่นกาแฟ กลิ่นดิน กลิ่นหญ้าเพิ่งถูกตัด กลิ่นกองไฟ กลิ่นถุงมือหนัง และกลิ่นไปป์ เป็นต้น

4.รู้จักการหาช่องทางการตลาดที่หลากหลายและเปิดตลาดด้วยราคาไม่แพง
 
ฮาร์ทขายเทียนหอมให้เพื่อนๆ คนรู้จัก และเปิดเว็บไซต์ www.man-cans.com จำหน่ายทางออนไลน์ นอกจากนั้น ยังนำเทียนไปเสนอขายตามร้าน ฮาร์ทโชคดีที่ร้านค้าส่วนใหญ่รับเทียนเขาไว้ขาย อาจด้วยเป็นของแปลก และราคาไม่แพง แค่กระป๋องละ 5 ดอลลาร์ฯเท่านั้น
 
5.เมื่อธุรกิจมีโอกาสขยายต้องรีบไขว่คว้าไว้ทันที

ระยะเวลาไม่ถึงปีจากยอดขาย 300 กระป๋องต่อสัปดาห์ แต่หลังจากที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเสนอเรื่องราวของเขา อีกทั้งสำนักข่าวเอพีนำไปเผยแพร่ ทำให้ฮาร์ทเป็นที่รู้จัก ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากไม่กี่ร้อย เป็นครึ่งหมื่นชิ้นในชั่วข้ามคืน เมื่อออร์เดอร์เพิ่ม ฮาร์ทจึงขยับขยายสถานที่ผลิตจากในครัวที่บ้าน เป็นการเช่าพื้นที่โกดังและจ้างคน 5 คนมาช่วยผลิต

และใช้วิธีบริจาคซุปกระป๋องให้โรงทานเพื่อคนจรจัดหลายโรงทานใน 4 รัฐ ได้แก่ โอไฮโอ เพนซิลเวเนีย มิชิแกน และเวสต์เวอร์จิเนีย หลังจากนั้นก็ทยอยเก็บกระป๋องเปล่าจากโรงทานเหล่านั้นมาใช้ เรียกได้ว่ากระป๋องใส่เทียน Man Can ทุกกระป๋องมาจากการบริจาคซุปให้ผู้ยากไร้ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจไป

6.เมื่อธุรกิจเริ่มมั่นคงต้องวางระบบที่ดีขึ้นด้วย
 
ธุรกิจที่เติบใหญ่ขึ้นทำให้ Man Can ต้องเปลี่ยนวิธีการ คือหันไปจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทบีเวอร์ ครีก แคนเดิ้ล โค ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้พิการเป็นผู้ผลิตเทียนให้ และยกเลิกการบริจาคซุปแล้วใช้กระป๋องที่ผลิตขึ้นมาใหม่เพื่อการนี้ ถึงตอนนี้ เทียนหอม Man Can ก็วางจำหน่ายใน 150 ร้านค้าทั่วประเทศ

ในราคาชิ้นละ 10 ดอลลาร์ฯ  โดยทุก 1 กระป๋องที่ขายได้จะถูกหัก 75 เซนต์บริจาคให้โรงทานเพื่อช่วยเหลือคนไร้บ้าน ที่ผ่านมา Man Can บริจาคซุปไปแล้วกว่า 1 แสนกระป๋อง และให้เงินช่วยเหลือราว 35,000 ดอลลาร์ฯ
 
Candles For Men ของ Hart Main ในปัจจุบัน
 
ในปีที่ผ่านมาMan Cans จำหน่ายเทียนประมาณ 260,000 กระป๋อง ที่น่าสนใจคือสัดส่วนลูกค้าระหว่างชายกับหญิงคือครึ่งต่อครึ่ง โดยกลิ่นที่ได้รับความนิยมที่สุด คือ กลิ่นหญ้าเพิ่งถูกตัด กลิ่นกองไฟ กลิ่นที่ขายดี คือกลิ่นเบคอน กลิ่นรูทเบียร์ กลิ่นดิน และกลิ่นบาร์บีคิว จากที่ขายทางออนไลน์ และกระจายตามร้านค้า Man Cans ยังเพิ่มช่องทางการขายคือรับผลิตเทียนหอมเพื่อเป็นสินค้าระดมทุน และผลิตให้องค์กรต่างๆ อีกด้วย

และเพื่อทุ่มเทให้กับการเรียนเขาก็ให้พ่อมาช่วยในการบริหารกิจการต่อซึ่งในอนาคตฮาร์ทก็มีแผนงานที่จะสร้างธุรกิจอื่นอีกมากมาย และนอกจากนี้เขายังมีผลงานหนังสือชื่อ One Candle, One Meal” ถ่ายทอดประสบการณ์การทำธุรกิจ และผลักดันคนอื่นให้ริเริ่มธุรกิจเป็นของตัวเองได้อีกด้วย
 
ด้วยเหตุนี้กรุณาอย่ามองข้ามเรื่องราวใกล้ตัวเพราะบางทีแง่มุมที่เรามองไม่เห็นอาจกลายเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่แต่ในขั้นตอนการทำก็ต้องมีระบบระเบียบวิธีการที่ดี เพื่อจะได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจที่ดีที่ประสบความสำเร็จจากความคิดของเราล้วนๆ
 
ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/oJx9w2
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
499
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด