ยิ่งเทคโนโลยีมีความก้าวล้ำนำหน้าก็ดูจะยิ่งทำให้คนเราหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น อาจจะเห็นภาพจากปัจจุบันที่มีโรคภัยไข้เจ็บมากมายโดยเฉพาะพวกโรคมะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ที่ดูเหมือนอัตราการเกิดโรคเหล่านี้จะมีสูงขึ้นสาเหตุส่วนหนึ่งก็เกิดจากอาหารการกินที่ในอดีตอาหารไม่ได้ถูกปนเปื้อนด้วยสารเคมี ส่วนใหญ่ใช้การปลูกกันแบบธรรมชาติ ทำให้สมัยก่อนปัญหาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บดูจะไม่เป็นประเด็นที่คนพูดถึงนัก

 

และในระยะหลังเทรนด์สุขภาพ อาหารออร์แกนิคดูจะเป็นกระแสที่มาแรงแซงทุกโค้ง ร้านอาหาร หรือสินค้าบริโภคทั้งหลายต่างก็ปรับตัวให้สอดคล้องกับวิถีความต้องการนี้ซึ่งเป็นการตื่นตัวในระดับโลกซึ่งหลายประเทศก็มีกฏหมายเกี่ยวกับสินค้าออร์แกนิคออกมาควบคุมสินค้าหรือแม้แต่ร้านอาหาร ธุรกิจคาเฟ่ในแนวสุขภาพก็ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด

แน่นอนว่าในประเทศไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นครัวโลกก็คงต้องก้าวตามกระแสนี้เช่นกันและดูเหมือนว่ามีหลายร้านอาหารที่ปรับตัวได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งในที่นี้ www.ThaiFranchiseCenter.com ได้ลองหยิบยกเอามาให้ดูกันเป็นตัวอย่าง 3 ร้านอาหารสไตล์สุขภาพพร้อมข้อมูลสินค้าออร์แกนิคจากต่างประเทศที่ต่อไปนี้คงจะเป็นเรื่องที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยความเป็นเทรนด์ร้อนแรงที่ดูท่ากระแสจะไม่มีทางตกได้ง่ายๆแน่

คำว่า Organic Food คือ อาหารเกษตรอินทรีย์ ซึ่งไม่มีสารพิษปนเปื้อน ถ้าเป็นพืช ผัก ก็ต้องปลูกจากดิน หรือ น้ำที่ไม่มีสารเคมี ถ้าเป็นสัตว์ก็ไม่โดนฉีดยา หรือ จับกรอกยา และไม่โดนเลี้ยงด้วยอาหารปนเปื้อนสารพิษ ถ้าเป็นพวกอาหารกล่องก็ใช้ส่วนผสมที่ดีไร้สารพิษอันตราย

ทั้งนี้ในตลาดอเมริกามูลค่าทางการตลาดของอาหารออร์แกนิคนั้นมีอยู่ราว 35.9 พันล้านเหรียญและดูเหมือนว่าจะมีอนาคตที่เติบโตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยตามซุปเปอร์มาเกตจำนวนมากมีโซนสำหรับสินค้าออร์แกนิคโดยเฉพาะ คนอเมริกันบางรายถึงกับบริโภคแต่สินค้าออร์แกนิคเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจสินค้าทั่วไปแม้ว่าราคาของสินค้าออร์แกนิคจะสูงกว่าสินค้าทั่วไป

แต่เมื่อแลกกับสุขภาพที่ดีก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการจ่ายแพงกว่าที่ดูราคาถูกมากๆ โดยยกตัวอย่างของนมออร์แกนิคนั้นราคาประมาณ 6 เหรียญ/แกลลอน เมื่อเทียบกับนมที่ผลิตด้วยวิธีธรรมดาที่มีราคาเพียง 3.5 เหรียญต่อแกลลอนก็ถือว่าต่างกันมาก หรือแม้แต่ไข่ออร์แกนิคที่ตลาดอเมริกาขายที่โหลละประมาณ 4.39 เหรียญ แพงกว่าไข่แบบธรรมดาที่มีราคา 3.79 เหรียญเท่านั้น
 

ภาพจาก goo.gl/fEM2z3

 

และเมื่อมองย้อนกลับมาในตลาดบ้านเราจะพบว่ามีเชนร้านอาหาร คาเฟ่ สไตล์ออร์แกนิคเกิดขึ้นจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หรือแม้แต่ร้านอาหารบางแห่งแม้ไม่ได้เปลี่ยนสไตล์เป็นออร์แกนิคร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็เพิ่มสัดส่วนเมนูเพื่อสุขภาพเข้ามาเป็นตัวเลือกมากขึ้นทำให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสินค้าออร์แกนิคในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดและต่อไปนี้คือตัวอย่างของร้านอาหารแนวสุขภาพที่ไม่ใช่แค่ปรับเมนูให้เข้ากับความต้องการแต่ปรับลุคซ์ร้านค้าเป็นสไตล์ออร์แกนิคแบบร้อยเปอร์เซ็นต์กันเลยทีเดียว

 

ถ้าจะพูดถึงอาหารสุขภาพคำตอบแรกของคนทั่วไปก็ต้องนึกถึง MK ที่มีการสร้างแบรนด์โดยชี้ให้เห็นถึงคำว่าสุขภาพมาโดยตลอด ตั้งแต่การเป็นเพียงร้านสุกี้หม้อไฟฟ้าสาขาแรกที่เซ็นทรัล ลาดพร้าวเมื่อ 33 ปีที่แล้ว สู่การเป็นอาณาจักร MK Restaurants Group ที่มีร้านอาหารในเครือ 8 แบรนด์ รวมกว่า 600 สาขา และได้มีการขยายแฟรนไชส์ออกสู่ต่างประเทศในเอเชียทั้งญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ และลาว  และกับเทรนด์สุขภาพล่าสุดที่ปรับเปลี่ยนลุคซ์มาเป็น MK Live
 

 

ภาพจาก facebook.com/mkliveofficial

 

โดยมี 4 คอนเซปต์หลักคือคือ  Live Service ที่ต่อยอดจุดเด่นของเอ็มเคในเรื่องงานบริการ , Live Showcase หรือครัวเปิด ที่โชว์ให้เห็นเมนูที่เชฟทำสดภายในร้าน, Live Ingredient การคิดค้นรายการอาหารใหม่และใช้วัตถุดิบที่ดีขึ้น

รวมถึงLive Experience การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ทั้งด้านเมนู และการตกแต่งร้านที่นำรูปแบบเรือนกระจกของฟาร์มปลูกผักมาเป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่ง เน้นวัสดุจากธรรมชาติ

รวมถึงดิสเพลย์ปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ที่ผนังร้านอีกด้วยเพื่อสื่อความหมายถึงการเป็นผู้นำเทรนด์สุขภาพอย่างแท้จริง ซึ่ง MK Live นี้อยู่ที่ชั้น 6 Helix zone, Emquatier BTS พร้อมพงษ์ใครอยากรู้ว่าสวยสดงดงาม และออร์แกนิคร้อยเปอร์เซ็นแค่ไหนตามไปดูกันได้ตามนี้เลย

 

 
เป็นสไตล์ของร้านอาหารที่ปรับแต่งให้เป็นออร์แกนิคแบบร้อยเปอร์เซ็นโดยร้านนี้อยู่บริเวณซอยสุขุมวิท 39 (สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์) โดยจัดให้บริเวณชั้น 1 ของร้าน เป็น Shop สำหรับการจำหน่ายผักปลอดสารเคมีและสินค้าออร์แกนิคประเภทต่างๆ และนอกจากนี้ในชั้นที่ 2 ยังเปิดเป็นส่วนของร้านอาหารที่แน่นอนเช่นกันว่าต้องเน้นวัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิคล้วน

โดยมีเมนูที่ได้รับความนิยมหลายอย่างเช่น organic vegetables sashimi ที่คัดผักสด เช่น ข้าวโพดอ่อน แครอท แตงกวา กระเจี๊ยบเขียว มาให้คุณเลือกจิ้มกับน้ำจิ้มเพื่อสุขภาพ , king of tofu คือฟองเต้าหู้ เต้าหู้งาขาว เต้าหู้ฝ้าย ผสมผสานกันอย่างลงตัวในน้ำเต้าหู้ ทานคู่กับโชยุคอมบุ สาหร่ายและขิงฝน , Tuna & Tofu Hamburger ทูน่าเต้าหู้แฮมเบอร์เกอร์ เนื้อทูน่าสับละเอียดนำไปย่างไฟอ่อนๆ ราดด้วยซอสเห็ด 3อย่าง
 

ภาพจาก facebook.com/SustainaOrganicRestaurant

มีทั้งเห็ดหอม เห็ดเข็มทอง และเห็ดนางฟ้า เป็นต้น และที่พิเศษยิ่งกว่าคือใครที่คิดว่าอาหารที่ทำจากวัตถุดิบออร์แกนิคนั้นจะต้องมีราคาแพงที่ Sustaina Organic Shop & Restaurant ให้คุณอิ่มอร่อยพร้อมสุขภาพดีด้วยเมนูราคาเริ่มต้นเพียง 90 บาทเท่านั้น หากใครสนใจอยากรู้ว่าบรรยากาศร้านสไตล์ออร์แกนิคนั้นเป็นอย่างไรก็ลองไปชิมรสชาติชิมบรรยากาศกันได้ตามความต้องการ

 

 
 

เป็นร้านอาหารเปิดใหม่ที่หยิบยื่นมื้ออาหารดี ๆ จากธรรมชาติ ให้หลาย ๆ คนได้หันมาทานผักผลไม้แทนผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ซึ่งเป็นเหมือนกับการปฏิวัติเล็ก ๆ เพื่อสุขภาพ ตัวร้านเป็นร้านสไตล์อินดัสเทรียลที่เน้นคงความดิบของร้าน พร้อมกับเพิ่มสีเขียวสบายตาด้วยการประดับต้นเฟิร์นต้นใหญ่ไว้ตามจุดต่าง ๆ บนเพดาน

 

ส่วนใครชอบพื้นที่โล่งโปร่ง หน้าร้านมีบันไดสำหรับขึ้นไปยังโซนเอาท์ดอร์ริมระเบียงให้นั่งมองบรรยากาศภายนอกกันได้ สำหรับเมนูอาหารเล็ก ๆ ของที่นี่เน้นรสชาติแบบฟิวชั่น แต่ที่สำคัญคือการใช้วัตถุดิบออร์แกนิกที่ปลอดสารเคมี ผงชูรสและส่วนผสมจากสัตว์ที่ปราศจากสารเร่งโต เร่งกล้ามเนื้อ เป็นเนื้อสัตว์ตามธรรมชาติที่เลี้ยงดูในระบบออร์แกนิคล้วนๆ 

 

ภาพจาก facebook.com/broccolirevolution

 

และในอนาคตก็คาดว่าเทรนด์ร้านอาหารสไตล์ออร์แกนิคจะต้องมีเพิ่มมากขึ้น สิ่งสำคัญคือการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคว่าออร์แกนิคที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไรไม่ใช่แค่การทำป้ายร้านให้เป็นออร์แกนิคแต่ภายในร้านยังเป็นอาหารที่ใช้วัตถุดิบทั่วไป

นอกจากนี้การเป็นร้านออร์แกนิคที่ดีต้องทำให้ลูกค้าพึงพอใจในรสชาติ อาหาร และการบริการ รวมถึงการเพิ่มเติมความน่าสนใจให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่าเขากำลังได้ทานอาหารจากธรรมชาติที่ดีที่สุดก็จะช่วยสร้างความประทับใจและทำให้มีฐานลูกค้าประจำที่เพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน

 

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S