บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ไอเดียธุรกิจ
8.7K
2 นาที
11 สิงหาคม 2560
สร้างเงินล้าน! จากเครื่องหอมสมุนไพรไทย


 
ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นกับตลาดความงามที่เราอาจคิดไปว่าเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งหารู้ไม่ว่านี่คืออีกหนึ่งธุรกิจที่เรียกว่า Neverdie ไม่ว่าเศรษฐกิจจะขึ้นหรือลงแต่คนเราก็ยังต้องการความสวยไว้เป็นเครื่องการันตีความมั่นใจให้ตัวเองอยู่เสมอๆ เราจะเห็นแบรนด์เครื่องสำอางระดับโลกที่สามารถทำกำไรจากธุรกิจนี้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

บางครั้งก็ขยันออกสินค้าใหม่ๆมาให้ลูกค้าได้เสียเงินซื้อกันอยู่เรื่อยๆ ในตลาดนี้จึงมีความน่าสนใจซ่อนอยู่ แต่ช้าก่อนสำหรับใครที่คิดว่าเจอช่องทางแล้วจะกระโดดลงทุนกันง่ายๆ

ธุรกิจนี้หากไม่มีเอกลักษณ์และความเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจแล้วขอบอกได้เลยว่าโอกาสเติบโตก็อยากสมควรเช่นกัน ดังนั้นเราต้องมาคิดละประเด็นๆกันไปว่าธุรกิจที่ตลาดดีแสนดีเราจะมีโอกาสสอดแทรกตัวเข้าไปอย่างไรได้บ้าง  

www.ThaiFranhiseCenter.com ยกตัวอย่างเรื่องนี้จากสินค้าเครื่องหอมของไทยที่แม้จะดูว่าเป็นเรื่องบ้านๆ คนไทยยังไม่ค่อยนิยมนักแต่ต่างประเทศสวนทางสิ้นเชิงอะไรที่ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องหอมจากเมืองไทยขายดีชนิดไม่ลืมหูลืมตาทีเดียว
 
ลองมาดูสถานการณ์ของตลาดนี้ในระดับโลกกันดูแล้วจะรู้ว่ามันว้าววววขนาดไหน
 
 
ภาพจาก www.facebook.com/harnnth

ปัจจุบันมีเครื่องหอมจากเมืองไทยไปปรากฏในต่างแดนมากกว่า 3,000 รายการในหลายประเทศทั้งเอเชียและยุโรป โดยรายงานจาก Business Consultancy Services พบว่า มูลค่าตลาดเครื่องสำอางตั้งแต่ปี 2556-2560 มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมามีมูลค่าประมาณ 255 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าในปี 2560 มูลค่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 292 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยระหว่างปี 2555-2560 คิดเป็นร้อยละ 4.6

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องสำอางโลก ในปี 2555 พบว่า ส่วนแบ่งตลาดเครื่องสำอางใน แถบภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก อเมริกา และภูมิภาคยุโรป มีส่วนแบ่งตลาดที่ใกล้เคียงกันคือร้อยละ 34, 33 และร้อยละ 29 ตามลำดับ และจากตัวเลขการส่งออกเครื่องสำอางประเภทเครื่องหอม สบู่ นั้นมีมูลค่า81,700 ล้านบาท

ซึ่งกว่าร้อยละ 78 คิดเป็นมูลค่าประมาณ63,400 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่ยังส่งออกโดยผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมมีสัดส่วนการส่งออกเพียงร้อยละ 22 และคิดเป็นมูลค่าประมาณ 18,300 ล้านบาท
 
ทำไมต่างชาติถึงฮิตติดเครื่องหอมของไทยนัก?
 
 
ภาพจาก www.facebook.com/harnnth

ต่างชาตินั้นถือว่าคลั่งไคล้กับเครื่องหอมมากเนื่องจากข้อแตกต่างของไทยกับฝรั่งที่เอกลักษณ์เรื่องนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรื่องเครื่องหอมเมืองไทยมีให้เห็นมาตั้งแต่โบราณกาล เรียกว่าเป็นภูมิปัญญาที่หาได้ยากยิ่งและเมื่อมีการเอามาต่อยอดเป็นธุรกิจก็ทำกำไรได้มหาศาลทีเดียว

สาเหตุสำคัญที่ต่างชาตินิยมเครื่องหอมฝีมือคนไทยนั้นเพราะวัตถุดิบของเราคือสมุนไพรและพืชพรรณพื้นบ้าน ที่ช่วยทั้งในเรื่องผิวพรรณและการบำบัด แบบไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี โดยแบรนด์เครื่องหอมดังๆในประเทศไทยที่ไปตีตลาดโลกเช่น Harnn , Thann , Organika , Panpuri , Karmakamet , BsaB , Erb , Satira  เป็นต้น แน่นอนว่าแต่ละแบรนด์นั้นก็จะมีเอกลักษณ์และกลิ่นหอมของสินค้าที่ไม่เหมือนใครเพื่อทำให้เป็นที่น่าสนใจมากขึ้น
 
ที่ผ่านมามีผู้ประกอบรายเล็กรายใหญ่ที่เข้าสู่ธุรกิจเครื่องหอมจำนวนมากแต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจนี้อยู่รอดปลอดภัยได้ไม่ใช่แค่ทำสินค้าให้หอมอย่างเดียวแต่ทุกอย่างต้องเพอร์เฟคไปพร้อมๆกันด้วย
 


ภาพจาก www.facebook.com/harnnth

ไม่ว่าจะด้วยเรื่องแพคเกจจิ้งที่ต้องดูน่าสนใจ หรือการตลาดที่ต้องสามารถเข้าถึงกลุ่มคนในประเทศนั้นๆได้อย่างดี เรียกว่าจำเป็นที่ต้องทุ่มการตลาดเป็นสิ่งสำคัญแต่ก็ดูคุ้มค่าเมื่อเห็นตัวอย่างจากหลายค่ายที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว เช่น เครื่องหอมแบรนด์ดังอย่าง Breathe ที่ส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องหอมได้กว่า 30 ประเทศก็ใช้เทคนิคเรื่องกลิ่นที่ไม่อ่อนไม่แข็ง และเน้นความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นหลักรวมถึงมีการพัฒนาแพคเกจให้ดูมีความเป็นไทยจึงตีตลาดสากลได้ไม่ยาก
 
หรือจะเป็นเครื่องหอมออร์แกนิคของ BsaB ที่เจ้าของธุรกิจนั้นอยู่ขั้นที่เรียกว่าอายุน้อยร้อยล้านกันเลยทีเดียว จะไม่ให้อายุน้อยร้อยล้านได้อย่างไรก็ในเมื่อนี่คือธุรกิจเครื่องหอมที่สามารถทำรายได้เกิน 100 ล้านภายในเวลาแค่ 2 ปีเท่านั้นแน่นอนว่ากลยุทธ์การตลาดและการเอาใจใส่ในการผลิตนั้นสำคัญมากเพราะสินค้าเครื่องสำอางต้องมีมาตรฐานการผลิตที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย
 
วิธีการที่เราคุ้นเคยก็คือสั่งผลิตแล้วก็จำหน่าย

 
เป็นหลักการเดียวกับการทำธุรกิจเครื่องสำอางทั่วไปที่เดี๋ยวนี้ใครอยากมีแบรนด์เครื่องสำอางตัวเองก็ไม่ยาก เพราะมีบริษัทที่รับผลิตตามออร์เดอร์ อยากได้แบบไหน เนื้อครีมแบบใด จำนวนเท่าไหร่ แพคเกจอย่างไร เขามีให้หมด ขอแค่เราจ่ายเงินอย่างเดียวทุกอย่างไม่มีปัญหา

ในธุรกิจเครื่องหอมก็เหมือนกันข้อมูลในการผลิตเบื้องต้นนั้นสำหรับคนที่ต้องการสั่งทำราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 200-20,000บาท น้ำหอมหรือสารประกอบน้ำหอม เริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 800-3,000 บาท สารสกัดธรรมชาติ เริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 700-5,000 บาท อโรมา-สปา เริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 2,000-80,000 บาท และสารแต่งกลิ่นรส เริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 600- 1,200 บาท

ส่วนการที่จะทำสินค้าเท่าไหร่วางขายอย่างไรเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ผู้ลงทุนต้องคิดให้ดีแต่ขอบอกเลยว่าหากจับทิศทางได้เก่งเดินกลยุทธ์ได้ถูกช่องธุรกิจนี้ก็รวยเร็วมีกำไรหอมฟุ้งเหมือนที่เราขึ้นชื่อบทความไว้ในเบื้องต้นเลยทีเดียว
 
ทริคเล็กๆ ลองทำเครื่องหอมเล่นกันดีกว่า


 
อยู่ว่างอยากทำธุรกิจเครื่องหอมก็ลองมาทำเล่นดูก่อนดีกว่า ก่อนอื่นเลยหาดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมก่อนเอาอะไรก็ได้ ดอกมะลิ , กุหลาบ , จำปี  , พุดซ้อน  แล้วก็หาสมุนไพรที่ทำเป็นน้ำมันหอมระเหยได้อย่างต้นมินต์ ไพร หรือตะไคร้หอมก็ได้

ในที่นี้ลองทำเป็นกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ดูดีกว่า ก็เริ่มจากนำดอกลาเวนเดอร์รูดดอกออกจากกิ่งนำไปวางบนกระดาษทิชชู่ จากนั้นก็บีบให้แน่นด้วยกระดาษนำดอกลาเวนเดอร์ไปใส่ขวดแก้ว แล้วเทน้ำมันมะกอกลงไปปิดฝาขวดด้วยพลาสติกพร้อมรัดยางให้แน่นวางทิ้งไว้ จากนั้นก็กรองดอกลาเวนเดอร์ออกจากน้ำมัน นำน้ำมันที่ได้ใส่ขวดคลุมด้วยพลาสติกเก็บเอาไว้ใช้
 
สำหรับในเชิงพาณิชย์นั้นก็ต้องมีเครื่องไม้เครื่องมืออีกมากพอสมควรรวมถึงมีกรรมวิธีที่ทำให้ได้สินค้าอย่างหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในธุรกิจหากเราสนใจทำจริงๆ

อาจจะเริ่มเรียนรู้ทำขายไปพลางๆก่อนขยับเข้าสู่ไลน์ผลิตทีละน้อยๆค่อยๆทำตลาดหาประสบการณ์ให้ตัวเองควบคู่กันไปจนเจอช่องทางที่ใช่และมั่นใจว่าเราเดินมาถูกทางก็ค่อยหาโอกาสเพิ่มทุนในการผลิตสร้างตลาดให้ใหญ่กว่าเดิม เส้นทางของเครื่องหอมก็พร้อมสร้างโอกาสให้เรามีกำไรได้อย่างน่าสนใจแน่นอน
 
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
426
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
412
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด