บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.7K
2 นาที
6 กันยายน 2560
ตามไม่เห็นฝุ่น! ระบบการศึกษาฟินแลนด์ดีที่สุดในโลก Vs  ไทยแลนด์


 
จากการจัดอันดับของ World Economic Forum : WEF ในปี 2017 เกี่ยวกับระบบการศึกษานั้นปรากฏฟินแลนด์ได้ตำแหน่งการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกไปซึ่งเป็นการสอบถามคนที่ทำงานในต่างประเทศ 14,300 คน ซึ่งมาจาก 174 ประเทศ และอาศัยอยู่ใน 191 ประเทศปรากฏว่ากว่า 70% นั้นยกเรื่องการศึกษาให้กับฟินแลนด์ทำให้ค่าเฉลี่ยนนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งโลกที่ 21%

ส่วนสิงคโปร์ครองอันดับ 2 ตามมาด้วยสวิตเซอร์แลนด์และเกาหลีใต้ คำถามที่ตามมาในฐานะของคนไทยคือ แล้วอันดับการศึกษาในบ้านเราไปอยู่ตรงไหน หากอ้างอิงจากรายงานเดียวกันนี้จาก 174 ประเทศทั่วโลกของเราอยู่ในลำดับที่ 155 ซึ่งเรียกได้ว่าตามไม่เห็นฝุ่นกับระบบการศึกษาของฟินแลนด์เลยทีเดียว
 
จึงเป็นความน่าสงสัยและน่าสนใจว่าเหตุใดฟินแลนด์ถึงได้รับการยกย่องว่ามีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกและประเทศไทยเท่าที่ดูก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นแต่ทำไมถึงไม่ติดอันดับโลกแถมยังไปอยู่โซนท้ายๆอีกต่างหาก และถ้าจะมองให้ลึกกว่านั้นทุกวันนี้เราก็มีการปฏิรูปการศึกษาแล้วเช่นนี้จะสามารถยกระดับการศึกษาขึ้นมาได้ดีแค่ไหน
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com ลองเอาเรื่องนี้มาพูดคุยพอให้มองเห็นภาพสักเล็กน้อยจะได้มีแนวทางการต่อยอดการศึกษาในเมืองไทยที่ถูกที่ถูกทางได้มากขึ้น
 
เรื่องที่ไทยถูกจัดอันดับการศึกษาในโซนท้ายๆย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ทั้งนี้การศึกษาที่ดีคือรากฐานของเศรษฐกิจที่ดีเช่นกันด้วยเหตุนี้ อย่างที่เราทราบว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 134 ตอนที่ 40 ก. เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาได้ระบุเรื่องการปฏิรูปการศึกษาเอาไว้ชัดเจน

โดยให้เน้นแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การปรับปรุงวิธีการเรียนการสอนให้สอดคล้องกันทั้งระบบ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพของครูผู้สอนอย่างไรก็ดีหากเราลองมาวิเคราะห์เรื่องต่อเรื่องของการศึกษาไทยทำไมแตกต่างกับฟินแลนด์เราจะเห็นสิ่งที่แตกต่างด้วยกัน 5 เรื่องคือ
 
1.ระบบการศึกษาที่แตกต่าง


 
ภาพจาก goo.gl/Qcf4m5

ในขณะที่การศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลของไทย ดูเหมือนจะเป็นการเรียนและท่องจำไปเพียงเพื่อสอบ แต่ระบบการศึกษาในประเทศฟินแลนด์เน้นไปที่ความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยเป็นการศึกษารูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Phenomenon-Based Learning (PBL)

ซึ่งเป็นการเรียนที่มาจากหัวข้อหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว เป็นการเรียนในลักษณะของโครงงานที่นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มและมีเนื้อหาการเรียนครอบคลุมหลายวิชา โดยที่ไม่ได้มุ่งเน้นศึกษาวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจงเช่นระบบการศึกษาทั่วไปที่หากศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ก็จะมุ่งเรียนเรื่องการคำนวณเพียงอย่างเดียว

2.การเข้าถึงที่ไม่ทั่วถึง

 
ภาพจาก goo.gl/Qcf4m5

ในขณะที่ประเทศไทยโรงเรียนชื่อดังจะอยู่ในจังหวัดใหญ่ๆตามเมืองใหญ่ๆเป็นหลัก แต่ในพื้นที่ห่างไกลออกไปของบ้านเราจะหาโรงเรียนในลักษณะใกล้เคียงกับในตัวเมืองนั้นยากมาก ไม่ต้องพูดถึงค่าเทอมที่แตกต่างกันไปไม่อยู่ในเรทมาตรฐานเดียวกัน แต่ในฟินแลนด์ในฐานะที่เป็นรัฐสวัสดิการและมีประชากรแค่ประมาณ 5 ล้านคน

นักเรียนทุกคนในฟินแลนด์จะมีโอกาสได้เรียนฟรีจนจบชั้นปริญญาโทและมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยโรงเรียนส่วนมากเป็นโรงเรียนรัฐบาล ที่มีคุณภาพเท่า ๆ กัน ไม่ว่าจะอยู่ในตัวเมืองหรืออยู่ในชนบท ในฟินแลนด์จะเน้นให้เด็ก ๆ ได้เรียนในโรงเรียนใกล้บ้าน การคมนาคมขนส่งก็สะดวกสบาย หากโรงเรียนไกลจากบ้านของนักเรียนเกินกว่า 5 กิโลเมตร ก็จะมีรถรับส่งนักเรียนฟรีด้วย

3.มาตรฐานในการสอนของบุคลากรทางการศึกษา

 
ในขณะที่หน้าที่ของคุณครูในโรงเรียนไทยทั่วไปมีมากมายตั้งแต่งานสอนหลายชั่วโมงต่อวันหรือต่อสัปดาห์ งานตรวจการบ้าน งานบริหาร งานดูแลความประพฤติเด็ก งานด้านกิจกรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย ในประเทศฟินแลนด์หน้าที่ของครูมีเพียงการสอนและตรวจการบ้านเท่านั้น

ไม่มีการงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารใด ๆ โดยเฉลี่ยแล้วงานสอนของครูในฟินแลนด์มีเพียง 120 – 180 นาที หรือ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน พร้อมวันหยุดพักผ่อนยาว เพื่อให้ครูไม่เครียดจนเกินไป และสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนได้อย่างมีคุณภาพสูงสุด

4.จำนวนคาบเรียนที่มากเกินไปก็ใช่ว่าจะดี

 
ภาพจาก goo.gl/Qcf4m5

คนไทยอาจจะรู้สึกว่าถ้าจะเรียนให้เก่งต้องมีชั่วโมงเรียนให้มาก มีการบ้านเยอะเพื่อฝึกทบทวน นั้นก็ทำให้เด็กไทยแต่ละคนเข้าเรียนเฉลี่ยวันละ 6-9 ชม. แถมมีการบ้านอีกเพียบ ยังไม่รวมเรื่องการเรียนพิเศษนอกเวลา แต่ในฟินแลนด์ เด็กจะเข้าเรียนไม่เกินวันละ 5 ชม. และมีนักเรียนต่อห้องไม่เกิน 20 คน หลังเลิกเรียนก็ไม่มีการบ้าน ไม่มีการสอบแบบให้เด็กต้องอ่านหนังสืออย่างหนัก แต่จะเน้นการวัดผลตามช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เด็กเครียดและแข่งขันกันเป็นที่หนึ่ง
 
5.วิธีการคัดเลือกบุคลากรเข้ามาในระบบการศึกษา

 
อาชีพครูในฟินแลนด์ถือว่ามีเกียรติมากและได้เงินเดือนเทียบเป็นเงินไทยกว่า 130,000 บาท แต่การจะมาเป็นครูในฟินแลนด์ได้ต้องมีคุณสมบัติคือจบการศึกษาในระดับปริญญาโทสาขานั้นๆ รวมถึงมีการคัดเลือกอย่างเข้มงวดอัตราการแข่งขันอยู่ที่ประมาณ 20 คนต่อ1 ตำแหน่งและจำกัดการสมัครคัดเลือกแค่ 10 ครั้งเท่านั้น
 
เหล่านี้คือภาพรวมที่ทำให้เรามองเห็นว่าเหตุใดการศึกษาบ้านเราจึงยังตามอีกหลายประเทศอยู่เยอะมาก เรื่องนี้ต้องได้ความร่วมมือกันทุกฝ่ายทั้งหน่วยงานราชการ เอกชน และบุคคลทั่วไป พื้นฐานการศึกษาดี เศรษฐกิจก็เติบโตดีขึ้น ตรรกกะที่ดูเหมือนง่ายๆแต่ที่จริงทำยากถ้าไม่ตั้งใจทำจริงๆ
 
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S
 
 
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก goo.gl/Qcf4m5
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
633
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
549
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
495
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
464
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
447
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
441
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด