พ่อแม่ไม่ว่ายุคไหนก็อยากเห็นลูกเก่งลูกฉลาดเพราะเป็นโอกาสที่ลูกจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มาก และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ากันว่าการเลี้ยงลูกแบบชาวยิวนั้นถือว่ามีผลต่อความฉลาดของเด็กเป็นอย่างมาก

www.ThaiFranchiseCenter.com ลองไล่เรียงรายชื่อชาวยิวหลายคนที่มีอิทธิพลต่อโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็น อลัน กรีนสแปนผู้ว่าการธนาคารกลางของสหรัฐฯ ที่ครองตำแหน่งสำคัญในสหรัฐมาตั้งแต่ยุคของประธานาธิบดีเรแกน จนถึงประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช
 

หรือชื่อของ พอล ครุกแมน ที่โดดเด่นด้านเศรษฐศาสตร์สื่อมวลชนและได้รับสมญาว่าเป็นนอสตราดามุสแห่งโลกเศรษฐศาสตร์ก็นับเป็นชาวยิวแบบ 100 % ที่เกิดในนิวยอร์คเมื่อปี 2496  นอกจากนี้คนอื่นๆก็ชื่อเสียงสำคัญไม่แพ้กันเช่น สตีเวน สปีลเบิร์ก, ดัสติน ฮอฟแมน, พอล นิวแมน, เคิร์ก ดักลาส, แฮร์ริสัน ฟอร์ด, บรูซ วิลลิส, ริชาร์ด เกียร์ แม้กระทั่งเดวิด แบคแฮมก็มีแม่ที่เป็นชาวยิว เช่นกัน
 

 

พ่อแม่ชาวยิวยึดแนวคิดเช่นนี้ ไม่ว่าสิ่งใดที่ลูกต้องการก็ต้องพยายามให้ทำด้วยตัวเองโดยมีพ่อและแม่เป็นผู้คอยให้ความช่วยเหลือเท่านั้น เช่นในร้านกาแฟที่อิสราเอล เราจะเห็นว่าเด็กอายุ 1 ขวบสามารถกินอาหารเองได้แล้ว นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ปล่อยให้เด็กทำทุกทุกอย่างที่สามารถทำได้เอง แต่ทั้งนี้ก็ต้องคำนึงถึงศักยภาพตามวัยของเด็กๆด้วย

 

พ่อแม่ชาวยิวจะกระตุ้นให้ลูกๆได้เรียนรู้ความผิดหวังและพ่อแม่ชาวยิวจะสอนลูกเสมอว่า “การเริ่มต้นมันยาก แต่ถ้าเราเริ่มต้นได้เรื่องง่ายๆ ก็จะตามมา”  แนวทางการสอนนี้จะคอยผลักดันให้เด็กลุกขึ้นสู้กับปัญหาจนกว่าจะสำเร็จ

 

 

หากเป็นพ่อแม่ทั่วไปรางวัลส่วนใหญ่มักจะเป็นเงินทอง สิ่งของ แต่พ่อแม่ชาวยิว การให้ความไว้วางใจคือรางวัลที่ดีที่สุดของลูก การที่เด็กได้ความไว้วางใจให้ทำเรื่องต่างๆมากกว่าการที่จะถูกจับผิด จะทำให้เด็กมีความกล้าในการใช้ชีวิตมากขึ้น

 

4.ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์
 

สังเกตได้ว่าเด็กชาวยิวส่วนใหญ่เนื้อตัว เสื้อผ้าจะเลอะเทอะเปรอะเปรื้อน นั้นไม่ใช่ว่าพ่อแม่ไม่สนใจแต่พ่อแม่ชาวยิวให้อิสระแก่ลูกในการเล่นอย่างเต็มที่ ถือคติที่ว่ายิ่งเลอะก็ยิ่งเยอะประสบการณ์ 

 

พ่อแม่คนไทยเวลาเห็นห้องนอนของลูกเลอะเทอะ ไม่เป็นระเบียบส่วนใหญ่ถ้าไม่จัดให้ลูก ก็จะบ่นกระปอดกระแปดว่าไม่เรียบร้อยแต่ พ่อแม่ชาวยิวจะปล่อยให้เด็กๆ อยู่ในห้องรกๆ ของเขา ตราบใดที่เด็กๆ ยังมีความสุขกับมันอยู่แต่ก็จะอธิบายว่าการมีระเบียบนั้นมีข้อดีอย่างไร และทำให้ลูกเจอของที่ต้องการง่ายขึ้นแค่ไหน

6.ปล่อยให้ลูกเล่นได้เป็นวันๆ

 

 

คนไทยเป็นบ่อยที่ปล่อยให้ลูกเล่นชั่วพักชั่วครู่ก็จะบอกให้หยุดแต่พ่อแม่ชาวยิวเชื่อในพลังของเด็กที่ล้นเหลือ และรู้ถึงความสำคัญของการปล่อยให้เด็กได้ใช้พลังงานทั้งหมดอย่างเต็มที่ พราะการทำแบบนี้เมื่อลูกโตขึ้น เขาจะเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นใจและทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ย่อท้อ

7.ให้อิสระลูก อย่างชาญฉลาด
 

พ่อแม่ชาวยิวมักจะปล่อย หรืออนุญาตให้ลูกทำอะไรได้หลายอย่าง แม้แต่การวาดรูปที่ผนัง เพื่อหวังว่าสักวันลูกอาจจะเป็นจิตรกรเอกได้แต่ก็มีข้อห้ามที่ลูกจะละเมิดไม่ได้เช่นกันคือ การไม่เคารพครอบครัว พ่อแม่จะลงโทษลูก ๆ ถ้าลูกด่าพ่อแม่  เป็นต้น

8.พ่อกับแม่มีฐานะทางครอบครัวเท่าเทียมกัน
 

พ่อแม่ชาวยิวจะสอนให้เด็ก ๆ เคารพพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก ซึ่งลูกจะรู้ว่าพ่อแม่เป็นหัวหน้า และจะเลียนแบบและยึดถือพ่อแม่เป็นตัวอย่างเสมอไม่มีความคิดที่ว่าผู้ชายต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวและผู้หญิงเป็นเพียงแค่ผู้ตาม

9.ลูกสามารถควบคุมตัวเองได้
 

ครอบครัวชาวยิวจะไม่ลงโทษลูกด้วยการไปยึด หรือแย่งของบางสิ่งบางอย่างจากลูกในทางกลับกันพ่อแม่ชาวยิวจะตั้งกฎในการให้รางวัลกับการกระทำที่ถูกต้อง เด็กก็จะไม่คิดถึงการถูกลงโทษ แต่จะเรียนรู้ที่จะปรับและเรียนรู้ได้เองว่าพฤติกรรมไหนที่ดีหรือไม่ดีของตัวเอง
 

10.ลูกจะอยู่ในสายตาพ่อแม่ทุกครั้ง
 

ไม่มีพ่อแม่ชาวยิวคนไหน ไม่สังเกตเห็นการกระทำของลูก และเชื่อว่าควรให้รางวัลกับสิ่งที่ลูกทำได้ โดยการกระทำแบบนี้เรียกว่าเป็นทฤษฎีที่บอกว่า การชมจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี แม้ผลงานของลูกจะไม่ได้ดีมากมาย แต่พ่อแม่ชาวยิวก็จะหาทางชมจนได้

 

จะสังเกตได้ว่าวิธีการสอนของพ่อแม่ชาวยิวหลายอย่างมีส่วนผลักดันให้เกิดบุคคลสำคัญระดับโลกมากมาย ในฐานะพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเก่งและมีคุณภาพลองใช้วิธีการเลี้ยงแบบนี้มาประยุกต์ดูได้ ลูกของเราอาจจะกลายเป็นคนดังระดับโลกก็ได้

 

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

 

ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/QeaPHy