บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
11K
2 นาที
25 กรกฎาคม 2561
CJ ร้านสะดวกซื้อที่ควรโตเหมือน Alpha mart
 

ร้านสะดวกซื้อเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่คนสนใจมาก เริ่มตั้งแต่ 7-11 ที่เป็นรายใหญ่ของประเทศมีสาขาทั่วประเทศมากกว่า 10,000 แห่ง นอกจากนี้ก็มีอีกหลายแบรนด์ในตลาดเดียวกันทั้งLawson , Familymart , CJ Express ไม่นับรวม Big C กับ Tessco Lotus ที่หันมาเจาะตลาดแนวนี้กับเขาด้วยเช่นกัน

ซึ่งคนไทยเองก็ดูจะผูกผันและรู้สึกว่าร้านสะดวกซื้อเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันชนิดที่แต่ละวันบางคนเดินเข้าเดินออกใช้บริการกันมากกว่าวันละ 2-3 ครั้ง


ภาพจาก www.facebook.com/CJsupermarket
 
ไม่น่าแปลกใจที่ยอดขายของร้านสะดวกซื้อเบอร์หนึ่งของประเทศอย่าง7-11 จะมีรายได้เฉลี่ยต่อสาขาไม่น้อยกว่า 80,000 บาท/วัน คำถามคือทำไม 7-11 ถึงได้เติบโตราวกับติดสปริง และทำไมร้านสะดวกซื้อที่เป็นแบรนด์แบบไทยแลนด์โอนลี่อย่าง CJ ถึงไม่เป็นที่กล่าวถึงมากนัก ทั้งที่ความจริงแล้ว 7-11 แม้จะเป็นหนึ่งในเมืองไทยแต่ก็มีบทเรียนที่เคยพ่ายแพ้ราบคาบให้กับร้านสะดวกซื้อเจ้าถิ่นในอินโดนีเซีย สิ่งเหล่านี้จะดีพอให้ CJ นำมาปรับใช้ในการทำตลาดได้บ้างหรือไม่
 
www.ThaiFranchiseCenter.com จะพาไล่เรียงและวิเคราะห์แนวทางในเรื่องนี้กันทีละประเด็นๆให้เห็นภาพชัดเจนสำหรับคนสนใจในธุรกิจแนวนี้
 
หลังจาก CP ได้ซื้อ License 7-11 จากบริษัท เซาท์แลนด์ คอร์ปอเรชั่น เมื่อปี 2531 และเปิดสาขาแรกในเมืองไทยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2532 กลยุทธ์ช่วงแรกที่ 7-11 นำมาใช้ในการขยายตลาดคือ
  1. กลยุทธ์ซื้ออาคารเพื่อเปิดร้าน แต่ก็ยังเติบโตไม่ดีนัก ช่วงแรกขาดทุนรวมกว่า 100 ล้านบาท
  2. เปลี่ยนกลยุทธ์จากซื้อเป็นเช่า วิธีนี้ 7-11 เริ่มเติบโตเร็วขึ้น เพียง 10 ปีก็มีครบ 1,000 สาขาและเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ
  3.  กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง กระจายสาขาไปทุกจุดโดยเฉพาะย่านชุมชน ย่านธุรกิจ ฝังแบรนด์ให้อยู่ในใจลูกค้าได้มากที่สุด
เมื่อ 7-11 เริ่มเป็นที่ติดตลาดมีรายได้มากขึ้นก็จำเป็นต้องพัฒนารูปแบบธุรกิจให้ครบวงจรด้วยการนำสินค้าใหม่ๆ บริการใหม่ ร่วมกับการใช้โปรโมชั่นต่าง ๆ ดึงดูดลูกค้าอย่างได้ผล รวมถึงการควบคุมต้นทุนของธุรกิจที่ผู้สนใจนำสินค้ามาวางขายใน 7-11 ต้องให้เครดิตทางการค้า 72 วัน พูดง่ายๆคือขายฟรีก่อน 72 วัน จากนั้นถึงจะชำระค่าสินค้าที่ขาย ทำให้ธุรกิจมีเงินสดมากองที่บริษัทเฉลี่ยปีละหลายหมื่นล้านบาท

ภาพจาก goo.gl/cKDGa3
 
และด้วยรูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์ 7-11 ที่ผู้ลงทุนต้องมีการวางเงินค่าลิขสิทธิ์ ค่าตกแต่งร้าน เพื่อให้ทางบริษัทเซตระบบภายในร้านให้มีคอมพิวเตอร์เชื่อมโยง เงินสดขายได้ทั้งหมดในแต่ละวันนั้นจะต้องส่งเงินกลับสำนักงานใหญ่โดยไม่มีการหักค่าใดๆ ทั้งสิ้น จากนั้นทาง บ.แม่ ถึงจะส่งเงินที่หักต้นทุนสินค้าและส่วนแบ่งกำไรมาให้เจ้าของ โดยเจ้าของสาขาจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 40% ของกำไรที่ทำได้

ซึ่งไม่น่าแปลกใจถ้าในปี 2017 ที่ผ่านมา 7-11 มีรายได้รวม 434,712 ล้านบาท และเป็นกำไรกว่า 16,677 ล้านบาท และหากนับเอาตัวเลขจากทุกธุรกิจที่ CP มีอยู่กำไรในปี 2017 อยู่ประมาณ 4.2 แสนล้านบาทถึงซื้อว่าสูงไม่น้อยทีเดียว
 
จะเห็นว่ารายได้เฉลี่ยของ 7-11 นั้นสูงกว่าคู่แข่งเบอร์ 2 เบอร์ 3 ชนิดไม่เห็นฝุ่น แล้วทีนี้จะมีวิธีการอย่างไรที่แบรนด์ร้านสะดวกซื้อท้องถิ่นคนไทยแท้ๆ จะหาญสู้กับ 7-11 ได้บ้าง เรื่องนี้คงต้องไปดูวิธีการที่ Alpha mart และ Indo mart ร้านสะดวกซื้อท้องถิ่นในอินโดนีเซียเอาชนะ 7-11 ได้แบบไม่เห็นฝุ่นเช่นเดียวกัน

ภาพจาก waralaba.alfamartku.com
 
ซึ่งเป็นข่าวใหญ่เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคมในปี 2017 ที่ เครือ CP ทุ่มเงินกว่า 75 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อกิจการของ โมเดิร์น ซีเวล อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์เซเว่นอีเลฟเว่นในอินโดนีเซีย ที่ตอนนั้นมีคู่แข่งเป็นร้านสะดวกซื้ออย่าง Alfamart และ Indomaret ซึ่งมีสาขากว่า 1,400 แห่งมากกว่า เซเว่นหลายสิบเท่า

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เพียงแค่ 2 เดือนต่อมา โมเดิร์น ซีเวล อินโดนีเซีย ของ CP ประกาศปิดสาขากว่า 136 แห่ง ด้วยเหตุผลสำคัญคือสู้กับคู่แข่งท้องถิ่นไม่ได้ งานนี้นักวิเคราะห์มองว่าจุดแข็งที่แบรนด์สะดวกซื้อท้องถิ่นเอาชนะ 7-11 ได้คือ
  1. การกำหนดกลยุทธ์ที่ผิดพลาดของ 7-11 ที่ขายอาหารพร้อมนั่งทาน ซึ่งดึงดูดคนเข้าร้านได้จริงแต่รายได้ไม่มากตาม
  2. การประกาศนโยบายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านสะดวกซื้อของรัฐบาลอินโดนีเซีย ส่งผลกระทบหนักมาก
  3. ร้านท้องถิ่นเน้นโมเดลที่ต่างจาก 7-11 คือเน้นของสด และของชำ ตรงตามไลฟ์สไตล์คนอินโดมากกว่า
  4. ร้านสะดวกซื้ออย่าง Alpha mart และ Indo mart เข้าใจความต้องการของคนและตอบสนองด้วยบริการที่โดนใจกว่า
หันมาดูในประเทศไทยร้านสะดวกซื้ออย่าง CJ Express ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พี.เอส.ดี รักษ์ไทย จำกัด ปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการกว่า 250 แห่งใน 18 จังหวัด ซึ่งหากจะมุ่งหวังเติบโตแข่งขันกับ 7-11 ควรใช้หลักการเดียวกันกับ Alpha mart และ Indo mart คือใช้จุดแข็งเรียนรู้ความต้องการของผู้บริโภคและสร้างแบรนด์ให้คนจดจำอยู่ในใจผู้บริโภคให้ได้ ทั้งนี้ก็ต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น

 
สำหรับแผนการลงทุนของ CJ Express มีแผนลงทุนในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ ประมาณ 4,000 ล้านบาท เพื่อขยายและปรับปรุงสาขาที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 250 สาขาโดยตั้งเป้าจะมีสาขาให้ครบ 600 สาขาภายในปี 2563 และในอนาคต CJ Express มีแผนที่จะขยายสาขาโดยใช้โมเดลแฟรนไชส์ เพื่อเร่งสปีดจำนวนสาขาให้เร็วขึ้น

รวมทั้งมีแผนจะขยายสาขาไปในประเทศกลุ่ม AEC รวมถึงการปรับแผนรุกตลาดโดยใช้จุดแข็งพื้นที่ภูธร ไม่แข่งขัน 100% กับใคร ค่อยๆ รุกเข้าใจกลางเมือง โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายใน CJ Express จะเป็นสินค้ากลุ่มครัวเรือนเป็นหลัก เจาะกลุ่มแม่บ้าน ซึ่งแตกต่างจาก7-11 ที่เน้นจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จ พร้อมรับประทานและสินค้าไซน์เล็กต่างๆ
 
และจากการปรับโครงสร้างในด้านการบริหารของ CJ Express ที่ชัดเจนเริ่มส่งสัญญาณที่ดีมีรายได้จากสินค้าบางกลุ่มมากขึ้นและแชร์ส่วนแบ่งการตลาดในสินค้าบางประเภทได้ดีขึ้นอย่างกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังยอดการขายใน CJ Express เริ่มดีขึ้นต่อเนื่องปัจจุบันมีสัดส่วนกว่า 30% ของมูลค่ารวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังทั้งหมด
 
ในส่วนของคนไทยเองก็ควรสนใจและหันมาสนับสนุนร้านสะดวกซื้อที่ได้ชื่อว่าเป็นของคนไทย 100% มากขึ้นเหมือนที่คนอินโดนีเซียสนับสนุน Alpha mart และ Indo mart จนร้านสะดวกซื้อแบรนด์ต่างชาติไม่ว่าจากไทยหรือญี่ปุ่นยังเข้าไปแทรกตลาดไม่ได้ ซึ่งธุรกิจเองโดยเฉพาะ CJ Express ก็ต้องปรับปรุงรูปแบบธุรกิจให้น่าสนใจและดึงดูดยิ่งขึ้น เชื่อว่าคนไทยพร้อมจะเปิดใจเพียงแต่ธุรกิจเองก็ต้องพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
 
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่  goo.gl/Io5k2S
 
ขอบคุณข้อมูล goo.gl/Lm81kd,  www.cjexpress.co.th
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
799
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
712
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
642
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
528
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
446
เจ้าของธุรกิจกุมขมับ! วิกฤตเด็กไทยเกิดน้อยกระทบธ..
432
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด