บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การตลาดออนไลน์ SEO
2.0K
2 นาที
24 มกราคม 2562
ยุคนี้ทุกคนสามารถเป็นสื่อเองได้ไม่ยาก
 

ภาพจาก www.tellscore.com

ทุกวันนี้เวลาที่เราอยากจะซื้อของอะไรสักอย่างคุณทำอย่างไรบ้างครับ จากที่เมื่อก่อนเราต้องไปเดินดูสินค้า ไปทดลองใช้สินค้านั้นด้วยตัวเองตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายของตามตลาดต่าง ๆ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องสอบถามเอากับคนที่รู้จักหรือคนที่เคยใช้สิ่งของนั้นมาก่อน แต่เดี๋ยวนี้ลองถามตัวเองว่ายังใช้วิธีการที่ว่านี้อยู่หรือไม่ คำตอบส่วนใหญ่น่าที่จะไปในทำนองเดียวกันว่า ไม่แล้ว ทุกวันนี้การที่เราคิดจะซื้อสินค้าอะไรก็แล้วแต่เรามักต้องหาข้อมูลจากการรีวิวสินค้าของใครสักคนบนอินเทอร์เน็ตมาศึกษาดูก่อน จริงไหมครับ
 
ยิ่งเด็ก ๆ รุ่นใหม่ในปัจจุบันนี่เรียกว่าโตมากับการรีวิวกันเลย ดูได้จากคลิปวิดีโอต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลกโซเชียลมีเดียจะเห็นว่าเด็กตัวเล็กตัวน้อยเดี๋ยวนี้ต่างก็นิยมที่จะมารีวิวนั่นนี่โน่นต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นของเล่น ขนมต่าง ๆ อาหารเสริมสุขภาพ สรุปบทเรียนในแต่ละชั้นเรียน ฯลฯ การรีวิวต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตกลายเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญของคนยุคนี้ไปแล้ว ฉะนั้นการที่เราจะหาข้อมูลอะไรสักอย่างในวันนี้เราจะมีข้อมูลในเรื่องของประสบการณ์บางอย่างที่เราเองไม่จำเป็นต้องไปทำเองอีกต่อไป เราสามารถที่จะเรียนรู้ประสบการณ์นั้นได้ง่ายขึ้นจากคนกลุ่มหนึ่งที่ชอบแชร์เรื่องราวเหล่านี้สู่สาธารณะนั่นเอง
 
สมัยก่อนเราจะรับรู้ว่ามีสินค้าใดเกิดขึ้นจากการเห็นโฆษณาและจะเชื่อตามที่โฆษณานั้น ๆ สื่อสารมาให้เราซึ่งสินค้าเหล่านั้นจะดีจริงหรือไม่อย่างไรจะทราบได้ก็ต้องเกิดจากการทดลองใช้สินค้าเหล่านั้นเอาเอง แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเดี๋ยวนี้เราไม่ต้องไปทดลองใช้ทุกอย่างเองแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้โลกของการรีวิวต่างๆ มีอยู่มากมายและคนที่จะมาแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้อยู่ไกลเกินไปหรือบางทีก็เป็นคนที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเรานี่เอง คำบอกเล่าของคนเหล่านี้มีความน่าเชื่อถือไม่น้อยเพราะพวกเราเป็นผู้ใช้จริง มีประสบการณ์จริง 


ภาพจาก  www.tellscore.com
 
ต้องยอมรับว่าคนในยุคนี้ไม่ค่อยที่จะเชื่อโฆษณาเท่าไหร่แล้ว แต่จะเชื่อบุคคลที่ 3 หรือคนที่มารีวิวหรือคอมเม้นท์สินค้ามากกว่าตัวเจ้าของสินค้าเองด้วยซ้ำ คำบอกเล่าประสบการณ์ของบุคคลเหล่านี้มีน้ำหนักและทำให้เกิดการซื้อได้มากกว่าคำโฆษณาแบบเดิม และยิ่งไปกว่านั้นบุคคลที่ 3 เหล่านี้ยังดูใกล้ชิดกับเราและดูมีประสบการณ์ในการใช้สินค้าเหล่านั้นมาจริงๆ หนำซ้ำยังจะมีน้ำหนักความน่าเชื่อถือมากกว่าคนดัง ๆ อย่างดาราหรือเซเลปแบบเมื่อก่อนด้วยซ้ำ กระแสความนิยมนี้จึงทำให้เกิดคำใหม่ในวงการโฆษณานั่นคือ Influencer คิดว่าหลายคนคงเคยได้ยินมาแล้ว
 
Influencer หรือในวงการดิจิทัลจะเรียกกันว่า KOL (Key Opinion Leader) คนเหล่านี้จะมีลักษณะที่ว่าไว้ข้างต้นคือสามารถกำหนดแนวความคิดความเชื่อหลายๆ อย่าง โดยทั่วไปอาจเป็นการใช้ดาราหรือคนที่มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ ซึ่งบุคคลที่ 3 หรือเหล่า Influencer นั้นมีหลายระดับ อย่างพวกดาราเซเลปจัดว่าเป็นพวก Top Influencer เพราะคนกลุ่มนี้มีจำนวนคนติดตามจำนวนมาก แต่การจะใช้ให้คนกลุ่มนี้มาพูดแทนเราก็จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลในการว่าจ้างด้วยเช่นกัน แถมบางทียังมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากมาย เช่น ระยะเวลาในการโพสต์ของเขาอาจมีระยะสั้นมาก หรือการถือหรือรีวิวสินค้าจะมากน้อยก็อาจต้องแล้วแต่อัตราการจ้างในแต่ละครั้ง และเมื่อเทียบกับความน่าเชื่อถือแล้วอาจดูไม่คุ้มค่ากันเท่าใดนัก
 
แต่ยังมีคนในอีกกลุ่มหนึ่งที่ดูว่ากำลังมาแรงมากในตลาดตอนนี้ก็คือกลุ่มที่เรียกว่า Micro Influencer ซึ่งเป็น Influencer ในขนาดกลางและขนาดเล็ก คนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนทั่ว ๆ ไปใกล้ตัวเรามากบางทีก็อาจเป็นบรรดาเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องเราเองก็มี และการใช้คนเหล่านี้พูดถึงสินค้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็มีค่าใช้จ่ายไม่สูงเท่ากับกลุ่มแรกและได้ผลดีทีเดียว แต่ปัญหาที่พบก็คือต้องใช้เสียงของคนกลุ่มนี้ในจำนวนที่มากพอสมควร จึงดูเป็นเรื่องที่ลำบากอยู่ไม่น้อยที่จะหาคนให้ได้เท่าจำนวนที่ต้องการ


ภาพจาก  www.tellscore.com
 
Micro Influencer เป็นเครื่องมือที่ช่วยเจ้าของสินค้าหรือผู้ประกอบการที่ต้องการให้มีคนมาช่วยรีวิวสินค้าของตน ยิ่งตอนนี้หากใครไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ผมอยากแนะนำว่าลองเข้าไปในแพลตฟอร์มกลางตัวใหม่ตัวหนึ่งของคนไทยเราเองที่ชื่อว่า Tellscore.com เป็นแพลตฟอร์มที่จะทำให้เจ้าของสินค้าที่ต้องการจะโฆษณาสินค้าหรืออยากให้มีคนมารีวิวไม่ต้องไปหาคนให้ยุ่งยากอีกแล้ว แพลตฟอร์มนี้มีให้เลือกได้ว่าหากคุณที่เป็นนักการตลาดที่ต้องการหา Micro Influencer หรือเป็นบุคคลธรรมดาที่ต้องการหารายได้เสริมจากการโปรโมตหรือรีวิวสินค้า ง่ายๆ คือทุกคนสามารถเป็นสื่อเองได้แล้ว 
 
ซึ่งทุกขั้นตอนใน Tellscore.com สามารถทำผ่านออนไลน์ได้ สำหรับเจ้าของสินค้าที่มองหา Micro Influencer แบบค่าใช้จ่ายไม่สูงมากไม่เกิน 500 บาทก็ทำได้ หรือหากว่าอยากจะเป็นสื่อโฆษณาโดยใช้โซเชียลมีเดียของตัวเองก็ล็อคอินเข้าไปในระบบจะมี AI ช่วยประเมินว่าจากคุณสมบัติที่เรามีหากเราทำวแล้จะได้เงินครั้งละเท่าใด เราน่าจะเหมาะสมกับสินค้าใด ฯลฯ การรีวิวก็ง่ายมากคือจะมีการกำหนดชุดข้อความมาแล้วให้เราเอาไปพูดเองหรือจะเขียนด้วยก็ได้ ซึ่งหากเอามาเขียนก็มีลิงค์กลับไปหาสินค้านั้น เมื่อทุกขั้นตอนผ่านหมดก็ได้รับเงินโดยการโอนเข้าบัญชีตามกำหนดเวลา
 
เดี๋ยวนี้การตลาดแบบที่เราพูดเองไม่ค่อยมีคนเชื่อแล้วต้องอาศัยคนอื่นมาพูดแทนเราครับ ซึ่งจะสามารถโน้มน้าวให้คนมาซื้อสินค้าหรือบริการของเราได้ผลมากอย่างน่าพอใจ บางทีอาจได้ผลดีกว่าการต้องไปจ่ายเงินซื้อโฆษณาด้วยซ้ำ และที่สำคัญแพลตฟอร์มนี้เป็นของคนไทยครับ อย่างไรเสียเงินของคนไทยก็ยังอยู่ในประเทศไทยครับ สามารถนำไปจัดเก็บภาษีได้ถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย หากเราซื้อโฆษณากับสื่อต่างชาติเงินออกไปอยู่ที่คนอื่นหมด ประเทศเราไม่ได้อะไรเลย ผมว่าเราน่าที่จะต้องมาช่วยสนับสนุนคนไทยกันเองก่อน ขอเชิญชวนให้ไปลองใช้กับดูนะครับ
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
753
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
692
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
630
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
503
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
426
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด