บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
4.0K
2 นาที
14 กุมภาพันธ์ 2562
5 ธุรกิจใกล้เลือกตั้ง! กำไรดีเว่อร์
 

ใกล้เข้ามาทุกขณะกับการเลือกตั้งที่หลายคนตั้งตารอมานานหลายปี! และไม่ว่าสุดท้ายใครจะเป็นผู้ชนะแต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในระหว่างนี้คือ “ศึกหาเสียง” ที่ www.ThaiFranchiseCenter.com เห็นว่ามีหลายธุรกิจที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ประเมินกันว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงเวลาดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทรวมกับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะตามมาอีกประมาณ 30,000 ล้านบาท เบ็ดเสร็จจะมีเงินสะพัดช่วงนี้ประมาณ 80,000 ล้านบาท

และมีหลายธุรกิจที่คาดว่าจะได้อานิสงส์ เช่น ธุรกิจการพิมพ์และการโฆษณา, การค้าส่งค้าปลีก, การจำหน่ายน้ำมัน, การผลิตกระดาษ, ภัตตาคารและร้านอาหาร, การผลิตน้ำมันปิโตรเลียม, การบริการทางด้านธุรกิจ, โรงแรมและที่พัก, การผลิตไฟฟ้า และการผลิตรถยนต์/รถจักรยานยนต์ เป็นต้น
 
และหากพิจารณาลงลึกอีกนิดจะพบว่าในบรรดาธุรกิจทั้งหลายที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง เอาเข้าจริงๆ ที่ได้แบบจริงๆ จังๆกับเรื่องนี้น่าจะมีอยู่ประมาณ 5 ธุรกิจคือ
 
1.รถแห่หาเสียง
 
ภาพจาก  goo.gl/UU6rs1

โดยเฉพาะในเขตต่างจังหวัดรถแห่หาเสียงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก จากข้อมูลที่มีการสำรวจพบว่าในบางพื้นที่มีการจองโฆษณาแล้ว 200-300 คัน สนนราคาคันละ 1,200-1,500 บาทต่อคันต่อวัน ซึ่งนอกจากรถแห่หาเสียงแบบทั่วไป บรรดารถ 2 แถวเล็กทั้งหลายก็เตรียมแปลงจากรถโดยสารมาเป็นรถหาเสียงด้วยเช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจว่าในช่วงนี้หากไปตามต่างจังหวัดจะได้ยินรถแห่กระจายเสียงเป็นระยะๆ หรือแม้แต่ในกรุงเทพตามตรอกซอกซอยก็จะเห็นรถแห่หาเสียงเหล่านี้ได้เช่นกัน ส่วนราคาก็แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่
 
2.ธุรกิจป้ายโฆษณา
 
ภาพจาก  goo.gl/B6UvXB

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประเมินช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ธุรกิจป้ายโฆษณาจะมีเม็ดเงินสะพัดสูงกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้วประมาณ 25-30% ค่าใช้จ่ายโดยรวมสูงกว่า 30,000 ล้านบาท แม้ว่าการหาเสียงส่วนใหญ่จะหันไปใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น จนทำให้ยอดสั่งผลิตสิ่งพิมพ์ เช่น โบรชัวร์, ใบปลิว จะลดลง แต่เชื่อว่าสิ่งพิมพ์ในกลุ่มโปสเตอร์และป้ายโฆษณา หรือบิลบอร์ดขนาดใหญ่ จะมียอดสั่งทำเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้ มีจำนวนพรรคการเมืองรายย่อยใหม่ ๆ จำนวนมาก ทุก ๆ พรรค จึงต้องการนำเสนอพรรคของตัวเองให้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชน
 
3.สื่อออนไลน์
 
ภาพจาก  www.facebook.com/DemocratPartyTH

ในมุมมองของผู้สันทัดกรณีคิดว่าการเลือกตั้งปี 2562 นี้ จากที่รัฐบาลได้กำหนดใช้ช่องทางหาเสียงได้เพียง 3 ช่องทาง คือ หนังสือพิมพ์ ออนไลน์ และสื่อป้ายโฆษณา เป็นหลักในหมวดหมู่ของสื่อออนไลน์เองจะมีเม็ดเงินเข้ามาในระบบประมาณ 300-500 ล้านบาท จะเป็นการเติบโตในภาพรวมของสื่อออนไลน์ประมาณ 20%  ซึ่งจากตัวเลขพบว่ามีคนไทยถึง 80% ที่เข้าถึงช่องทางออนไลน์ได้

โดยคนไทยเข้าถึง เฟสบุ๊ค 50 ล้านยูสเซอร์, ยูทูป 56 ล้านยูสเซอร์ (อ้างอิงจากการสมัครจีเมล), ไลน์ แชท 45 ล้านยูสเซอร์, IG 14 ล้านยูสเซอร์ ทวิตเตอร์ 12 ล้านยูสเซอร์ การโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์จึงเป็นอีกมิติใหม่ที่พรรคการเมืองจะหันมาระดมทุนกันมากขึ้นแตกต่างจากการเลือกตั้งในครั้งก่อนๆ

4.สื่อโฆษณาทีวี
 
ภาพจาก goo.gl/KnNqWB

ช่องทางที่เข้าถึงคนไทยได้มากที่สุดยังหนีไม่พ้นโทรทัศน์ แม้ภาพรวมงบการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ คาดว่าจะมีมูลค่าเกินกว่าระดับหมื่นล้าน ในส่วนของโทรทัศน์เองก็คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาในช่วงเวลานี้กว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีการกระจายไปตามทีวีช่องต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นการใช้เม็ดเงินผ่านเอเยนซี่ขนาดใหญ่ ในการซื้อโฆษณาจากเจ้าของสื่อ แม้ภาพรวมการโฆษณาทางทีวีจะไม่ชัดเจนว่า พรรคการเมืองได้รับสิทธิให้ทำอะไรได้บ้าง แต่ก็คาดว่าเป็นอีกธุรกิจที่รับอานิสงส์ในช่วงนี้ไปเต็มๆได้เช่นกัน
 
5.ธุรกิจค้าปลีก
 
ภาพจาก goo.gl/Vuu6k7

ภาพรวมของค้าปลีกไม่ว่าจะเป็นการผลิตกระดาษ ภัตตาคาร ร้านอาหาร  งานบริการด้านธุรกิจ โรงแรมที่พัก รวมถึงการผลิตรถยนต์รถจักรยานยนต์ก็จะมีเม็ดเงินหมุนเข้าไปในระบบไม่ต่ำกว่าแวดวงละ 1,000-2,000 ล้านบาท และอาจจะมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากมีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น  โดยคาดการณ์ว่าการที่แต่ละธุรกิจมีเม็ดเงินหมุนเข้ามาในธุรกิจจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 0.3% 
 
จะเห็นได้ว่าการเลือกตั้งแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณกันไม่ใช่น้อย แม้แต่ในส่วนพรรคการเมืองเองก็ต้องลงทุนไม่น้อยเริ่มตั้งแต่การหาเสียงที่ กกต.ได้ประกาศให้ผู้สมัคร 1 คนใช้งบหาเสียงได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และโดยบรรดาพรรคใหญ่ที่ต้องการฐานคะแนนเสียงก็ต้องมีการส่งผู้สมัครประจำเขตมากขึ้นซึ่งอัตราค่าสมัครประมาณ 10,000 บาทหากมีการส่งครบใน 350 เขต รวมกับแบบบัญชีรายชื่อค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองในส่วนนี้ประมาณ 5,000,000 บาท

ซึ่งคำถามที่อยากรู้แต่ก็ไม่รู้ว่ามีใครจะตอบได้หรือเปล่า ว่าสุดท้ายแล้วกับการลงทุนมหาศาล นี้ประชาชนได้ประโยชน์อะไรกลับคืนมา สำหรับประชาชนแล้วไม่ขออะไรมาก ใครก็ได้ที่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ รวยกระจุก จนกระจาย  รายได้ของคนไทยดีขึ้น เบื้องต้นได้แค่นี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ก็ดูดีมีประโยชน์แล้ว
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id: 
@thaifranchise


 
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
799
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
712
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
642
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
528
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
446
เจ้าของธุรกิจกุมขมับ! วิกฤตเด็กไทยเกิดน้อยกระทบธ..
432
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด