บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.3K
3 นาที
11 เมษายน 2562
10 เรื่องต้องห้าม สงกรานต์ปีนี้อย่าทำ


สงกรานต์เป็นเทศกาลใหญ่ประชาชนมีการเดินทางและการทำกิจกรรมต่างๆ จำนวนมาก สิ่งที่ต้องระวังคือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งทุกปีภาครัฐก็จะรณรงค์เรื่องความปลอดภัยและออกกฏเกณฑ์ที่เป็นข้อห้ามเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในสงกรานต์ 2562 นี้ก็เช่นกัน www.ThaiFranchiseCenter.com ได้รวมเอา 10 เรื่องต้องห้ามมาไว้เป็นข้อมูลให้ทุกคนได้อ่านทำความเข้าใจเพื่อการเที่ยวสงกรานต์ปีนี้จะได้ไม่เสี่ยงต่อการทำผิดกฏหมาย

ภาพจาก bit.ly/2KnwDIm

โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้การเฝ้าระวังในหลายจุด ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สรุปสถานที่การจัดงานสงกรานต์ ประจำปี 2562 ในพื้นที่ บช.น. มีจำนวน 49 แห่ง ประมาณการประชาชนเข้าร่วมงานรวม 128,900 คน กำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประมาณ 1,923 คน
 
โดยคาดว่าประชาชนจะเดินทางมาเล่นน้ำที่ถนนสีลมมากที่สุด ประมาณ 60,000 คน ถนนอาร์ซีเอ ประมาณ 14,000 คน งาน S2O ถนนพระรามเก้า ประมาณ 10,000 คน นอกจากนี้ ยังมีที่เดอะสตรีท รัชดาฯ เซ็นทรัลเวิลด์ และสยามสแควร์ ที่ละ 5,000 คน ซึ่งสิ่งที่ประชาชนควรเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นข้อห้ามของสงกรานต์ปีนี้คือ
 
1.สงกรานต์ 62 โพสต์ภาพไม่เหมาะสม เสี่ยงผิดกฎหมาย


ภาพจาก bit.ly/2IspN1U
 
ในยุคโซเชี่ยลการเล่นน้ำสงกรานต์จึงอดไม่ได้ที่จะมีการโพสต์ภาพต่างๆ แต่ในปี 2562 นี้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ฝากเตือนถึงการโพสต์ภาพอนาจาร หรือภาพไม่เหมาะสม เช่น โป๊ เปลือย แต่งกายไม่สุภาพ หรือแม้แต่โพสต์ชวนดื่มเหล้า เหล่านี้จะมีความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) และ (5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนบุคคลในภาพหรือคลิป อาจถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัลด้วย
 
2.ห้ามเล่นปารตี้โฟมเด็ดขาด


ภาพจาก bit.ly/2Kp4jVX
 
จากเหตุการณ์ในสงกรานต์ปีที่ผ่านๆมากับการจัดปาร์ตี้โฟมและปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตจากการถูกไฟฟ้าช็อตซึ่งเกิดซ้ำซากในหลายพื้นที่ สงกรานต์ปี 2562 นี้จึงได้มีการออกกฎชัดเจน ย้ำ “ห้ามจัดปาร์ตี้โฟม” อย่างเด็ดขาดเพื่อเป็นการป้องกันชีวิตและเหตุผลด้านความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงาน
 
3.เมาแล้วขับถูกแจ้งข้อหาพยายามฆ่า


ภาพจาก bit.ly/2I9seXP
 
สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า จากสถิติสงกรานต์ ปี 2561 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 3,724 ครั้ง บาดเจ็บ 3,897 คน และเสียชีวิต 418 คน โดยแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนประมาณ 20,000 กว่าคนต่อปี คิดเป็นวันละกว่า 60 ศพ สาเหตุหลักมาจากการดื่มแล้วขับ ยิ่งดื่มมากมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง
 
ทาง สสส. จึงรณรงค์ผลักดันการใช้กฎหมายต่อผู้ดื่มแล้วขับอย่างจริงจัง เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับในปี 2562 นอกจากบทลงโทษ เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพิกถอนใบอนุญาต ยังอาจโดนข้อหาพยายามฆ่าได้อีกด้วย
 
4.ห้ามเล่นปืนฉีดน้ำแรงดันสูง


ภาพจาก bit.ly/2IsnEDo
 
คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. แจ้งเตือนผู้บริโภคหากพบเห็นการขายสินค้าที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะเครื่องเล่นฉีดน้ำที่มีลักษณะเป็นกระบอกสูบและใช้แรงอัดกระแทกน้ำในกระบอกสูบโดยตรง ซึ่งเป็นสินค้าอันตรายที่ สคบ.มีคำสั่งห้ามขาย ตั้งแต่ปี 2550 ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อจับกุมได้ทันที เพื่อสร้างความปลอดภัย
 
ทั้งนี้ การขายสินค้าอันตรายที่มีคำสั่งห้ามขายนั้น มีโทษหนัก คือ ผู้ขายมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นผู้ผลิตหรือนำเข้า หรือเป็นต้นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
5.ห้ามการแต่งกายไม่สุภาพ


ภาพจาก bit.ly/2Kt5oMv
 
เรื่องการแต่งกายเป็นการรณรงค์ทุกปีที่ไม่อยากให้มีการแต่งตัวล่อแหลมอันเป็นเหตุไปสู่อาชญากรรม ในปีนี้ก็เช่นกันภาครัฐกระตุ้นให้แต่งตัวแบบมิดชิดใส่เสื้อลายดอก ไม่แต่งตัวโป๊ ล่อแหลม
 
ซึ่งหากพบเห็นบทลงโทษของผู้ฝ่าฝืนทั้งการแต่งตัวโป๊เปลือย หรือแสดงออกเชิงอนาจาร หากพบจับปรับทันทีไม่เกิน 1,000 บาท การทำลวนลามอนาจาร จำคุกไม่เกิน 10ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
6.ห้ามยิงปืนขึ้นฟ้า ห้ามพกพาอาวุธ


ภาพจาก bit.ly/2G547pv
 
จะเรียกว่าเป็นการเฉลิมฉลองหรืออะไรก็ตามที แต่กฎหมายห้ามชัดเจนเกี่ยวกับการพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะและการยิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งถือเป็นความผิดต่อชีวิตและร่างกาย ฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 
แต่หากกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท และหากประมาทจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
 
7.ห้ามขับรถกระบะบรรทุกน้ำเข้าไปในที่ชุมชนหรือบริเวณจัดงาน


ภาพจาก bit.ly/2DjY1kP
 
กรุงเทพมหานครได้มีการกำหนดโซนเล่นน้ำเมืองกรุง และห้าม “รถกระบะบรรทุกน้ำ” วิ่งเด็ดขาดใน 50 ถนนสำคัญ สำหรับถนนข้าวสารสามารถเล่นน้ำได้แต่ห้ามรถยนต์ทุกชนิดเข้าในระหว่าง 10.00 - 22.00 น.
 
ซึ่งถนน 50 สายที่ห้ามรถบรรทุกน้ำ และห้ามจอดรถเปิดเครื่องเสียง เช่น ถนนจักรพงษ์, ถนนราชินี, ถนนพระอาทิตย์, ถนนสรงประภา, ถนนสายไหม, ถนนเคหะร่มเกล้า, ถนนนาคนิวาส, ถนนลาดพร้าว 101, ถนนสุขุมวิท 93 ฯลฯ หากมีการฝ่าฝืน โทษ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 
8.ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณที่มีการจัดงาน

ภาพจาก bit.ly/2I9uWMZ
 
เรื่องเมาแล้วขับเป็นการรณรงค์ที่เกิดขึ้นทุกปีในปี 2562 นี้ก็เช่นกัน ภาครัฐได้กำชับเน้นย้ำเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถึงขนาดที่มีคนคิดมาตรการงดขายเหล้าในเทศกาลสงกรานต์แต่ก็ดูว่ายังเป็นแค่แนวคิด แต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่ชัดเจนคือการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาและสถานที่ที่กำหนด ซึ่งจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
 
และห้ามการขายสุราริมทางหรือในสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหล่านี้ก่อนขายต้องมีการขอใบอนุญาติชัดเจน ว่าขายโดยใคร สถานที่ใด ถ้าขายในร้านก็ต้องระบุเลขที่ร้านให้ชัดเจน ว่าเป็นร้านประเภทใด หรือหากขายในตลาดนัดก็ต้องระบุชื่อตลาดนัดให้ชัดเจน ว่าที่ไหน ขายล็อคที่เท่าไหร่ ซึ่งหากผิดจากนี้ถือว่าผิดกฎหมายมีโทษปรับ 5,000 บาท
 
9.ห้ามเล่นน้ำที่มีสิ่งเจือปน แป้ง น้ำแข็ง และโฟม


ภาพจาก bit.ly/2P2CMIz
 
เพื่อให้การเล่นสงกรานต์เป็นไปอย่างเรียบร้อย ทุกปีเช่นกันเราก็จะได้ยินแคมเปญรณรงค์การเล่นสงกรานต์อย่างปลอดภัย ไม่ผสมน้ำแข็ง แป้ง หรือสิ่งเจือปนใด ๆ ในระหว่างการเล่นสงกรานต์อันจะนำมาซึ่งอันตรายต่อผู้อื่นได้ ซึ่งบทลงโทษของการเล่นสงกรานต์ที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยนี้และการแสดงออกเชิงอนาจาร หากพบจับปรับทันทีไม่เกิน 1,000 บาท
 
10.ต้องกำหนดเวลาในการจัดกิจกรรมที่ชัดเจน ป้องกันเหตุยามวิกาล


ภาพจาก bit.ly/2IdHanw

ทั้งนี้ทางภาครัฐเองยังได้กำหนดให้ทุกพื้นที่ที่มีการจัดงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ต้องมีการกำหนดเวลาในการจัดกิจกรรมที่ชัดเจนว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหนและสิ้นสุดตอนไหน อันเป็นการป้องกันเหตุยามวิกาลและส่วนใหญ่ให้กำหนดเวลาในการเลิกกิจกรรมไม่เกิน 20.00 น. ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมและสมควรแก่ความสนุกสนาน ส่วนพื้นที่ใดที่มีกิจกรรมในยามค่ำคืนต้องมีการขออนุญาติชัดเจนว่าจะสิ้นสุดตอนไหน
 
เราจะเห็นได้ว่าภาครัฐเองก็มีความพยายามที่จะรักษาความปลอดภัยให้กับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แต่ความที่คนไทยเองมักชอบทำอะไรตามใจตัวเองเป็นสำคัญและไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้าง มักเอาตัวเองให้รอดให้สบายไว้ก่อน สิ่งเหล่านี้ที่เรียกว่าความมักง่ายจึงนำมาซึ่งความยุ่งยากไม่สิ้นสุด ที่ดีที่สุดคือการใส่ใจในข้อกำหนดที่ภาครัฐต้องการและท่องเที่ยวด้วยความระมัดระวังให้มากที่สุด
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ goo.gl/A8ui7G
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
799
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
713
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
642
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
529
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
447
เจ้าของธุรกิจกุมขมับ! วิกฤตเด็กไทยเกิดน้อยกระทบธ..
432
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด