บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.6K
2 นาที
30 พฤษภาคม 2562
โมเดลธุรกิจ (Business Model) & คุณประโยชน์ที่สร้างให้ลูกค้า (Value Propositions)


ภาพจาก https://pixabay.com

ตั้งธงของการเขียนและการเรียนรู้เรื่องรูปแบบทางธุรกิจน่าจะช่วยขยายภาพให้ชัดขึ้น จุดมุ่งหมายของรูปแบบ ธุรกิจแบบแคนวาส สร้างคุณค่าและสร้างประโยชน์ให้กับสินค้าและบริการที่นำเสนอให้กับผู้บริโภคหรือลูกค้าเราได้อย่างไรและรูปแบบธุรกิจหรือโมเดลธุรกิจแบบไหนที่จะนำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจอย่างยั้งยืนและจะเริ่มต้นทำได้อย่างไร

โมเดลธุรกิจแบบดั้งเดิม

Business Model  คือ กระบวนการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้เกี่ยวข้องกับบริษัท ในการสร้างและส่งมอบคุณค่าผ่านสินค้าและบริการไปยังลูกค้าเป้าหมาย ที่เรามักจะได้ยิน Core Value ถือได้ว่าเป็นแกนหลักสำคัญในการวางแผนบริหารองค์กรธุรกิจ ที่จะสัมพันธ์ไปถึงการที่จะจัดทำแผนธุรกิจ เพื่อให้เป็นแผนธุรกิจที่ดีและมีความสมบูรณ์ครบถ้วน กระบวนการในการคิด Creative Business Design เพื่อจัดทำ Develop Business Plan นี้ จะช่วยในการกำหนดการเริ่มต้นดำเนินการของธุรกิจ การปรับปรุงกระบวนการในการบริหารจัดการ หรือพัฒนาธุรกิจที่ดำเนินการอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Business Model แปลเป็นภาษาไทย คือ รูปแบบของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้อธิบายว่ากิจการธุรกิจ จะสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างไร โดยการสร้างความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า กิจการที่กำลังพิจารณานั้น สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างไร

สำหรับลูกค้าและผู้ร่วมลงทุน รวมถึงองค์กร ความแตกต่างของโมเดลธุรกิจจะต่างจาก แผนธุรกิจตรงที่มีส่วนประกอบ ไม่ใช่ แผนธุรกิจที่ประกอบไปด้วยรายละเอียดของการดำเนินการและการคาดหมายผลประกอบการของธุรกิจ รวมถึง Financial Projections ซึ่งเป็นสิ่งที่จะขาดเสียมิได้หากเราต้องการระดมเงินทุนจากนักลงทุนหรือกู้เงินจากสถาบันการเงิน


ภาพจาก https://pixabay.com

โมเดลธุรกิจแคนวาส จะเรียกว่า Business Blue Print ที่ทำให้กิจการใดกิจการหนึ่งมีฐานะทางการเงินแข็งแรงพอที่จะตั้งอยู่ได้ กิจการสามารถหาเงินได้มากพอที่จะทำให้อยู่รอดได้นั่นเอง เราเรียกว่าพิมพ์เขียวที่อธิบายวิธีการดำเนินงานขององค์กร ในการออกแบบโมเดลธุรกิจ
  • ลูกค้าคือใคร
  • งานที่ลูกค้าต้องการให้ทำคืออะไร
คนสำคัญที่ทำให้องค์กรอยู่ได้ คือ ลูกค้า
  • Business to Business  ( B2B )
  • Business to customer  ( B2C )
สิ่งที่ควรทำสร้างให้กับลูกค้า ก็คือ 
  • ลูกค้าแต่ล่ะรายมีความต้องการต่างกันทั้งในแง่สิ่งที่ต้องการอ ช่องทางการติดต่อ หรือการสร้างและรักษาความสัมพันธ์
  • ลูกค้าบางรายต้องจ่ายค่าบริการ แต่บางรายไม่ต้องจ่าย
  • องค์กรต่างๆมักจะทำเงินจากลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากกว่าลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง

ภาพจาก https://pixabay.com

6 เทคนิคในการทำความเข้าใจลูกค้า
1. นักมานุษยวิทยา
 
ใช้การสังเกตกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรม ไม่ว่าจะสิ่งที่ทำให้อึดอัดหรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่พวกเขาอยากได้รับ

จุดแข็ง ข้อมูลเที่ยงตรง ได้รู้พฤติกรรมจริง
จุดอ่อน อาจไม่พบข้อมูลที่ต้องการในการมองหาเรื่องของคุณค่า

2.นักสวมรอย
  • ทำตัวเป็นลูกค้า ทดลองใช้สินค้า
  • ถอดบทเรียนมาใช้กับของตัวเอง
จุดแข็ง ได้สัมผัสกับของจริง ไม่ว่าจะปัญหา ประโยชน์
จุดอ่อน ผู้สวมรอยอาจไม่ได้เป็นกลุ่มเป้าหมายจริงของตัวสินค้า 
 
3. นักสืบ
  • ศึกษาข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่
  • มองหาจากข้อมูลจากธุรกิจที่ใกล้เคียง
จุดแข็ง เป็นฐานที่ดีมากสำหรับการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม
จุดอ่อน ข้อมูลขาดความลื่นไหลและมาจากบริบทที่ไม่เหมือนกัน
 
4. นักข่าว
  • ออกไปคุยกับลูกค้าโดยตรง
จุดแข็ง วิธีที่ง่าย ค่าใช้จ่ายไม่สูง เหมาะกับการเรียนรู้ในช่วงแรก
จุดอ่อน ลูกค้าอาจไม่ได้รู้จักว่าตัวเองต้องการอะไร สิ่งที่ตอบอาจไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินใจ 
 
5. นักวิทยาศาสตร์
  • ดึงลูกค้ามาร่วมในการทดลอง (ทั้งอย่างรู้ตัวและ ไม่ รู้ตัว) และเรียนรู้จากผลลัพธ์ที่ได้
จุดแข็ง ได้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมจริงพร้อมทั้งมีหลักฐานสนับสนุน เหมาะสำหรับการพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ
จุดอ่อน อาจทำได้ยากในองค์กรที่มั่นคงแล้ว เนื่องจากมีนโยบายที่เข้มงวดในเรื่องที่เกี่ยวกับลูกค้า
 
6. ผู้ร่วมสร้าง
  • ดึงลูกค้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างคุณค่าเพื่อเรียนรู้จากพวกเขา โดยร่วมมือกันสำรวจและพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ
จุดแข็ง การเรียนรู้อย่างใกล้ชิดทำให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้น
จุดอ่อน สิ่งที่ได้เรียนรู้อาจไม่เหมาะสำหรับลูกค้าทุกคนหรือกลุ่มอื่นๆ


ภาพจาก https://pixabay.com
 
คุณประโยชน์ที่สร้างขึ้น (Value Propositions) ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้สินค้าหรือบริการ
  • ความสะดวก 
  • ราคา
  • การออกแบบ
  • ยี่ห้อ หรือ สถานภาพ
  • การช่วยประหยัดต้นทุน
  • การลดความเสี่ยง
หลักเกณฑ์ใช้ในการประเมินการเสนอคุณค่า
  • เป็นโมเดลธุรกิจที่ยอดเยี่ยมไหม
  • ตรงไปที่งาน ปัญหา และประโยชน์ที่มีความสำคัญสูงสุดต่อลูกค้าหรือไม่
  • งานที่ยังไม่น่าพึงพอใจ ปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข และประโยชน์ที่ยังไม่มีใครสร้างขึ้นหรือไม่
  • จัดการกับปัญหาและสร้างประโยชน์เพียงไม่กี่อย่าง 
  • สร้างความรู้สึกและงานทางสังคมควบคู่ไปกับงานสร้างผลลัพธ์หรือไม่
  • วิธีวัดความสำเร็จของลูกค้า
  • งานแก้ปัญหา เกิดประโยชน์ของคนจำนวนมากหรือคนจำนวนน้อย
  • การเสนอคุณค่าของคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัดหรือไม่
  • เหนือกว่าคู่แข่งแบบขาดลอยอย่างน้อยใน 1 ด้านหรือไม่
  • มันลอกเลียนแบบได้ยากหรือไม่

ภาพจาก https://pixabay.com

เปรียบเทียบการเสนอคุณค่าของคุณกับคู่แข่ง

การเสนอคุณค่าที่คุณอยากนำมาเปรียบเทียบ เลือกปัจจัยในการแข่งขัน ว่าคุณต้องการแข่งขันในเรื่องใด ได้ประโยชน์มากน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยการเขียนการเสนอคุณค่าของคู่แข่งลงบนกราฟ เลือกการเสนอคุณค่าที่เป็นตัวแทนของคู่แข่งทั้งหลายได้ดีที่สุด และอาจมีการนำเสนอทางแก้ไขของคุณค่าของคู่แข่ง (ประเมิณเอง) วิเคราะห์จุดที่คุณอยู่ วิเคราะห์กราฟและมองหาโอกาสที่ซ่อนอยู่

การเสนอคุณค่าของคุณแตกต่างจากคู่แข่งหรือไม่และแตกต่างแต่ละจุด เปรียบเทียบนั้นสอดคล้องกับงาน ปัญหา และประโยชน์ที่สำคัญในแผนภาพคุณลักษณะของลูกค้าการแก้ปัญหาและการสร้างประโยชน์ โดยยึดสิ่งที่สำคัญต่อลูกค้าเป็นหลัก
 
ทั้งหมดที่เขียนไว้ นำความรู้จากวิชาการจัดการนวัตกรรมใน Week ที่ 4. เมื่อเรียนแล้วมาย่อยให้อ่านง่ายขึ้น ยังมีความรู้ดีๆอีกมากที่จะนำมาเขียนในบทถัดไป ติดตามกันนะครับ
 
อาจารย์อ๊อด น้ำดี
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
จับเทรนด์ยุคใหม่ เลิกกลัว AI แย่งงาน แต่ให้กลัวค..
2,811
รวมธุรกิจเสือลำบาก ปี 2567/2024 โหดจัด ไปไม่รอด!
1,441
โหดจัด! ฟาสต์ฟู้ดจีน ไล่แซงแบรนด์ตะวันตก
743
เศรษฐกิจทรุดครึ่งปี! เลิกจ้างงานนับหมื่น บริษัทฯ..
662
รวมวิธีคิดเหนือชั้นทำให้รู้ว่า “ธุรกิจติดตลาด” ห..
581
10 ไอเดียแคมเปญโปรโมชั่น ร้านอาหาร เพิ่มยอดขาย ฉ..
516
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด