บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
619
2 นาที
17 มิถุนายน 2568
“Markdown” วิธีใช้ “ป้ายเหลือง” เพิ่มรายได้ร้านสะดวกซื้อ
 

ทุกวันนี้คนไทยใช้บริการร้านสะดวกซื้อกันเยอะ เรียกว่าแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ถ้าดูจากสัดส่วนรายได้ร้าน 7-Eleven ที่มีสาขากว่า 15,430 แห่ง แต่ละสาขามียอดขายเฉลี่ยต่อวัน 86,656 บาท ยอดซื้อต่อบิล 85 บาท มีจำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อวัน 1,007 คน แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ามีร้านสะดวกซื้ออีกหลายแบรนด์ที่ตอนนี้ก็ขับเคี่ยวกันดุเดือดอย่าง CJ Expres ที่มีสาขากว่า 1,500 แห่ง หรือ Lotus´s ที่มีสาขารวมกว่า 1,595 แห่ง
 
ถามว่าอะไรคือกลยุทธ์ที่จะดึงดูดให้ลูกค้าอยากเข้ามาใช้บริการ ก็นำมาสู่หลากหลายโปรโมชันที่จัดหนักจัดเต็ม แต่ที่เด่นชัดสุดคือ “Markdown” หรือการใช้ “ป้ายเหลือง” ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นกลยุทธ์ประจำของทุกๆ ร้านสะดวกซื้อ

นิยามคำว่า “ป้ายเหลือง” ก็คือ “สินค้าลดราคา” อาจจะเป็นการโละของออกจากสต๊อก เพื่อไม่ให้เสียของ แต่นำมาจัดโปรแปะป้ายเหลืองให้ลูกค้า หรือจะเป็นโปรโมชันที่ร้านค้าจัดไว้ 7 วัน เป็นต้น
 
 
โดยสินค้าส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ประเภทอาหารสด อาหารพร้อมทาน และสินค้าที่ใกล้หมดอายุ เช่น เบเกอรี่ สลัดกล่อง หรือของสดในแผนกเนื้อสัตว์และผักผลไม้โดยเวลาที่นำออกมาแปะสติกเกอร์ป้ายเหลืองเพื่อลดราคานั้นมักจะมาในช่วงเย็นที่คาดว่าจะเป็นช่วงเวลาที่คนเข้ามาใช้บริการได้มากที่สุด และถ้าไปดูข้อมูลวิจัยจะพบว่า “สินค้าลดราคา” มีผลต่อการตัดสินใจซื้อมาก
  • 66% ของผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าที่ไม่ได้อยู่ในแผนเดิมเพราะเห็นป้ายลดราคา
  • 27 % คือยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ป้ายเหลืองลดราคา
  • 18% คือความพอใจของผู้บริโภคที่คิดว่าการลดราคาช่วยประหยัดค่าครองชีพเพิ่มขึ้น
จากข้อมูลยังระบุต่ออีกว่าร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมง จะมียอดขายเฉลี่ยสูงกว่าร้านค้าทั่วไป 18% และการจัดโปรโมชันหรือมีการกระตุ้นยอดขายด้วยการใช้เทคนิคต่างๆ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการขายที่มากขึ้นและยังเป็นการบริหารจัดการสต็อคสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
 
หากพิจารณาถึงเหตุผลที่ “ป้ายเหลือง” มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า ก็มีหลายปัจจัยเกี่ยวข้องเช่น
 
1.จิตวิทยาการลดราคา
 

ป้ายเหลืองดึงดูดสายตาของผู้บริโภคทันทีเมื่อเดินผ่าน ด้วยสีที่สะดุดตาและตัวเลขราคาที่ลดลงอย่างชัดเจน ผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้สึกว่าได้ “ความคุ้มค่า” และเกิดความต้องการซื้อทันที แม้บางครั้งจะไม่ได้วางแผนซื้อสินค้านั้นมาก่อน
 
2. การสร้างความเร่งด่วน (Urgency)
 

คำว่า “ลดจำนวนจำกัด” หรือ “เฉพาะวันนี้เท่านั้น” บนป้ายเหลือง ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าต้องรีบคว้าโอกาส ก่อนที่จะพลาดดีลราคาพิเศษ
 
3. การสร้างความภักดีต่อแบรนด์
 

ป้ายเหลืองทำให้ผู้บริโภคมองว่าร้านค้าดูแลและเข้าใจความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจที่คนระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย
 
ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ 7-Eleven เท่านั้นแต่อีกหลายแบรนด์ร้านสะดวกซื้อก็งัดเอากลยุทธ์นี้มาใช้เช่นกัน อย่าง CJ ที่จัดโปรลดราคากระหน่ำจุกๆ มีทั้งสินค้าลดราคาสูงสุด 75% โปร 1 แถม 1 เป็นสินค้าป้ายเหลืองที่ทำเอาพ่อบ้านแม่บ้านต่างออกไปจับจ่ายสินค้า ซื้อตุนกันไว้เป็นจำนวนมาก หรืออย่าง “ท็อปส์” ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่เคยออกแคมเปญ “Food Hero, Taste not Waste” กระตุ้นคนไทยช้อปสินค้าใกล้หมดอายุ ที่ติดสติกเกอร์ลดราคาป้ายเหลือง ที่ยังคงคุณภาพดี ในราคาลดพิเศษ30-50%
 
อย่างไรก็ดีกลยุทธ์ป้ายเหลืองไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของส่วนลด แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค สร้างความรู้สึกคุ้มค่า เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่ร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและตอบโจทย์ในยุคที่การแข่งขันด้านราคามีความเข้มข้นมากขึ้น
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 


บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
649
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
598
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
540
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
491
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
488
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
458
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด