บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.8K
2 นาที
11 กรกฎาคม 2562
3 ข้อคิดธุรกิจจากรายการ Shark Tank อเมริกา


 
รายการ Shark Tank ของ ABC ในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นรายการที่มีผู้ชมหลายล้านคน เพื่อดูผู้ประกอบการต่างๆ พยายามนำเสนอธุรกิจของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อเอาชนะกลุ่มนักลงทุนอย่างสุดความสามารถ 

ภาพจาก bit.ly/2JHJPEC
 
อย่างไรก็ตาม นอกจากรายการ Shark Tank จะมีทั้งความบันเทิงที่คนดูเฝ้าติดเป็นประจำ ในรายการยังมีข้อคิดธุรกิจดีๆ รวมถึงบทเรียนในการทำธุรกิจที่ได้จากนักลงทุนที่เข้าร่วมรายการมอบให้ด้วย
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com ขอนำเสนอข้อคิดในการทำธุรกิจ หรือบทเรียนที่ได้จากการดูรายการ Shark Tank ครับ
 
1.พิสูจน์ให้ได้ว่าสินค้ามีตลาดรองรับ


ภาพจาก bit.ly/2LTwGdY
 
ผู้ประกอบการที่ได้คัดเลือกมารายการ Shark Tank จำเป็นต้องมีไอเดีย มีตัวสินค้าหรือธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่หลายๆ ครั้ง ทางรายการพยายามบอกว่า ผู้ประกอบการไม่ควรมองหานักลงทุน จนกว่าจะสามารถขายสินค้าได้ 
 
กล่าวคือ ผู้ประกอบการต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดว่า สินค้าของตัวเองมีตลาดรองรับ หรือตลาดมีความต้องการ และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน โดยวิธีการพิสูจน์ตำแหน่งทางการตลาดมีหลายทาง ขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจ ผู้ประกอบการบางรายเลือกให้ความสำคัญที่การขายออนไลน์ ในขณะที่บางรายเลือกหาผู้ค้าส่งเพื่อกระจายสินค้าต่อให้ผู้ค้าปลีก
 
Joel Goldstein ประธานบริษัท Mr. Checkout Distributors เครือข่ายผู้ค้าปลีก และผู้ค้าส่งที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดส่งสินค้าของว่าที่ผู้ประกอบการจาก Shark Tank มากมายไปยังร้านค้านับร้อยๆ แห่ง ได้นำเสนอว่า “ยิ่งผลิตภัณฑ์ได้รับการพิสูจน์โดยการถูกผลักดันออกสู่ร้านค้าหลายแห่งมากเท่าไร ความเสี่ยงในความรู้สึกของผู้ลงทุนก็น้อยลงเท่านั้น”


ภาพจาก bit.ly/30xFsTl
 
Goldstein จึงให้ความสำคัญเรื่องการดันสินค้าออกสู่ร้านค้าให้เร็ว และการจัดเรียงสินค้าในตำแหน่งที่เหมาะสม เพราะจะมีผลต่อการขายโดยเขาบอกว่า ตำแหน่งและช่วงเวลาที่ถูกต้องที่ลูกค้าจะได้เห็นสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ 
 
ลูกค้าต้องเห็นสินค้าคุณ ไม่งั้นคุณจะขายไม่ได้ ดังนั้น เมื่อจะผลิตสินค้าใหม่ ๆ คุณควรทดสอบหลายอย่าง เช่น การทดสอบการตลาดในร้าน การทดสอบเรื่องแพ็คเกจสินค้า และการเสนอขายสินค้า เป็นต้น
 
Goldstein บอกว่า การนำสินค้าไปวางบนชั้นขายเป็นอุปสรรคขั้นแรก ผู้ประกอบการต้องคิดว่าจะวางสินค้ายังไงให้กลายเป็นแบรนด์ระดับประเทศ จากนั้นจะทำยังไงให้ผู้ค้าปลีกขายสินค้าได้มากขึ้น และอยู่ในรายการขายได้นานที่สุด 
 
ที่สำคัญผู้ประกอบการควรสร้างเสียงฮือฮาในตัวสินค้าให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเวลาเสนอขายให้ผู้ขายปลีก คุณต้องทำให้เขาได้รู้จักสินค้าคุณก่อนที่คุณจะเดินเข้าไปหา ถ้าคุณตอบโจทย์ทุกอย่างนี้ได้ ผู้ประกอบการจะผ่านด่านนักลงทุนไปอีกขั้นแน่นอน
 
2.เน้นที่จุดแข็งของสินค้าหรือธุรกิจตัวเอง


ภาพจาก bit.ly/2LemuNZ
 
อย่าขยายกิจการเร็วเกินไป จนกว่าผู้ประกอบการจะทำจุดเริ่มต้นแรกให้ดีที่สุดได้ บางครั้งการขยายกิจการอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่คำตอบ ความยึดมั่นในการพัฒนาคุณภาพแบรนด์ของตัวเอง อาจพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ดีกว่า เมื่อคิดจะผลิตสินค้าก็ต้องพัฒนาไปให้ถึงที่สุด ผู้ประกอบการต้องใส่ใจกับแบรนด์ และทำแบรนด์ของตัวเองให้แกร่งก่อนจะลงทุนอย่างอื่น 
 
หลายครั้งผู้ประกอบการไม่ผ่าน Shark Tank เพราะพลาดตรงจุดนี้ เหมือนกับกรณีของธุรกิจโบว์หูกระต่าย Mo’s Bows แม้ว่านักธุรกิจเด็กอย่าง Mo Bridges เดินออกจากรายการโดยไม่ชนะ เขาก็ได้รับบทเรียนเรื่องนี้โดยตรงจาก Daymond John


ภาพจาก bit.ly/2Ld2Gu8
 
Mo Bridges ได้รับคำเตือนจาก Daymond John เรื่องแผนธุรกิจที่จะขยายไปสู่เครื่องประดับชายอย่างเต็มรูปแบบ John บอกว่าการขยายธุรกิจอาจเร็วเกินไป Bridges ต้องโฟกัสที่ศักยภาพหลักของสินค้าตัวแรกที่เป็นของเขาจริงๆ คือ “โบว์หูกระต่าย”
 
นักลงทุนมักมองหาความหลงใหล ในการทำธุรกิจจากผู้ประกอบการตอนนำเสนอแผนธุรกิจ บางครั้งนักลงทุนต้องการลงทุนกับไอเดียแห่งอนาคต และความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ ที่มองเห็นโอกาสเดียวกันมากกว่าตัวสินค้า 
 
ดังนั้น ผู้ประกอบการควรนำเอาความหลงใหลมาสร้างความประทับใจ และเป็นจุดแข็งในช่วง 2-3 นาทีแรกของนำเสนอแผนธุรกิจ เพราะจะทำให้นักลงทุนมองเห็นว่า ผู้ประกอบการมีความตั้งใจอยากทำธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จจริงๆ  
 
3.อย่าจำกัดกรอบแคบๆ ให้ตัวเอง


ภาพจาก bit.ly/2YQiztK
 
สินค้าที่แปลกใหม่และตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ มักประสบความสำเร็จ แต่ต้องไม่ใช่สินค้าที่จำกัดกลุ่มลูกค้า หรือการตลาดที่แคบเกินไป เพราะผู้ประกอบการจะเกิดปัญหาในการขยายกิจการและทำกำไร ซึ่งความจริงการจำกัดกลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะด้านเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณต้องมั่นใจว่าการตลาดแบบเฉพาะด้าน สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย และอยู่ในตลาดได้นาน
 
การจำกัดกลุ่มลูกค้าแคบ ถือเป็นการจำกัดศักยภาพการพัฒนาธุรกิจของตัวเอง เช่น Ledge Pillow หมอนที่ถูกออกแบบพิเศษเพื่อผู้หญิงที่ชอบนอนคว่ำ และเสริมหน้าอก แน่นอนว่าทาง Shark Tank มีคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า การตลาดของธุรกิจนี้แคบเกินไป เพราะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีแค่ 3 อย่างเท่านั้น คือ 1. เป็นผู้หญิง 2. ชอบนอนคว่ำ และ 3. คนที่เสริมหน้าอก
 
นั่นหมายความว่า ผู้ประกอบการจะไม่มีโอกาสขายสินค้าให้คนส่วนมาก ที่อยู่นอกเหนือเงื่อนไข 3 ข้อนี้เลย และทำให้ผู้ประกอบการพลาดโอกาสทางธุรกิจก็ได้ แล้วจะตีกรอบให้ตัวเองทำไม ในเมื่อคุณสามารถเพิ่มการขายให้สูงกว่านี้ได้ 
 
ทั้งหมดเป็น 3 ข้อคิดทางธุรกิจได้ได้จากรายการ Shark Tank ของ ABC ในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นบทเรียนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ที่ผู้ประกอบการสามารถนำเอาไปเป็นแนวทาง ในการพัฒนาธุรกิจให้เป็นที่ต้องการของนักลงทุน ตลาด และผู้บริโภคได้ 
 
คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php

SMEs Tips
  1. พิสูจน์ให้ได้ว่าสินค้ามีตลาดรองรับ
  2. เน้นที่จุดแข็งสินค้าและธุรกิจตัวเอง
  3. อย่าจำกัดกรอบแคบๆ ให้ตัวเอง
อ้างอิงข้อมูล
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
799
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
713
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
642
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
529
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
447
เจ้าของธุรกิจกุมขมับ! วิกฤตเด็กไทยเกิดน้อยกระทบธ..
432
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด